SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 33
Descargar para leer sin conexión
การลาเลยงนําของพช
               ํ ี ้       ื

จุดประสงค์ การเรียนรู้ เพื่อให้ นักเรียนสามารถ
สืบค้นข้อมูล อภปราย และอธิบายเก่ ียวกบ
               ิ                          ั
กระบวนการลําเลียงนําของพืช และการเกิด
                      ้
กตเตชันของพืช
  ั
นักเรี ยนทราบหรื อไม่วาต้ นไม้ ที่มีขนาดใหญ่ และสูงๆ เช่น ต้ น
                      ่
กุหลาบกับต้ นจามจุรี มีการลําเลียงนํ ้าและสารอาหารจากรากขึ ้น

ไปสูปลายยอดได้ อย่างไร
   ่                     ?
นํา เป็ นปั จ จัย สํา คัญต่อ การเจริ ญ เติ บ โตของพื ช พื ช ที ่
          ้
กํ า ลัง เจริ ญ เติ บ โตมี นํ า อยู่ป ระมาณร้ อยละ 90 ของนํ า หนัก
                              ้                              ้
ทั ง หมด พื ช บกขนาดเล็ ก ที ่ไ ม่ มี ท่ อ ลํ า เลี ย ง(มอส) จะ
     ้
เจริ ญเติบโตได้ ดีในบริ เวณที่มีความชื ้นสูงและมีร่มเงา ในต้ นไม้
บางต้ นที่มีความสูงกว่า 100 เมตร เซลล์ทกเซลล์ยงสามารถรับ
                                                ุ      ั
นําและแร่ธาตุต่างๆ จากการดูดซึมของรากที่ลําเลียงผ่านมา
   ้
ตามท่อลําเลียงได้ และปริมาณของนํ ้าที่ลําเลียงเข้ามาในพืชนี ้
พืชนําไปใช้ เกี่ยวกับกระบวนการเมแทบอลิซมน้ อยมาก นํ ้าส่วน
                                                  ึ
ใหญ่ จึ ง สู ญ เสี ย ออกทางปากใบสู่ บ รรยากาศ แล้ ว พื ช จะ
ลําเลียงนํ ้าขึ ้นมาทดแทน
ความสําคญของนําต่อพช
                         ั     ้    ื
1. นํ ้าเป็ นส่วนประกอบที่สาคัญในเซลล์พืช ใบพืชล้ มลุกจะมีนํ ้า
                             ํ
   ประกอบอยูมากกว่าพืชยืนต้ น (เนื ้อเยื่ออ่อนจะมีนํ ้ามากกว่า
                   ่
   เนื ้อเย่ือแก่)
2. นํ ้าช่วยให้ เซลล์พืชเต่ง ช่วยให้ เกิดการเปิ ดปิ ดของปากใบ และ
   การเคลื่อนไหวของพืชด้ วย
3. นํ ้าเป็ นตัวทําละลาย จึงทําให้ เกิดการลําเลียงแร่ธาตุของพืช
   และเกิดการลําเลียงสารอาหารในพืช
ความสําคญของนําต่อพช
                         ั     ้    ื
4. นํ ้าเป็ นตัวร่วมในปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ เช่น กระบวนการ
เมแทบอลิซม การสังเคราะห์ด้วยแสง
              ึ
5. นํ ้าทําหน้ าที่ควบคุมอุณหภูมิของเซลล์ และลําต้ นพืช
การคายนํ ้าของพืชช่วยในการระบายความร้ อนให้ แก่พืช
ปกติ ใ นดิ น จะมี นํ า อยู่บ้ า ง
                           ้
ไม่มากก็น้อย นํ ้าในดินเหล่านี ้มี
แร่ ธาตุหลายชนิดที่พืชต้ องการ
ละลายอยู่ รากพืชโดยทัวไปจะ    ่
แตกออกเป็ นรากแขนงเล็ ก ๆ
จํานวนมาก จึงสามารถชอนไช
ในดิ น ได้ เป็ นบริ เ วณกว้ าง ที ่
ปลายรากจะมี ข นรากซึ ง เป็ น    ่
ส่ ว น ข อง เ อพิ เ ด อร์ มิ ส ที่ ยื่ น
ออกไป
บริ เวณขนราก (Root hair zone) จะมีขนรากจํานวน
มาก ทําให้ เพิ่มพื ้นที่ผิวที่สมผัสกับนํ ้าซึงแทรกตัวอยูในช่องว่าง
                               ั             ่         ่
ภายในดินได้ เป็ นจํานวนมาก ขนรากดูดนํ ้าโดยกระบวนการ
ออสโมซส (Osmosis) ขนรากจะเป็ นส่วนของเซลล์เอพเิ ดอร์มิส
          ิ
ท่ีย่ืนออกมาดังนันจึงเป็ นเซลล์เดียวกัน
                    ้
ในภาวะปกติสารละลายที่อยูในดินรอบๆ ราก มักมีความ
                                     ่
เข้ มข้ นน้ อยกว่าสารละลายที่อยูในเซลล์เอพิเดอร์มิส นํ ้าจากดิน
                                  ่
จึงเข้ าสูรากได้ ตลอดเวลา ดังนันปั จจัยที่สําคัญที่ทําให้ นํ ้าจากดิน
          ่                     ้
เข้ าสูรากหรื อออกจากรากสูดิน ได้ แก่ ความแตกต่างระหว่าง
       ่                     ่
ความเข้มข้นของสารละลายในดนกบในราก   ิ ั
         ถ้ าหากความเข้ มข้ นของสารละลายในดินสูง พืชจะดูดนํ ้า
ได้ ยาก และยิ่งสารละลายมีความเข้ มข้ นสูงมาก ๆ พืชยิ่งดูดนํ ้า
ไม่ได้ และเป็ นอันตรายต่อพืชมาก
ดังนันการใส่ป๋ ยอินทรี ย์ให้ แก่ดินในปริ มาณที่มากจะมีผลต่อ
             ้       ุ
ความเข้ มข้ นของสารลายในดินไม่มากนัก เนื่องจากสารอินทรี ย์มี
การสลายตัวทีละน้ อย ๆ และพืชก็นําไปใช้ ได้ เรื่ อย ๆ ความเข้ มข้ น
ของสารละลายภายในดิน จึงไม่เปลียนแปลง ่

          แต่ถ้าหากใส่ป๋ ยอนินทรีย์ในปริมาณท่ีมาก จะทําให้
                         ุ
สารละลายรอบ ๆ ราก มีความเข้ มข้ นมาก เพราะป๋ ยอนินทรีย์
                                                   ุ
ละลายนํ ้าได้ ดี จะไหลซึมไปบริ เวณอืน ๆ ทําให้ สญเสียปุยและ
                                      ่          ู    ๋
ค่าใช้ จ่ายไปมาก และยังอาจเป็ นโทษอีกด้ วย
ฉะนนการใสป๋ ยอนินทรีย์แต่น้อย ๆ แต่บอยครังจึงดีกว่า
     ั้        ่ ุ                       ่     ้
โครงสร้างททาหน้าทในการลาเลยงนํา
                       ่ี ํ   ่ี    ํ ี ้
จากการศึกษาโครงสร้ างภายในของราก ทิศทางการเคลื่อนที่ของนํ ้า
ภายในราก เริ่ มตังแต่ขนรากของเซลล์เอพิเดอร์ มิส(epidermis)
                   ้
ผ่านเข้ าสูชนคอร์ เทกซ์ (cortex) ซึงมีชนเอนโดเดอร์มิส
            ่ ั้                   ่ ั้
(endodermis)เป็ นชันในสุด ผ่านเพริ ไซเคิล(pericycle)
                          ้
และเข้ าสูไซเลม(xylem) ตามลําดับ การเคลื่อนที่ของนํ ้าเป็ นไป
          ่
ในแนวรัศมีรอบส่วนของรากจากภายนอกเข้ าสูภายใน และเป็ น
                                            ่
ระยะทางสัน ๆ     ้
นํ ้าและแร่ธาตุจากดินจะถูกดูดซึม โดยขนรากผ่านชัน คอร์ เทกซ์
                                                      ้
จนถึง เอนโดเดอร์มิสโดย มี 2 วธีิ
1. อะโพพลาสต์ (apoplast) เป็ นการเคลื่อนที่ของนํ ้าที่
       ผ่านช่องระหว่างผนังเซลล์ หรื อช่องว่างระหว่างเซลล์ในชัน   ้
       คอร์ เทกซ์ และผ่านเซลล์ที่ไม่มีชีวิต (ยกเว้ นเอนโดเดอร์มิส)
       คือ เทรคีด และเวสเซล ระบบอะโพพลาสต์ จะแบง           ่
       ออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่อยูในคอร์ เทกซ์ และในไซเลม โดย
                                    ่
       มีชนเอนโดเดอร์มิสของคอร์ เทกซ์เป็นตวกน
          ั้                                   ั ั้
2. ซมพลาสต์ (symplast) คือการที่นํ ้าและแร่ธาตุผ่านจากเซลล์
      ิ
   หนึงไปยังอีกเซลล์หนึงผ่านทางไซโทพลาซึมของเซลล์ โดย
        ่                 ่
   ไซโทพลาซึมของเซลล์แต่ละเซลล์ จะเชื่อมต่อกันด้ วยท่อเล็ก ๆ
   เรี ยกว่าพลาสโมเดสมาตา (plasmodesmata) นํ ้าเมื่อ
   ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์แล้ วผ่านจากไซโทพลาซมไปยงคอร์ เทกซ์
                                                ึ    ั
   นํ ้าส่วนใหญ่ผ่านไปตามผนังเซลล์ เมื่อถึงเอนโดเดอร์มิสไม่
   สามารถผ่านไปได้ เนื่องจากมีสารซเู บอริ นเคลือบอยู่ เรี ยกว่า
   แคสพาเรี ยนสติพ (casparian strip) โมเลกุลของนํ ้าจึง
   ต้ องผ่านไซโทพลาซึม แล้ วจึงเข้ าสูเ่ พริ ไซเคิล และไซเลมต่อไป
สรุป วธีอะโพพลาสต์ นํ ้าและแร่ธาตุจะผ่านชันเอนโด
            ิ                                       ้
เดอร์ มิสไปไมได้ จงต้องใช้วธีซมพลาสต์ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ของ
              ่ ึ          ิ ิ
เอนโดเดอร์มิส เข้ าสูไซโทพลาซึมของเอนโดเดอร์มิส แล้ วจึงเข้ าสู่
                    ่
สตีล จนถึงไซเลม แร่ธาตุที่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จงถูกคัดเลือก
                                             ึ
(Select) โดยเยื่อหุ้มเซลล์
เมื่อเซลล์ของเอนโดเดอร์มิส และเซลล์ในชันสตีล ส่งนํ ้าและ
                                                     ้
แร่ธาตุเข้ าสูไซเลม ไซเลมประกอบด้ วย เทรคีดและเวสเซล ซงเป็น
              ่                                                ่ึ
เซลล์ที่ตายแล้ ว ไม่มีไซโทพลาซม เหลอแตผนงเซลล์ และชองวาง
                                 ึ       ื ่ ั                ่ ่
ลูเมน (Lumen) เมื่อนํ ้าและแร่ธาตุเข้ าสู่ ไซเลม จึงเปลี่ยนจากวิธี
ซิมพลาสต์ เป็ นอะโพพลาสต์ หลังจากนันจะลําเลียงขึ ้นสูลําต้ นเข้ า
                                             ้             ่
สูทอลําเลียง คือ ไซเลม แล้ วพืชจะลําเลียงนํ ้าต่อไปยังส่วนต่าง ๆ
  ่ ่
ทังยอด ลําต้ น กิ่ง และใบ เพื่อส่งนํ ้าไปให้ ทก ๆ เซลล์ของต้ นพืช
   ้                                           ุ
กลไกการลาเลยงนําของพช
        ํ ี ้       ื
กลไกที่พืชใช้ ในการลําเลียงนํ ้าจากรากไปสูยอดพืช เกิดขึ ้นโดย
                                              ่
อาศัยกระบวนการต่าง ๆ คือ
1.แรงดงจากการคายนํา (transpiration pull) เป็ นแรง
           ึ                  ้
ดึงที่เกิดขึ ้นจากการดึงนํ ้าขึ ้นมาทดแทนนํ ้าที่เสียไปจากการคายนํ ้า
วิธีนี ้สามารถดึงนํ ้าขึ ้นมาได้ ในปริ มาณสูง
การดึงนํ ้าโดยวิธีนี ้จําเป็ นต้ องอาศัยแรงยึดระหว่างโมเลกุลของนํ ้า
ด้ วยกันเอง เรี ยกแรงโคฮีชน(cohesion) และแรงยึดระหว่าง
                               ั
โมเลกุลของนํ ้ากับผนังเซลล์ของท่อไซเลม เรี ยกแรงแอดฮีชน     ั
(adhesion) การลําเลียงนํ ้าโดยวิธีนี ้จึงสามารถเกิดขึ ้นได้ อย่าง
ต่อเนื่องจากข้ างล่างถึงบนยอดพืชโดยไม่มีการขาดตอน
อธิบายตอในหนงสือหน้า 46
       ่    ั
2.แรงดันราก (Root pressure) เมื่อพืชดูดนํ ้าทางราก
ตลอดเวลา ทําให้ ปริ มาณนํ ้าในรากมีจํานวนมากขึ ้น จนเกิดแรงดัน
ในรากสูงมากขึ ้น สามารถดันให้ ของเหลวไหลขึ ้นไปตามท่อไซเลม
แรงดันนี ้เรี ยกว่า แรงดันราก (Root pressure) หากปากใบ
เปิ ดจะดันต่อเนื่องจนออกมาเป็ นไอนํ ้าทางปากใบ แต่เมื่อปากใบ
ปิ ด นํ ้าจึงออกมาเป็ นหยดนํ ้าที่ปลายของเส้ นใบซึงมีรูเล็ก ๆ อยู่
                                                        ่
           ในต้ นไม้ บางชนิด เช่น พืชตระกูลสน มีแรงดันรากน้ อยมาก
บางครังในขณะที่พืชต้ องการนํ ้ามาก พืชกลับมีแรงดันรากน้ อย เช่น
         ้
ในฤดูแล้ ง พืชจะต้ องใช้ วธีตาง ๆ เพื่อลําเลียงนํ ้าขึ ้นไปสูลําต้ นที่อยู่
                            ิ ่                             ่
สูง ๆได้
แรงดันคะปิลลารี(capillarity pressure)
ปัจจัยควบคุมการลําเลียงของพืช
     ปริมาณนําในดน ถ้ าในดินมีนํ ้ามากพอประมาณ อัตรา
                ้     ิ
การดูดนํ ้าของรากก็จะเพิ่มขึ ้นรวดเร็ว แต่ถ้าในดินมีนํ ้ามาก
เกินไปจนท่วมขังต้ นพืชอยูตลอดเวลา ก็จะทําให้ รากดูดนํ ้าได้
                          ่
น้ อยลงและช้ าลง เนื่องจากดินที่มีนํ ้าขัง จะมีปริ มาณแก๊ ส
ออกซิเจนน้ อย ซึงพืชจําเป็ นต้ องใช้ แก๊ สนี ้ในกระบวนการเม
                  ่
แทบอลิซม จึงส่งผลให้ กระบวนการเมแทบอลิซมที่เกิดขึ ้นในพืช
          ึ                                       ึ
น้ อยไปด้ วย ทําให้ รากขาดนํ ้าได้ ได้ ทง ๆ ที่รากแช่อยูในนํ ้า
                                        ั้             ่
อ ุณหภ ูมิ อุณหภูมิในดินมีสวนเกี่ยวข้ องกับการลําเลียงนํ ้า
                                   ่
เช่นเดียวกัน อุณหภูมิในดินจะต้ องไม่สงหรื อตํ่ามากเกินไป ราก
                                       ู
จะดูดนํ ้าได้ ดีและรวดเร็ว แต่ถ้าอุณหภูมิสงมากเกินไปหรื อตํ่า
                                          ู
มากๆ จนนํ ้าเป็ นนํ ้าแข็ง รากพืชจะไม่สามารถดูดนํ ้าได้ ทําให้ พืช
ขาดนํ ้า
     ความเข้มข้นของสารละลายในดิน การที่สารละลาย
ในดินมีความเข้ มข้ นสูงมากไป จะมีผลทําให้ นํ ้าจากใบ ราก
แพร่ออกมาสูดิน จนทําให้ พืชสูญเสียนํ ้าไปมากจนอาจทําให้ พืช
                ่
ถึงตายได้
อากาศในดน และการถ่ายเทอากาศในดน
                    ิ                               ิ
มีความสําคัญต่อการดูดนํ ้าเช่นเดียวกัน เพราะรากต้ องการ
ออกซิเจนไปใช้ ในกระบวนการเมแทบอลิซม ถ้ าดินอัดตัวกันแน่น
                                         ึ
เกินไป จนไม่มีช่องว่างของอากาศ หรื อมีนํ ้าขังอยู่ อากาศในดินจะ
น้ อยลง ทําให้ รากขาดแก๊ สออกซิเจน ส่งผลให้ การดูดนํ ้าของพืชก็
น้ อยลงด้ วย
ในสภาวะที่พืชไม่มีการคายนํ ้า เช่น ปากใบปิ ดในเวลา
กลางคืน หรื อในขณะที่สงแวดล้ อมไม่เหมาะสมกับการคายนํ ้า
                            ิ่
ทางปากใบ เช่น เมื่ออากาศมีความชื ้นมาก พืชบางชนิดจะกําจัด
นํ ้าออกมาในรูปของหยดนํ ้า ทางรูเปิ ดเล็ก ๆ ซึงเป็ นส่วนปลาย
                                              ่
ของไซเลมที่มาสิ ้นสุดตามขอบใบหรื อปลายของเส้ นใบ รูเหล่านี ้
เรี ยกว่า ไฮดาโทด (hydathod) กระบวนการคายนํ ้าของพืช
ในรูปของหยดนํ ้าเช่นนี ้เรี ยกว่า กตเตชัน (guttation)
                                   ั
กัตเตชัน (guttation)-เห็นหยดนํ้าเกาะตามขอบใบ และหรื อ
                       ปลายใบ
เนื่องจากพืชมีการดูดนํ ้าอยูตลอดเวลา นํ ้าจะเข้ าไปอยูในรากเป็ น
                              ่                       ่
จํานวนมากขึ ้นทุกที ทําให้ เกิดแรงดันของเหลวให้ ไหลขึ ้นไปตามท่อ
ไซเลมในลําต้ น ใบ และไหลออกมาทางรูเปิ ดของท่อเล็ก ๆ ที่อยู่
ปลายของเส้ นใบ มองเห็นเป็ นหยดนํ ้าเล็ก ๆ เกาะอยูตามขอบใบ
                                                    ่
เราจะพบปรากฏการณ์นี ้ในธรรมชาติได้ อย่างชัดเจนในตอนเช้ าที่
อากาศมีความชื ้นมาก ๆ ซึงมักไม่เกิดบ่อยนัก
                            ่
รู้หรือไม่

ชาวสวนใช้ ประโยชน์จากความรู้เรื่ องการลําเลียงนํ ้าและการคายนํ ้า
โดย การตัดดอกไม้ ตอนเช้ ามืดมากกว่าตอนกลางวัน เพราะตอน
เช้ ามืดแสงสว่างยังไม่มีหรื อมีก็ไม่มาก ปากใบจึงปิ ด การคายนํ ้าจึง
น้ อย จึงไม่เหี่ยวง่ายเหมือนการตัดดอกไม้ ในตอนกลางวัน

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดWan Ngamwongwan
 
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่Benjapron Seesukong
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2  เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2  เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตPinutchaya Nakchumroon
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12  การสังเคราะห์แสงบทที่ 12  การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสงPinutchaya Nakchumroon
 
การเกิดลม
การเกิดลมการเกิดลม
การเกิดลมdnavaroj
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย Thitaree Samphao
 
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1Wuttipong Tubkrathok
 
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศSupaluk Juntap
 
11.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน2
11.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน211.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน2
11.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน2Wichai Likitponrak
 
ใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงพัน พัน
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบThanyamon Chat.
 
ระบบน้ำเหลือง
ระบบน้ำเหลืองระบบน้ำเหลือง
ระบบน้ำเหลืองWan Ngamwongwan
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมdnavaroj
 
บรรยากาศ
บรรยากาศบรรยากาศ
บรรยากาศSupaluk Juntap
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1Sumarin Sanguanwong
 
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกบทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกTa Lattapol
 
ระบบหายใจ (1-2560)
ระบบหายใจ  (1-2560)ระบบหายใจ  (1-2560)
ระบบหายใจ (1-2560)Thitaree Samphao
 

La actualidad más candente (20)

ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือดระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด
 
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
 
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
ข้อสอบวิทย์เรื่องเซลล์ 1
 
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบธาตุและสารประกอบ
ธาตุและสารประกอบ
 
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2  เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบทที่ 2  เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
บทที่ 2 เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12  การสังเคราะห์แสงบทที่ 12  การสังเคราะห์แสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์แสง
 
การเกิดลม
การเกิดลมการเกิดลม
การเกิดลม
 
ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย ระบบขับถ่าย
ระบบขับถ่าย
 
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
 
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
ลมฟ้าอากาศ บรรยากาศ
 
11.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน2
11.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน211.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน2
11.โครงสรา้งและหน้าที่ของราก ลำต้น ใบ ตอน2
 
ใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสงใบความรู้เรื่องแสง
ใบความรู้เรื่องแสง
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
 
ระบบน้ำเหลือง
ระบบน้ำเหลืองระบบน้ำเหลือง
ระบบน้ำเหลือง
 
ระบบหายใจ (Respiratory System)
ระบบหายใจ (Respiratory System)ระบบหายใจ (Respiratory System)
ระบบหายใจ (Respiratory System)
 
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรมแบบทดสอบ บทที่  6  การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
แบบทดสอบ บทที่ 6 การถ่ายทอดลักษณะทางพันธูกรรม
 
บรรยากาศ
บรรยากาศบรรยากาศ
บรรยากาศ
 
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
ใบความรู้เรื่องเซลล์ของสิ่งมีชีวิต1
 
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกบทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
 
ระบบหายใจ (1-2560)
ระบบหายใจ  (1-2560)ระบบหายใจ  (1-2560)
ระบบหายใจ (1-2560)
 

Destacado

บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   การคายน้ำ (5)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   การคายน้ำ (5)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)Pinutchaya Nakchumroon
 
การคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชการคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชnokbiology
 
การคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชการคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชdnavaroj
 
การลำเลียงในพืช
การลำเลียงในพืชการลำเลียงในพืช
การลำเลียงในพืชพัน พัน
 
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสงเอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสงOui Nuchanart
 
การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำ
การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำการแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำ
การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำAnana Anana
 
ขนราก
ขนรากขนราก
ขนรากdnavaroj
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสงบทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสงTiew Yotakong
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบNokko Bio
 
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้นโครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้นThanyamon Chat.
 
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
บทที่  16  ยีนและโครโมโซมบทที่  16  ยีนและโครโมโซม
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซมPinutchaya Nakchumroon
 
สรุปเข้มฯ#7 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน
สรุปเข้มฯ#7 วิทยาศาสตร์พื้นฐานสรุปเข้มฯ#7 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน
สรุปเข้มฯ#7 วิทยาศาสตร์พื้นฐานPasit Suwanichkul
 
เนื้อเยื่อพืช
เนื้อเยื่อพืชเนื้อเยื่อพืช
เนื้อเยื่อพืชThanyamon Chat.
 

Destacado (20)

การลำเลี้ยงน้ำและอาหารในพืช
การลำเลี้ยงน้ำและอาหารในพืชการลำเลี้ยงน้ำและอาหารในพืช
การลำเลี้ยงน้ำและอาหารในพืช
 
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   การคายน้ำ (5)บทที่  11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช   การคายน้ำ (5)
บทที่ 11 โครงสร้างและหน้าที่ของพืช การคายน้ำ (5)
 
การคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชการคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืช
 
การคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืชการคายน้ำของพืช
การคายน้ำของพืช
 
8. ชุดที่ 5 การลำเลียง
8. ชุดที่ 5 การลำเลียง8. ชุดที่ 5 การลำเลียง
8. ชุดที่ 5 การลำเลียง
 
ใบงานวิทย์ ม.1
ใบงานวิทย์ ม.1ใบงานวิทย์ ม.1
ใบงานวิทย์ ม.1
 
การลำเลียงในพืช
การลำเลียงในพืชการลำเลียงในพืช
การลำเลียงในพืช
 
เซลล์พืช 1
เซลล์พืช 1 เซลล์พืช 1
เซลล์พืช 1
 
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสงเอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
เอกสารประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ การศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง
 
การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำ
การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำการแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำ
การแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำ
 
ขนราก
ขนรากขนราก
ขนราก
 
บทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสงบทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสง
บทที่ 12 การสังเคราะห์ด้วยแสง
 
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบโครงสร้างและหน้าที่ของใบ
โครงสร้างและหน้าที่ของใบ
 
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้นโครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
โครงสร้างและหน้าที่ของรากลำต้น
 
7.ชุดที่ 4 การสังเคราะห์แสง
7.ชุดที่ 4 การสังเคราะห์แสง7.ชุดที่ 4 การสังเคราะห์แสง
7.ชุดที่ 4 การสังเคราะห์แสง
 
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
บทที่  16  ยีนและโครโมโซมบทที่  16  ยีนและโครโมโซม
บทที่ 16 ยีนและโครโมโซม
 
stem structure
stem structurestem structure
stem structure
 
carbondioxide fixation
carbondioxide fixationcarbondioxide fixation
carbondioxide fixation
 
สรุปเข้มฯ#7 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน
สรุปเข้มฯ#7 วิทยาศาสตร์พื้นฐานสรุปเข้มฯ#7 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน
สรุปเข้มฯ#7 วิทยาศาสตร์พื้นฐาน
 
เนื้อเยื่อพืช
เนื้อเยื่อพืชเนื้อเยื่อพืช
เนื้อเยื่อพืช
 

Similar a การลำเลียงน้ำของพืช

การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชการลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชnokbiology
 
การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชการลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชnokbiology
 
การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชการลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชNokko Bio
 
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocxใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocxSumarin Sanguanwong
 
การคายน้ำ
การคายน้ำการคายน้ำ
การคายน้ำNokko Bio
 
การลำเลียงอาหารในพืช
การลำเลียงอาหารในพืชการลำเลียงอาหารในพืช
การลำเลียงอาหารในพืชdnavaroj
 
4water culture 2
4water culture 24water culture 2
4water culture 2kasetpcc
 
การลำเลียงน้ำของพืช (2).pdf
การลำเลียงน้ำของพืช (2).pdfการลำเลียงน้ำของพืช (2).pdf
การลำเลียงน้ำของพืช (2).pdfssuser48f3f3
 
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้ง
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้งBiomapcontest2014 กะหล่ำปุ้ง
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้งWichai Likitponrak
 
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืชWichai Likitponrak
 
Powerpoint โครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
Powerpoint โครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดีPowerpoint โครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
Powerpoint โครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดีอาภัสรา ยิ่งคำแหง
 
ระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุในพืช
ระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุในพืชระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุในพืช
ระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุในพืชdnavaroj
 
ธนาคารความรู้ การดำรงชีวิตของพืช
ธนาคารความรู้ การดำรงชีวิตของพืชธนาคารความรู้ การดำรงชีวิตของพืช
ธนาคารความรู้ การดำรงชีวิตของพืชKunnanatya Pare
 
Stemแก้net
Stemแก้netStemแก้net
Stemแก้netAnana Anana
 
การลำเลียงสารผ่านเซลล์
การลำเลียงสารผ่านเซลล์การลำเลียงสารผ่านเซลล์
การลำเลียงสารผ่านเซลล์Peangjit Chamnan
 

Similar a การลำเลียงน้ำของพืช (20)

Handling and nama plant
Handling and nama plantHandling and nama plant
Handling and nama plant
 
การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชการลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืช
 
การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชการลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืช
 
การลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืชการลำเลียงน้ำของพืช
การลำเลียงน้ำของพืช
 
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocxใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
ใบความรู้เรื่องการแพร่และออสโมซิสDocx
 
การคายน้ำ
การคายน้ำการคายน้ำ
การคายน้ำ
 
Biology Chapter10
Biology Chapter10 Biology Chapter10
Biology Chapter10
 
การลำเลียงอาหารในพืช
การลำเลียงอาหารในพืชการลำเลียงอาหารในพืช
การลำเลียงอาหารในพืช
 
4water culture 2
4water culture 24water culture 2
4water culture 2
 
สรุปเซลล์
สรุปเซลล์สรุปเซลล์
สรุปเซลล์
 
Basic cell
Basic cellBasic cell
Basic cell
 
การลำเลียงน้ำของพืช (2).pdf
การลำเลียงน้ำของพืช (2).pdfการลำเลียงน้ำของพืช (2).pdf
การลำเลียงน้ำของพืช (2).pdf
 
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้ง
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้งBiomapcontest2014 กะหล่ำปุ้ง
Biomapcontest2014 กะหล่ำปุ้ง
 
4
44
4
 
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
 
Powerpoint โครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
Powerpoint โครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดีPowerpoint โครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
Powerpoint โครงงานสำรวจป่าไม้ในตำบลคำนาดี
 
ระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุในพืช
ระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุในพืชระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุในพืช
ระบบลำเลียงน้ำและแร่ธาตุในพืช
 
ธนาคารความรู้ การดำรงชีวิตของพืช
ธนาคารความรู้ การดำรงชีวิตของพืชธนาคารความรู้ การดำรงชีวิตของพืช
ธนาคารความรู้ การดำรงชีวิตของพืช
 
Stemแก้net
Stemแก้netStemแก้net
Stemแก้net
 
การลำเลียงสารผ่านเซลล์
การลำเลียงสารผ่านเซลล์การลำเลียงสารผ่านเซลล์
การลำเลียงสารผ่านเซลล์
 

Más de Anana Anana

การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมแก้ไข
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมแก้ไขการตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมแก้ไข
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมแก้ไขAnana Anana
 
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมการตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมAnana Anana
 
สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชAnana Anana
 
การปรับตัวของพืชเพื่อรับแสง
การปรับตัวของพืชเพื่อรับแสงการปรับตัวของพืชเพื่อรับแสง
การปรับตัวของพืชเพื่อรับแสงAnana Anana
 
ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อPhotosynthesis
ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อPhotosynthesisปัจจัยบางประการที่มีผลต่อPhotosynthesis
ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อPhotosynthesisAnana Anana
 
กลไกการเพิ่มความเข้มข้นของ Co2 ในcam
กลไกการเพิ่มความเข้มข้นของ Co2   ในcamกลไกการเพิ่มความเข้มข้นของ Co2   ในcam
กลไกการเพิ่มความเข้มข้นของ Co2 ในcamAnana Anana
 
สังเคราะห์แสง3
สังเคราะห์แสง3สังเคราะห์แสง3
สังเคราะห์แสง3Anana Anana
 
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2Anana Anana
 
การสังเคราะห์ด้วยแสง1
การสังเคราะห์ด้วยแสง1การสังเคราะห์ด้วยแสง1
การสังเคราะห์ด้วยแสง1Anana Anana
 
การลำเลียงสารอาหารของพืช
การลำเลียงสารอาหารของพืชการลำเลียงสารอาหารของพืช
การลำเลียงสารอาหารของพืชAnana Anana
 
ใบพืชNet
ใบพืชNetใบพืชNet
ใบพืชNetAnana Anana
 
เนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanetเนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช AnnanetAnana Anana
 
เนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanetเนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช AnnanetAnana Anana
 

Más de Anana Anana (14)

การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมแก้ไข
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมแก้ไขการตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมแก้ไข
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมแก้ไข
 
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อมการตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม
การตอบสนองของพืชต่อสิ่งแวดล้อม
 
สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชสารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืช
 
การปรับตัวของพืชเพื่อรับแสง
การปรับตัวของพืชเพื่อรับแสงการปรับตัวของพืชเพื่อรับแสง
การปรับตัวของพืชเพื่อรับแสง
 
ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อPhotosynthesis
ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อPhotosynthesisปัจจัยบางประการที่มีผลต่อPhotosynthesis
ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อPhotosynthesis
 
กลไกการเพิ่มความเข้มข้นของ Co2 ในcam
กลไกการเพิ่มความเข้มข้นของ Co2   ในcamกลไกการเพิ่มความเข้มข้นของ Co2   ในcam
กลไกการเพิ่มความเข้มข้นของ Co2 ในcam
 
พืชC3 c4
พืชC3 c4พืชC3 c4
พืชC3 c4
 
สังเคราะห์แสง3
สังเคราะห์แสง3สังเคราะห์แสง3
สังเคราะห์แสง3
 
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง2
 
การสังเคราะห์ด้วยแสง1
การสังเคราะห์ด้วยแสง1การสังเคราะห์ด้วยแสง1
การสังเคราะห์ด้วยแสง1
 
การลำเลียงสารอาหารของพืช
การลำเลียงสารอาหารของพืชการลำเลียงสารอาหารของพืช
การลำเลียงสารอาหารของพืช
 
ใบพืชNet
ใบพืชNetใบพืชNet
ใบพืชNet
 
เนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanetเนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanet
 
เนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanetเนื้อเยื่อพืช Annanet
เนื้อเยื่อพืช Annanet
 

การลำเลียงน้ำของพืช

  • 1. การลาเลยงนําของพช ํ ี ้ ื จุดประสงค์ การเรียนรู้ เพื่อให้ นักเรียนสามารถ สืบค้นข้อมูล อภปราย และอธิบายเก่ ียวกบ ิ ั กระบวนการลําเลียงนําของพืช และการเกิด ้ กตเตชันของพืช ั
  • 2. นักเรี ยนทราบหรื อไม่วาต้ นไม้ ที่มีขนาดใหญ่ และสูงๆ เช่น ต้ น ่ กุหลาบกับต้ นจามจุรี มีการลําเลียงนํ ้าและสารอาหารจากรากขึ ้น ไปสูปลายยอดได้ อย่างไร ่ ?
  • 3. นํา เป็ นปั จ จัย สํา คัญต่อ การเจริ ญ เติ บ โตของพื ช พื ช ที ่ ้ กํ า ลัง เจริ ญ เติ บ โตมี นํ า อยู่ป ระมาณร้ อยละ 90 ของนํ า หนัก ้ ้ ทั ง หมด พื ช บกขนาดเล็ ก ที ่ไ ม่ มี ท่ อ ลํ า เลี ย ง(มอส) จะ ้ เจริ ญเติบโตได้ ดีในบริ เวณที่มีความชื ้นสูงและมีร่มเงา ในต้ นไม้ บางต้ นที่มีความสูงกว่า 100 เมตร เซลล์ทกเซลล์ยงสามารถรับ ุ ั นําและแร่ธาตุต่างๆ จากการดูดซึมของรากที่ลําเลียงผ่านมา ้ ตามท่อลําเลียงได้ และปริมาณของนํ ้าที่ลําเลียงเข้ามาในพืชนี ้ พืชนําไปใช้ เกี่ยวกับกระบวนการเมแทบอลิซมน้ อยมาก นํ ้าส่วน ึ ใหญ่ จึ ง สู ญ เสี ย ออกทางปากใบสู่ บ รรยากาศ แล้ ว พื ช จะ ลําเลียงนํ ้าขึ ้นมาทดแทน
  • 4. ความสําคญของนําต่อพช ั ้ ื 1. นํ ้าเป็ นส่วนประกอบที่สาคัญในเซลล์พืช ใบพืชล้ มลุกจะมีนํ ้า ํ ประกอบอยูมากกว่าพืชยืนต้ น (เนื ้อเยื่ออ่อนจะมีนํ ้ามากกว่า ่ เนื ้อเย่ือแก่) 2. นํ ้าช่วยให้ เซลล์พืชเต่ง ช่วยให้ เกิดการเปิ ดปิ ดของปากใบ และ การเคลื่อนไหวของพืชด้ วย 3. นํ ้าเป็ นตัวทําละลาย จึงทําให้ เกิดการลําเลียงแร่ธาตุของพืช และเกิดการลําเลียงสารอาหารในพืช
  • 5. ความสําคญของนําต่อพช ั ้ ื 4. นํ ้าเป็ นตัวร่วมในปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ เช่น กระบวนการ เมแทบอลิซม การสังเคราะห์ด้วยแสง ึ 5. นํ ้าทําหน้ าที่ควบคุมอุณหภูมิของเซลล์ และลําต้ นพืช การคายนํ ้าของพืชช่วยในการระบายความร้ อนให้ แก่พืช
  • 6. ปกติ ใ นดิ น จะมี นํ า อยู่บ้ า ง ้ ไม่มากก็น้อย นํ ้าในดินเหล่านี ้มี แร่ ธาตุหลายชนิดที่พืชต้ องการ ละลายอยู่ รากพืชโดยทัวไปจะ ่ แตกออกเป็ นรากแขนงเล็ ก ๆ จํานวนมาก จึงสามารถชอนไช ในดิ น ได้ เป็ นบริ เ วณกว้ าง ที ่ ปลายรากจะมี ข นรากซึ ง เป็ น ่ ส่ ว น ข อง เ อพิ เ ด อร์ มิ ส ที่ ยื่ น ออกไป
  • 7. บริ เวณขนราก (Root hair zone) จะมีขนรากจํานวน มาก ทําให้ เพิ่มพื ้นที่ผิวที่สมผัสกับนํ ้าซึงแทรกตัวอยูในช่องว่าง ั ่ ่ ภายในดินได้ เป็ นจํานวนมาก ขนรากดูดนํ ้าโดยกระบวนการ ออสโมซส (Osmosis) ขนรากจะเป็ นส่วนของเซลล์เอพเิ ดอร์มิส ิ ท่ีย่ืนออกมาดังนันจึงเป็ นเซลล์เดียวกัน ้
  • 8. ในภาวะปกติสารละลายที่อยูในดินรอบๆ ราก มักมีความ ่ เข้ มข้ นน้ อยกว่าสารละลายที่อยูในเซลล์เอพิเดอร์มิส นํ ้าจากดิน ่ จึงเข้ าสูรากได้ ตลอดเวลา ดังนันปั จจัยที่สําคัญที่ทําให้ นํ ้าจากดิน ่ ้ เข้ าสูรากหรื อออกจากรากสูดิน ได้ แก่ ความแตกต่างระหว่าง ่ ่ ความเข้มข้นของสารละลายในดนกบในราก ิ ั ถ้ าหากความเข้ มข้ นของสารละลายในดินสูง พืชจะดูดนํ ้า ได้ ยาก และยิ่งสารละลายมีความเข้ มข้ นสูงมาก ๆ พืชยิ่งดูดนํ ้า ไม่ได้ และเป็ นอันตรายต่อพืชมาก
  • 9.
  • 10. ดังนันการใส่ป๋ ยอินทรี ย์ให้ แก่ดินในปริ มาณที่มากจะมีผลต่อ ้ ุ ความเข้ มข้ นของสารลายในดินไม่มากนัก เนื่องจากสารอินทรี ย์มี การสลายตัวทีละน้ อย ๆ และพืชก็นําไปใช้ ได้ เรื่ อย ๆ ความเข้ มข้ น ของสารละลายภายในดิน จึงไม่เปลียนแปลง ่ แต่ถ้าหากใส่ป๋ ยอนินทรีย์ในปริมาณท่ีมาก จะทําให้ ุ สารละลายรอบ ๆ ราก มีความเข้ มข้ นมาก เพราะป๋ ยอนินทรีย์ ุ ละลายนํ ้าได้ ดี จะไหลซึมไปบริ เวณอืน ๆ ทําให้ สญเสียปุยและ ่ ู ๋ ค่าใช้ จ่ายไปมาก และยังอาจเป็ นโทษอีกด้ วย ฉะนนการใสป๋ ยอนินทรีย์แต่น้อย ๆ แต่บอยครังจึงดีกว่า ั้ ่ ุ ่ ้
  • 11. โครงสร้างททาหน้าทในการลาเลยงนํา ่ี ํ ่ี ํ ี ้ จากการศึกษาโครงสร้ างภายในของราก ทิศทางการเคลื่อนที่ของนํ ้า ภายในราก เริ่ มตังแต่ขนรากของเซลล์เอพิเดอร์ มิส(epidermis) ้ ผ่านเข้ าสูชนคอร์ เทกซ์ (cortex) ซึงมีชนเอนโดเดอร์มิส ่ ั้ ่ ั้ (endodermis)เป็ นชันในสุด ผ่านเพริ ไซเคิล(pericycle) ้ และเข้ าสูไซเลม(xylem) ตามลําดับ การเคลื่อนที่ของนํ ้าเป็ นไป ่ ในแนวรัศมีรอบส่วนของรากจากภายนอกเข้ าสูภายใน และเป็ น ่ ระยะทางสัน ๆ ้
  • 12.
  • 13. นํ ้าและแร่ธาตุจากดินจะถูกดูดซึม โดยขนรากผ่านชัน คอร์ เทกซ์ ้ จนถึง เอนโดเดอร์มิสโดย มี 2 วธีิ 1. อะโพพลาสต์ (apoplast) เป็ นการเคลื่อนที่ของนํ ้าที่ ผ่านช่องระหว่างผนังเซลล์ หรื อช่องว่างระหว่างเซลล์ในชัน ้ คอร์ เทกซ์ และผ่านเซลล์ที่ไม่มีชีวิต (ยกเว้ นเอนโดเดอร์มิส) คือ เทรคีด และเวสเซล ระบบอะโพพลาสต์ จะแบง ่ ออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่อยูในคอร์ เทกซ์ และในไซเลม โดย ่ มีชนเอนโดเดอร์มิสของคอร์ เทกซ์เป็นตวกน ั้ ั ั้
  • 14.
  • 15. 2. ซมพลาสต์ (symplast) คือการที่นํ ้าและแร่ธาตุผ่านจากเซลล์ ิ หนึงไปยังอีกเซลล์หนึงผ่านทางไซโทพลาซึมของเซลล์ โดย ่ ่ ไซโทพลาซึมของเซลล์แต่ละเซลล์ จะเชื่อมต่อกันด้ วยท่อเล็ก ๆ เรี ยกว่าพลาสโมเดสมาตา (plasmodesmata) นํ ้าเมื่อ ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์แล้ วผ่านจากไซโทพลาซมไปยงคอร์ เทกซ์ ึ ั นํ ้าส่วนใหญ่ผ่านไปตามผนังเซลล์ เมื่อถึงเอนโดเดอร์มิสไม่ สามารถผ่านไปได้ เนื่องจากมีสารซเู บอริ นเคลือบอยู่ เรี ยกว่า แคสพาเรี ยนสติพ (casparian strip) โมเลกุลของนํ ้าจึง ต้ องผ่านไซโทพลาซึม แล้ วจึงเข้ าสูเ่ พริ ไซเคิล และไซเลมต่อไป
  • 16.
  • 17. สรุป วธีอะโพพลาสต์ นํ ้าและแร่ธาตุจะผ่านชันเอนโด ิ ้ เดอร์ มิสไปไมได้ จงต้องใช้วธีซมพลาสต์ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ของ ่ ึ ิ ิ เอนโดเดอร์มิส เข้ าสูไซโทพลาซึมของเอนโดเดอร์มิส แล้ วจึงเข้ าสู่ ่ สตีล จนถึงไซเลม แร่ธาตุที่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์จงถูกคัดเลือก ึ (Select) โดยเยื่อหุ้มเซลล์
  • 18.
  • 19. เมื่อเซลล์ของเอนโดเดอร์มิส และเซลล์ในชันสตีล ส่งนํ ้าและ ้ แร่ธาตุเข้ าสูไซเลม ไซเลมประกอบด้ วย เทรคีดและเวสเซล ซงเป็น ่ ่ึ เซลล์ที่ตายแล้ ว ไม่มีไซโทพลาซม เหลอแตผนงเซลล์ และชองวาง ึ ื ่ ั ่ ่ ลูเมน (Lumen) เมื่อนํ ้าและแร่ธาตุเข้ าสู่ ไซเลม จึงเปลี่ยนจากวิธี ซิมพลาสต์ เป็ นอะโพพลาสต์ หลังจากนันจะลําเลียงขึ ้นสูลําต้ นเข้ า ้ ่ สูทอลําเลียง คือ ไซเลม แล้ วพืชจะลําเลียงนํ ้าต่อไปยังส่วนต่าง ๆ ่ ่ ทังยอด ลําต้ น กิ่ง และใบ เพื่อส่งนํ ้าไปให้ ทก ๆ เซลล์ของต้ นพืช ้ ุ
  • 20.
  • 22. กลไกที่พืชใช้ ในการลําเลียงนํ ้าจากรากไปสูยอดพืช เกิดขึ ้นโดย ่ อาศัยกระบวนการต่าง ๆ คือ 1.แรงดงจากการคายนํา (transpiration pull) เป็ นแรง ึ ้ ดึงที่เกิดขึ ้นจากการดึงนํ ้าขึ ้นมาทดแทนนํ ้าที่เสียไปจากการคายนํ ้า วิธีนี ้สามารถดึงนํ ้าขึ ้นมาได้ ในปริ มาณสูง
  • 23. การดึงนํ ้าโดยวิธีนี ้จําเป็ นต้ องอาศัยแรงยึดระหว่างโมเลกุลของนํ ้า ด้ วยกันเอง เรี ยกแรงโคฮีชน(cohesion) และแรงยึดระหว่าง ั โมเลกุลของนํ ้ากับผนังเซลล์ของท่อไซเลม เรี ยกแรงแอดฮีชน ั (adhesion) การลําเลียงนํ ้าโดยวิธีนี ้จึงสามารถเกิดขึ ้นได้ อย่าง ต่อเนื่องจากข้ างล่างถึงบนยอดพืชโดยไม่มีการขาดตอน อธิบายตอในหนงสือหน้า 46 ่ ั
  • 24. 2.แรงดันราก (Root pressure) เมื่อพืชดูดนํ ้าทางราก ตลอดเวลา ทําให้ ปริ มาณนํ ้าในรากมีจํานวนมากขึ ้น จนเกิดแรงดัน ในรากสูงมากขึ ้น สามารถดันให้ ของเหลวไหลขึ ้นไปตามท่อไซเลม แรงดันนี ้เรี ยกว่า แรงดันราก (Root pressure) หากปากใบ เปิ ดจะดันต่อเนื่องจนออกมาเป็ นไอนํ ้าทางปากใบ แต่เมื่อปากใบ ปิ ด นํ ้าจึงออกมาเป็ นหยดนํ ้าที่ปลายของเส้ นใบซึงมีรูเล็ก ๆ อยู่ ่ ในต้ นไม้ บางชนิด เช่น พืชตระกูลสน มีแรงดันรากน้ อยมาก บางครังในขณะที่พืชต้ องการนํ ้ามาก พืชกลับมีแรงดันรากน้ อย เช่น ้ ในฤดูแล้ ง พืชจะต้ องใช้ วธีตาง ๆ เพื่อลําเลียงนํ ้าขึ ้นไปสูลําต้ นที่อยู่ ิ ่ ่ สูง ๆได้
  • 26. ปัจจัยควบคุมการลําเลียงของพืช ปริมาณนําในดน ถ้ าในดินมีนํ ้ามากพอประมาณ อัตรา ้ ิ การดูดนํ ้าของรากก็จะเพิ่มขึ ้นรวดเร็ว แต่ถ้าในดินมีนํ ้ามาก เกินไปจนท่วมขังต้ นพืชอยูตลอดเวลา ก็จะทําให้ รากดูดนํ ้าได้ ่ น้ อยลงและช้ าลง เนื่องจากดินที่มีนํ ้าขัง จะมีปริ มาณแก๊ ส ออกซิเจนน้ อย ซึงพืชจําเป็ นต้ องใช้ แก๊ สนี ้ในกระบวนการเม ่ แทบอลิซม จึงส่งผลให้ กระบวนการเมแทบอลิซมที่เกิดขึ ้นในพืช ึ ึ น้ อยไปด้ วย ทําให้ รากขาดนํ ้าได้ ได้ ทง ๆ ที่รากแช่อยูในนํ ้า ั้ ่
  • 27. อ ุณหภ ูมิ อุณหภูมิในดินมีสวนเกี่ยวข้ องกับการลําเลียงนํ ้า ่ เช่นเดียวกัน อุณหภูมิในดินจะต้ องไม่สงหรื อตํ่ามากเกินไป ราก ู จะดูดนํ ้าได้ ดีและรวดเร็ว แต่ถ้าอุณหภูมิสงมากเกินไปหรื อตํ่า ู มากๆ จนนํ ้าเป็ นนํ ้าแข็ง รากพืชจะไม่สามารถดูดนํ ้าได้ ทําให้ พืช ขาดนํ ้า ความเข้มข้นของสารละลายในดิน การที่สารละลาย ในดินมีความเข้ มข้ นสูงมากไป จะมีผลทําให้ นํ ้าจากใบ ราก แพร่ออกมาสูดิน จนทําให้ พืชสูญเสียนํ ้าไปมากจนอาจทําให้ พืช ่ ถึงตายได้
  • 28. อากาศในดน และการถ่ายเทอากาศในดน ิ ิ มีความสําคัญต่อการดูดนํ ้าเช่นเดียวกัน เพราะรากต้ องการ ออกซิเจนไปใช้ ในกระบวนการเมแทบอลิซม ถ้ าดินอัดตัวกันแน่น ึ เกินไป จนไม่มีช่องว่างของอากาศ หรื อมีนํ ้าขังอยู่ อากาศในดินจะ น้ อยลง ทําให้ รากขาดแก๊ สออกซิเจน ส่งผลให้ การดูดนํ ้าของพืชก็ น้ อยลงด้ วย
  • 29. ในสภาวะที่พืชไม่มีการคายนํ ้า เช่น ปากใบปิ ดในเวลา กลางคืน หรื อในขณะที่สงแวดล้ อมไม่เหมาะสมกับการคายนํ ้า ิ่ ทางปากใบ เช่น เมื่ออากาศมีความชื ้นมาก พืชบางชนิดจะกําจัด นํ ้าออกมาในรูปของหยดนํ ้า ทางรูเปิ ดเล็ก ๆ ซึงเป็ นส่วนปลาย ่ ของไซเลมที่มาสิ ้นสุดตามขอบใบหรื อปลายของเส้ นใบ รูเหล่านี ้ เรี ยกว่า ไฮดาโทด (hydathod) กระบวนการคายนํ ้าของพืช ในรูปของหยดนํ ้าเช่นนี ้เรี ยกว่า กตเตชัน (guttation) ั
  • 30.
  • 32. เนื่องจากพืชมีการดูดนํ ้าอยูตลอดเวลา นํ ้าจะเข้ าไปอยูในรากเป็ น ่ ่ จํานวนมากขึ ้นทุกที ทําให้ เกิดแรงดันของเหลวให้ ไหลขึ ้นไปตามท่อ ไซเลมในลําต้ น ใบ และไหลออกมาทางรูเปิ ดของท่อเล็ก ๆ ที่อยู่ ปลายของเส้ นใบ มองเห็นเป็ นหยดนํ ้าเล็ก ๆ เกาะอยูตามขอบใบ ่ เราจะพบปรากฏการณ์นี ้ในธรรมชาติได้ อย่างชัดเจนในตอนเช้ าที่ อากาศมีความชื ้นมาก ๆ ซึงมักไม่เกิดบ่อยนัก ่
  • 33. รู้หรือไม่ ชาวสวนใช้ ประโยชน์จากความรู้เรื่ องการลําเลียงนํ ้าและการคายนํ ้า โดย การตัดดอกไม้ ตอนเช้ ามืดมากกว่าตอนกลางวัน เพราะตอน เช้ ามืดแสงสว่างยังไม่มีหรื อมีก็ไม่มาก ปากใบจึงปิ ด การคายนํ ้าจึง น้ อย จึงไม่เหี่ยวง่ายเหมือนการตัดดอกไม้ ในตอนกลางวัน