Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
เพียเจ
- 1. ทฤษฎีพัฒนาจริยธรรมตามแนวปัญญานิยม : ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของ จอง เพียเจต์
ประวัติและความเป็นมา
จอง เพียเจต์ (Jean Piaget : 1896-1980) นักจิตวิทยาชาวสวิตเซอร์แลนด์ ได้เรียนจบปริญญา เอกทางวิทยาศาสตร์ สาขาสัตววิทยา หลังจากที่เขาเรียนจบแล้วได้ทางานกับนายแพทย์บีเนต์และ ซีโม ซึ่งเป็นผู้สร้างข้อสอบเชาวน์ เพียเจท์พบว่าคาตอบของเด็กเล็กกับเด็กโตจะตอบไม่เหมือนกัน และสรุปได้ว่า คาตอบของเด็กวัยต่างจะแตกต่างกันและไม่ควรด่วนสรุปว่าเด็กโตฉลาดกว่าเด็กเล็ก หรือคาตอบของเด็กเล็กจะผิดเสมอจุดเริ่มต้นของการศึกษาพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก โดย เริ่มจากลูกทั้ง 3 คนของพวกเขา เป็นหญิง 1 คน ชาย 2 คน เพียเจต์ได้บันทึกและเขียนเป็น รายงานในการสังเกตของเขาไม่เฉพาะเป็นภาษฝรั่งเศษเท่านั้นที่ทาให้เข้าใจยาก แต่เนื้อหาและ สาระก็ทาให้เข้าใจยากเหมือนกัน ต่อมาได้มีคนแปลเป็นภาษาอังกฤษและสรุปให้เข้าใจได้ง่าย ยิ่งขึ้น
เพียเจต์ (Piaget) ได้ศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการทางด้านความคิดของเด็กว่ามีขั้นตอน หรือกระบวนการอย่างไร ทฤษฎีของเพียเจต์ตั้งอยู่บนรากฐานของทั้งองค์ประกอบที่เป็นพันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม เขาอธิบายว่า การเรียนรู้ของเด็กเป็นไปตามพัฒนาการทางสติปัญญา ซึ่งจะมี พัฒนาการไปตามวัยต่าง ๆ เป็นลาดับขั้น พัฒนาการเป็นสิ่งที่เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ควรที่จะเร่ง เด็กให้ข้ามจากพัฒนาการจากขั้นหนึ่งไปสู่อีกขั้นหนึ่ง เพราะจะทาให้เกิดผลเสียแก่เด็ก แต่การจัด ประสบการณ์ส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในช่วงที่เด็กกาลังจะพัฒนาไปสู่ขั้นที่สูงกว่า สามารถช่วย ให้เด็กพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เพียเจต์เน้นความสาคัญของการเข้าใจธรรมชาติและ
- 2. พัฒนาการของเด็กมากกว่าการกระตุ้นเด็กให้มีพัฒนาการเร็วขึ้น เพียเจต์สรุปว่า พัฒนาการของ เด็กสามารถอธิบายได้โดยลาดับระยะพัฒนาทางชีววิทยาที่คงที่ แสดงให้ปรากฏโดยปฏิสัมพันธ์ ของเด็กกับสิ่งแวดล้อม
แหล่งที่มา :
จิตวิทยาสาหรับครู .เข้าถึงได้จาก : http://konniana.blogspot.com/2012/08/blog- post_11.html (วันที่ค้นข้อมูล 2 กันยายน 2557)
ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของ จอง เพียเจต์
พัฒนาทางจริยธรรม
1. ขั้นก่อนจริยธรรม เป็นชั้นที่ยังไม่มีความสามารถรับรู้สิ่งแวดล้อมได้อย่างละเอียด มีแต่ความ ต้องการทางร่างกาย 2. ขั้นยึดคาสั่ง ในขั้นนี้เด็กจะรับรู้สภาพสิ่งแวดล้อมและบทบาทของตนเองต่อผู้อื่น รู้จักเกรงกลัว ผู้ใหญ่ เห็นว่าคาสั่งหรือกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติตาม 3. ขั้นยึดหลักแห่งตน เด็กสามารถใช้ความคิดอย่างมีเหตุผลประกอบการตัดสินใจและตั้งเกณฑ์ที่ เป็นตัวของตัวเอง ผลจาการวิจัยในระยะต่อมา เพียเจต์ ( Piaget) ได้ตั้งเกณฑ์การให้เหตุผลเชิงจริยธรรมไว้ 6 เกณฑ์ คือ 1. การตัดสินจากเจตนาการกระทา (intentional in judgment) เด็กเล็กจะตัดสินการกระทาจาก ปริมาณสิ่งของ ส่วนเด็กโตจะตัดสินจากเจตนาของการกระทา 2. การตัดสินเกี่ยวโยงกับความสัมพันธ์กับผู้อื่น (Relativism in Judgment) เด็กเล็กจะตัดสินการ กระทาโดยยึดเอาความเชื่อความเห็นของผู้ใหญ่ว่าดี ส่วนเด็กโตจะยึดเอาเหตุผลและสถานการณ์ ประกอบการตัดสิน 3. ความเห็นอิสระจากการลงโทษ (independent of sanction) เด็กเล็กจะตัดสินว่าการกระทา ใดไม่ดีจากการกระทาใดไม่ดีจากการถูกทาโทษ แต่เด็กโตจะตัดสินการกระทาใดไม่ดี เพราะสิ่งนั้น ไปขัดกับเกณฑ์และเกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น 4. ใช้วิธีการแก้แค้น (use of reciprocity) วิธีนี้เด็กเล็กใช้น้อยกว่าเด็กโต 5. การลงโทษเพื่อตัดสินนิสัย (use of punishment as restitution and reform) เด็กเล็กจะ สนับสนุนการลงโทษอย่างหนักเพื่อแก้นิสัย แต่เด็กโตไม่ค่อยเห็นด้วย 6. หลักธรรมชาติของความโหดร้าย (nationalist of misfortune) เด็กเล็กจะถือว่าการกระทาผิด จะต้องได้รับการลงโทษจากพระเจ้า
- 3. สรุปได้ว่าตามแนวคิดของเพียเจต์ ( Piaget) เด็กเล็กจะมองกฎเกณฑ์ว่าเป็นสิ่งจริงจัง เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ( absolute) และมาจากอานาจภายนอก ( external) หมายความว่า พัฒนาการทางจริยธรรมของเด็กเล็กจะอยู่ในลักษณะผิดว่ากันไปตามสิ่งที่สังเกตเห็นได้ โดยมิได้คา นึกถึงเจตนาของผู้กระทา ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจากการใช้ภาษา และความคิดของเด็กมีลักษณะยึด ตนเองเป็นศูนย์กลาง (egocentric) ทาให้ไม่สามารถมองเห็นหลาย ๆ สิ่งได้ ในเวลาเดียวกัน เมื่อ เด็กโตขึ้นอายุประมาณ 11-12 ปี พัฒนาการทางจริยธรรมของเด็กวัยนี้จะมีการเชื่อมโยงหาเหตุผล เด็กจะคานึงถึงเจตนาของผู้ทามากกว่าสิ่งที่สังเกตได้เฉพาะหน้า เนื่องจากเด็กวัยนี้สามารถมอง หลาย ๆ สิ่งได้ในเวลาเดียวกัน เด็กโตจึงสามารถเข้าใจถึงเจตนาของผู้อื่นและสามารถยืดหยุ่น เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ได้ โดยตระหนักว่ากฎเกณฑ์เป็นเพียงข้อตกลงระหว่างบุคคลในการควบคุม พฤติกรรมในแต่ละสถานการณ์เท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถนากฎเกณฑ์ไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆได้
แหล่งที่มา : สาราญ ศรีคามูล.จริยธรรม. เข้าถึงได้ จาก : http://www.baanjomyut.com/library_3/extension-2/ethics/05_1.html/ (วันที่ค้น ข้อมูล:26 สิงหาคม 2557)