Más contenido relacionado
วิเคราะห์หลักสูตรที่ใช้ในการอยรมทำเวบบอก
- 1. การพัฒนาศักยภาพการคิดของผูเ้ รียน
การคิดและกระบวนการคิด
การคิดเป็ นพฤติกรรมการทํางานทางสมองของมนุษย์ในการเรี ยบเรี ยงข้อมูลความรู ้และความรู ้สึก
่
นึกคิดที่เกิดจากกระบวนการเรี ยนรู ้ผานการดู การอ่าน การฟัง การสังเกต การสัมผัส และการดึงข้อมูลความรู้
่
ที่บรรจุอยูในสมองเดิมตามประสบการณ์การเรี ยนรู ้ที่ถูกสั่งสมมา
ทักษะการคิดจึงเป็ นพฤติกรรมที่มนุษย์แสดงการกระทําออกมาได้อย่างชัดเจนมองเห็นเป็ นรู ปธรรม
เช่น พฤติกรรมการสังเกต แสดงออกด้วยการเพ่งดูอย่างพินิจพิเคราะห์ หรื อพฤติกรรมการเปรี ยบเทียบ
เป็ นการนําลักษณะของสิ่ งของตั้งแต่สองอย่างขึ้นไปมาเปรี ยบเทียบกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงสิ่ งเหมือนหรื อ
สิ่ งต่าง เป็ นต้น
ดังนั้น การคิดจึงเป็ นพฤติกรรมซับซ้อนที่มีลกษณะแยกย่อยแตกต่างกันไป เช่น การคิดวิเคราะห์
ั
การคิดสร้างสรรค์ การคิดไตร่ ตรองโดยใช้วจารณญาณ ซึ่ งล้วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทํางานของร่ างกาย
ิ
ั ่
ประสาทสัมผัสทั้ง 5 และการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลที่รับรู ้เข้ามาใหม่กบข้อมูลเก่าที่ถูกบรรจุอยูในคลังสมอง
ของคนเราตลอดเวลา
ั
หากเปรี ยบเทียบการทํางานของระบบคอมพิวเตอร์ กบสมองมนุษย์หรื ออาจเปรี ยบได้กบสมองคนกับ ั
สมองกล จะพบว่า การทํางานของสมองคน ประกอบด้วยความชาญฉลาด 3 ลักษณะ คือ
1. ความสามารถในการเรียนรู้ และสื บค้ น (Tactical Intelligence) ทั้งในรู ปแบบการสังเกต การค้นหา
การซักถาม การทดลองปฏิบติ เป็ นต้น
ั
2. ความสามารถในการแยกแยะคุณค่ า (Emotional Intelligence) ทั้งในรู ปแบบการตัดสิ น การลงมติ
การแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วจารณ์ ด้วยอารมณ์ความรู ้สึกที่เห็นด้วยหรื อต่อต้าน หรื อวางเฉย
ิ
เป็นตน้
3. ความสามารถในการประมวลเนือหาสาระ (Content Intelligence) จากเรื่องราวที่เรียนรู้ใหม่
้
่
ผสมผสานกับประสบการณ์เดิมที่ถูกจัดเก็บอยูในสมอง โดยผ่านกระบวนการกลันกรอง และ ่
สังเคราะห์เป็ นความรู ้ใหม่ ที่มกประกอบไปด้วยความเข้าใจ เหตุผล และทัศนคติ ทั้งในเชิงบวก
ั
หรื อเชิงลบ ซึ่ งความรู ้สึกนึกคิดต่อเรื่ องราวต่างๆ นี่เองที่สมองกลของคอมพิวเตอร์ ไม่สามารถ
ทํางานได้เหมือนสมองของมนุษย์
การฝึ กฝนกระบวนการเรี ยนรู ้แก่ผเู ้ รี ยนจึงต้องกระตุนการทํางานและเสริ มสร้างความสามารถของ
้
สมองทั้ง 3 ด้านที่กล่าวมา จึงจะบังเกิดผลการเรี ยนรู ้ที่สมบูรณ์ คือ บังเกิดความรู ้ความเข้าใจที่มีความชัดเจน
ยิงขึ้น บังเกิดความชํานาญในทักษะและการปฏิบติได้คล่องแคล่วขึ้น และที่สาคัญบังเกิดค่านิยมคุณธรรมที่
่ ั ํ
งอกงามขึ้นในจิตใจของผูเ้ รี ยน
- 2. การสร้ างศักยภาพในการคิดของสมอง
การจัดการเรี ยนการสอนตามจุดหมายของการปฏิรูปการเรี ยนรู ้ทศวรรษที่ 2 และเป้ าหมายการเรี ยนรู ้
ของหลักสู ตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 มีจุดมุ่งหมายสําคัญ คือ การฝึ กฝนให้ผเู ้ รี ยนมี
ั
ความสามารถในการคิดและการเรี ยนรู ้ ผูสอนต้องจัดกิจกรรมการเรี ยนรู ้ให้สัมพันธ์กบกระบวนการทํางาน
้
ทางสมองของผูเ้ รี ยน (Brain Based Learning : BBL) โดยฝึ กฝนพฤติกรรมการคิดระดับต่างๆ ตามลําดับ
ทักษะกระบวนการคิดที่เป็ นแกนสําคัญ (Core Thinking Processes) ดังนี้
1. การสังเกตลักษณะของสิ่ งต่างๆ
2. การสังเกตและระบุความเหมือน
3. การสังเกตและจําแนกความแตกต่าง
4. การจัดหมวดหมู่สิ่งของหรื อตัวอย่างที่เข้าพวก
5. การระบุสิ่งของและจําแนกตัวอย่างที่ไม่เข้าพวก
6. การเปรี ยบเทียบและระบุขอมูลความรู ้ได้ถูกต้อง
้
7. การคนหาสิ่งของที่มีลกษณะหมวดหมู่เดียวกน
้ ั ั
8. การรวบรวมและจัดลําดับสิ่ งของตามขนาด
9. การรวบรวมและจัดลําดับเหตุการณ์ตามกาลเวลา
10. การยกตัวอย่างและการกล่าวอ้าง
11. การสรุ ปความหมายจากสิ่ งที่อ่านหรื อฟัง
12. การสรุ ปความหมายจากสิ่ งที่สังเกตและพบเห็น
13. การวิเคราะห์เชื่อมโยงความสัมพันธ์
14. การวิเคราะห์รูปแบบและจัดลําดับความสําคัญ
15. การวิเคราะห์ขอมูลและสร้างความรู ้ความคิด
้
16. การนําเสนอข้อมูลความรู ้ความคิดเป็ นระบบ
17. การแยกแยะข้อเท็จจริ ง และรายละเอียดที่เป็ นความคิดเห็น
18. การนิยามและการสรุ ปความ
19. การค้นหาความเชื่อพื้นฐานและการอ้างอิง
ั
20. การแยกแยะรายละเอียดที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กนและการใช้เหตุผล
21. การคิดวิเคราะห์ขอมูลความรู ้จากเรื่ องที่อ่านอย่างมีวจารณญาณ
้ ิ
22. การตั้งสมมติฐานและการตัดสิ นใจ
23. การทดสอบสมมติฐาน อธิ บายสาเหตุและผลที่เกิดขึ้น
24. การพินิจพิเคราะห์ ทําความกระจ่างและเสนอความคิดที่แตกต่าง
25. การคิดริ เริ่ มสร้างสรรค์ การจัดระบบและโครงสร้าง
26. การออกแบบสร้างสรรค์และการประยุกต์ดดแปลง ั
- 3. รู ปแบบการคิดทั้ง 26 ประเภทนี้ ผูสอนสามารถนํามาสร้างเป็ นจุดประสงค์การเรี ยนรู ้ จัดกิจกรรมการ
้
เรี ยนการสอน มอบหมายให้ผเู ้ รี ยนลงมือปฏิบติและแสดงพฤติกรรมการคิดตามลําดับเนื้อหาการเรี ยนรู ้
ั
เหมาะสมกับวัยและจิตวิทยาการเรี ยนรู ้ ตั้งแต่ระดับช่วงชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1-3 ประถมศึกษาปี ที่ 4-6 และ
ระดับมัธยมศึกษาปี ที่ 1-6 ซึ่ งจะสะท้อนออกมาได้อย่างชัดเจนว่า ผูเ้ รี ยนมีความสามารถคิดคล่อง คิดละเอียด
คิดกว้าง คิดลึกซึ้ ง คิดหลากหลาย และคิดสร้างสรรค์แตกต่างกันไปตามคุณลักษณะและภูมิหลัง
่
ประสบการณ์การเรี ยนรู ้ที่ส่งสมอยูในสมองเดิมของผูเ้ รี ยนแต่ละคน
ั
การพัฒนากระบวนการคิด
การคิดเป็น คิดคล่อง คิดไดชดเจน จนสามารถคิดเป็น ปฏิบติเป็น และแกปัญหาได้ จะมีลกษณะเป็น
้ ั ั ้ ั
กระบวนการ การพฒนาการคิดแก่ผเู ้ รียนจึงเป็นการสอนกระบวนการและฝึกฝนวธีการอยางหลากหลาย
ั ิ ่
ที่เป็นปัจจยส่งเสริมเก้ือกลกน คือ
ั ู ั
1. การสร้างความพร้อมด้านร่ างกาย นับแต่การรับประทานอาหาร ดื่มนํ้า การหายใจ การผ่อนคลาย
การฟังเสี ยงดนตรี หรื อฟังเพลง การบริ หารสมองด้วยการบริ หารร่ างกายอย่างถูกวิธี
2. การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออํานวยต่อการคิด การเสริ มแรงให้ผเู ้ รี ยนเกิดการ
เรียนรู้และพฒนาตนเอง
ั
3. การจัดกิจกรรมและการสร้างเนื้อหาการเรี ยนรู ้ที่เหมาะสมต่อการฝึ กฝนวิธีการคิดรู ปแบบต่างๆ
โดยใช้การเรี ยนรู้กระตุนผ่านการสอนและการฝึ กทักษะการคิด
้
4. การจัดกิจกรรมและกระบวนการเรี ยนรู ้เพื่อส่ งเสริ มการคิดตามทฤษฎีต่างๆ ที่ผานการวิจยและ
่ ั
พัฒนามาแล้ว เช่น ทฤษฏีพหุ ปัญหา ทฤษฎีการสร้างความรู ้ หลักเสริ มสร้างความเป็ นพหูสูตและหลักโยนิ-
โสมนสิ การของพุทธศาสนา การจัดกิจกรรมบูรณาการการสอนกับการฝึ กทักษะการคิดในกลุ่มสาระต่างๆ
่
และการเรี ยนรู ้ผานการทําโครงงาน เป็ นต้น
5. การใช้เทคนิควิธีการที่ส่งเสริ มและพัฒนาการคิดของผูเ้ รี ยน สอดแทรกในบทเรี ยนต่างๆ เช่น
เทคนิคการใช้คาถาม การอภิปรายโดยใช้เทคนิคหมวก 6 ใบ การทําผังกราฟฟิ ก แผนภูมิความรู ้ ผังมโนทัศน์
ํ
และการใช้กิจกรรมบริ หารสมอง (brain gym) เป็ นต้น ซึ่ งมีผพฒนาเทคนิควิธีการเหล่านี้และได้รับความนิยม
ู้ ั
อย่างแพร่ หลายในสถานศึกษาต่างๆ
หมายเหตุ : การสร้างศักยภาพการคิดผ่านการจัดกระบวนการเรี ยนรู ้ที่ส่งเสริ มการคิดให้แก่ผเู ้ รี ยน
เป็ นหัวใจสําคัญอย่างยิงของการปฏิรูปการศึกษา และยังใช้เกณฑ์ประเมินวิทยฐานะครู รวมทั้งมาตรฐานการ
่
ปฏิบติงานของวิชาชีพครู โปรดศึกษาวิธีการออกแบบการจัดการเรี ยนรู ้ที่เน้นกระบวนการคิด จากคู่มือครู
ั
และแผนการจัดการเรี ยนรู ้อิงมาตรฐาน ทุกกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้และทุกรายวิชา ที่จดพิมพ์เผยแพร่ โดย
ั
บริษท อกษรเจริญทศน์ อจท. จํากัด และศึกษาค้นคว้าจาก www.aksorn.com ไดตลอดเวลา
ั ั ั ้
- 4. คําอธิบายรายวิชา
รายวิชา วิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรี ยนรู้ วิทยาศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 ภาคเรี ยนที่ 1 -2
รหัสวิชา ว 11101 เวลา 80 ชวโมง/ปี
่ั
ศึกษา วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสิ่ งมีชีวตกับสิ่ งไม่มีชีวต ลักษณะหน้าที่ของโครงสร้าง
ิ ิ
ภายนอกของพืชและสัตว์ ลักษณะ หน้าที่ และความสําคัญของอวัยวะภายนอกของมนุษย์ ตลอดจนการดูแล
รักษาสุ ขภาพ ลักษณะของสิ่ งมีชีวตในท้องถิ่น และนํามาจัดจําแนกโดยใช้ลกษณะภายนอกเป็ นเกณฑ์
ิ ั
ลักษณะหรื อสมบัติของวัสดุที่ใช้ทาของเล่น ของใช้ในชีวตประจําวัน จําแนกวัสดุที่ใช้เป็ นของเล่น ของใช้
ํ ิ
การดึง การผลักวัตถุ องค์ประกอบและสมบัติทางกายภาพของดินในท้องถิ่น ในท้องฟ้ ามีดวงอาทิตย์
ดวงจนทร์ และดวงดาว
ั
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสื บเสาะหาความรู ้ การสํารวจ ตรวจสอบ การสื บค้นข้อมูล
และการอภิปราย
เพื่อให้เกิดความรู ้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่ อสารสิ่ งที่เรี ยนรู ้ มีความสามารถในการตัดสิ นใจ
เห็นคุณค่าของการนําความรู ้ไปใช้ประโยชน์ในชีวตประจําวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริ ยธรรม คุณธรรม และ
ิ
ค่านิยมที่เหมาะสม
ตัวชี้วด
ั
ว 1.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3
ว 1.2 ป.1/1
ว 3.1 ป.1/1, ป.1/2
ว 4.1 ป.1/1
ว 6.1 ป.1/1
ว 7.1 ป.1/1
ว 8.1 ป.1/1, ป.1/2, ป.1/3, ป.1/4, ป.1/5, ป.1/6, ป.1/7
- 5. โครงสร้ างรายวิชา วิทยาศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1
มาตรฐานการ เวลา นําหนัก
้
ลําดับที่ ชื่อหน่วยการเรียน สาระสําคัญ
เรียนรู้ /ตัวชี้วด
ั (ชั่วโมง) คะแนน
1 สิ่งมีชีวตและ
ิ ว 1.1 ป.1/1 ส่ิ งมีชีวตมีลกษณะแตกต่างจากส่ิ งไม่มีชีวต
ิ ั ิ 6
สิ่ งไม่มีชีวต ิ ว 8.1 ป.1/1-ป.1/7 โดยส่ิ งมีชีวตจะมีการเคลื่อนที่ กินอาหาร ิ
ขบถ่าย หายใจ เจริญเติบโต สืบพนธุ์ และ
ั ั
ตอบสนองต่อสิ่ งเร้า แต่สิ่งไม่มีชีวตจะไม่มี ิ
ลกษณะดงกล่าว
ั ั
2 สนใจพืชและสตว ์ ว 1.1 ป.1/2
ั พืชและสตวเ์ ป็นสิ่งมีชีวตเช่นเดียวกน แตมี
ั ิ ั ่ 8
ว 8.1 ป.1/1-ป.1/7 ลกษณะโครงสร้างภายนอกแตกต่างกน
ั ั
โครงสร้างภายนอกของพืช ไดแก่ ราก ลาตน ้ ํ ้
ใบ ดอก และผล แต่ละส่วนทาหนาที่ ํ ้
แตกต่างกน โครงสร้างภายนอกของสตว ์ ั ั
ไดแก่ ตา หู จมูก ปาก ขา และเทา
้ ้
แต่ละส่วนทาหนาที่แตกต่างกน ํ ้ ั
3 สิ่งมีชีวตใกล ้
ิ ว 1.2 ป.1/1 ส่ิ งมีชีวตในทองถิ่น จะมีลกษณะที่
ิ ้ ั 4
ตวเรา
ั ว 8.1 ป.1/1-ป.1/7 เหมือนกนและแตกต่างกน ซ่ ึงสามารถ ั ั
นามาจาแนกโดยใชลกษณะภายนอกเป็น
ํ ํ ้ ั
เกณฑ์
4 ดินในทองถ่ิน ้ ว 6.1 ป. 1/1 ดินเป็ นสิ่ งแวดล้อมทางธรรมชาติที่ 4
ว 8.1 ป.1/1-ป.1/7 ประกอบดวยเศษหิน ซากพืช ซากสตว ์ ้ ั
ซ่ ึงดินในแต่ละทองถิ่นมีสมบติทางกายภาพ ้ ั
แตกต่างกนออกไป ั
5 ตวเรา ั ว 1.1 ป. 1/3 ร่ างกายของมนุษย์ประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ 8
ว 8.1 ป.1/1-ป.1/7 ทั้งอวัยวะภายในร่ างกาย และอวัยวะ
ภายนอกร่างกาย อวยวะภายนอกของมนุษย ์ ั
มีลกษณะและหนาที่แตกต่างกน อวยวะ
ั ้ ั ั
เหล่าน้ ีมีความสาคญต่อการดารงชีวต จึง ํ ั ํ ิ
ต้องป้ องกันดูแลรักษาไม่ให้อวัยวะเหล่านี้
ไดรับอนตราย ้ ั
6 ของเล่นแสนรัก ว 3.1 ป. 1/1 วสดุที่ใชทาของเล่นและของใชใน
ั ้ ํ ้ 8
ของใชใกลตว
้ ้ ั ป.1/2 ชีวตประจาวนอาจมีรูปร่าง สี ขนาด พ้ืนผิว
ิ ํ ั
ว 8.1 ป.1/1-ป.1/7 ความแขง เหมือนกนหรือแตกต่างกน ็ ั ั
ลกษณะหรือสมบติต่างๆ ของวสดุสามารถ
ั ั ั
นามาใชเ้ ป็นเกณฑในการจาแนกวสดุที่ใช้
ํ ์ ํ ั
ทาของเล่นและของใชในชีวตประจาวน
ํ ้ ิ ํ ั
- 6. มาตรฐานการ เวลา นําหนัก
้
ลําดับที่ ชื่อหน่วยการเรียน สาระสําคัญ
เรียนรู้ /ตัวชี้วด
ั (ชั่วโมง) คะแนน
7 แรงของเรา ว 4.1 ป. 1/1 การดึงและการผลกวตถุ เป็นการออกแรง
ั ั 16
ว 8.1 ป.1/1-ป.1/7 กระทาต่อวตถุ ซ่ ึงอาจทาใหวตถุเคลื่อนที่
ํ ั ํ ้ั
หรื ออาจไม่เคลื่อนที่ และเปลี่ยนแปลง
รู ปร่ างหรื ออาจไม่เปลี่ยนแปลงรู ปร่ าง
8 ท้องฟ้ าแสนงาม ว 7.1 ป. 1/1 ในทองฟ้ามีดวงอาทิตย ์ ดวงจนทร์ และ
้ ั 16
ว 8.1 ป.1/1-ป.1/7 ดวงดาว โดยมองเห็นทองฟ้ามีลกษณะเป็น
้ ั
ครึ่ งทรงกลมครอบแผ่นดินเอาไว้
- 7. ตารางกําหนดแผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 เวลา 80 ชั่วโมง
แผนการจด ั เวลา
หน่วยการเรียนรู้ วิธีสอน/กระบวนการจดการเรียนรู้
ั ทักษะการคิด
การเรียนรู้ (ชั่วโมง)
หน่วยการเรียนรู้ 1. ลกษณะของ
ั - วธีสอนแบบกระบวนการทาง
ิ - ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 3
ที่ 1 สิ่งมีชีวตและ ิ วทยาศาสตร์
ิ
สิ่งมีชีวตและ
ิ สิ่ งไม่มีชีวต ิ
สิ่ งไม่มีชีวติ 2. ความแตกต่าง - วธีสอนแบบกระบวนการกลุ่ม
ิ - ทกษะการคิดสร้างสรรค์
ั 3
ระหวาง ่
สิ่งมีชีวตและ ิ
สิ่ งไม่มีชีวต ิ
หน่วยการเรียนรู้ 1. โครงสร้าง - วธีสอนแบบกระบวนการทาง
ิ - ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 4
ที่ 2 อวัยวะ วทยาศาสตร์
ิ
สนใจพืชและสตว ์ ั ภายนอกและ
หนาที่ของ
้
อวัยวะต่างๆ
ของพืช
2. โครงสร้าง - วิธีสอนแบบกระบวนการสื บเสาะ - ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 4
อวัยวะ
ภายนอกและ
หนาที่ของ้
อวัยวะต่างๆ
ของสตว ์ ั
หน่วยการเรียนรู้ 1. ลกษณะและ
ั - วิธีสอนแบบกระบวนการสื บสวน - ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 3
ที่ 3 การจาแนก ํ สอบสวน
สิ่งมีชีวตใกล ้
ิ สิ่งมีชีวตใน ิ
ตวเรา
ั ทองถ่ิน
้
2. ลกษณะและ
ั -วธีการสอนแบบกระบวนการกลุ่ม
ิ -ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 3
การจาแนก
ํ
สิ่งมีชีวตใน
ิ
ทองถ่ิน(2)
้
- 8. แผนการจดั เวลา
หน่วยการเรียนรู้ วิธีสอน/กระบวนการจดการเรียนรู้
ั ทักษะการคิด
การเรียนรู้ (ชั่วโมง)
หน่วยการเรียนรู้ 1. องค์ประกอบ - วธีสอนแบบกระบวนการทาง
ิ - ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 5
ที่ 4 และสมบัติทาง วทยาศาสตร์
ิ
ดินในทองถ่ิน
้ กายภาพ
ของดิน
หน่วยการเรียนรู้ 1. ร่างกายของเรา - วธีสอนแบบกระบวนการ
ิ - ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 6
ที่ 5 (1) สืบเสาะหาความรู้ : 5Es
ตวเรา
ั 2. ร่างกายของเรา - วธีสอนแบบกระบวนการ
ิ - ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 3
(2) สืบเสาะหาความรู้ : 5Es
3. ร่างกายของเรา - วธีสอนแบบกระบวนการ
ิ -ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 3
(3) สืบเสาะหาความรู้ : 5Es
4. ร่างกายของเรา - วธีสอนแบบกระบวนการ
ิ -ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 3
(4) สืบเสาะหาความรู้ : 5Es
หน่วยการเรียนรู้ 1. ของเล่นและ - วธีสอนแบบกระบวนการทาง
ิ - ทกษะการคิดสร้างสรรค์
ั 7
ที่ 6 ของใช้ของฉัน วทยาศาสตร์
ิ
ของเล่นแสนรัก 2. วสดุใกลตว
ั ้ ั - วธีสอนแบบกระบวนการทาง
ิ 1. ทกษะการคิดสร้างสรรค์
ั 7
ของใชใกลตว
้ ้ ั วทยาศาสตร์
ิ 2. ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั
หน่วยการเรียนรู้ 1. ดึงและผลก
ั - วธีสอนแบบกระบวนการทาง
ิ 1. ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั 13
ที่ 7 วทยาศาสตร์
ิ 2. ทกษะการคิดสงเคราะห์
ั ั
แรงของเรา
หน่วยการเรียนรู้ 1. บนท้องฟ้ า - วธีสอนแบบกระบวนการทาง
ิ 1. ทกษะการคิดสร้างสรรค์
ั 13
ที่ 8 วทยาศาสตร์
ิ 2. ทกษะการคิดวเิ คราะห์
ั
ทองฟ้าแสนงาม
้