Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
Similar a ใบความรู้ การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์ (20)
Más de ห้องเรียน ภาษาไทยออนไลน์ (20)
ใบความรู้ การแต่งคำประพันธ์ประเภทฉันท์
- 1. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 1
ใบความรู้ เรื่อง หลักการแต่ งคาประพันธ์ ประเภทฉันท์
หลักการแต่ งคาประพันธ์ ประเภทฉันท์
นักเรี ยนได้เรี ยนรู ้การแต่งคําประพันธ์กาพย์ กลอน โคลง และร่ ายมาแล้วในชั้นก่อนในชั้น
นี้นกเรี ยนจะได้เรี ยนรู ้การแต่งคําประพันธ์ประเภทฉันท์ซ่ ึ งเป็ นคําประพันธ์ที่แต่งยาก และอ่านยากกว่าคํา
ั
ประพนธ์ทุกชนิด เพราะฉันท์มีขอบังคับเรื่ องคําครุ ลหุ เพิ่มขึ้นและคําที่ใช้ในการแต่งฉันท์น้ นส่ วนใหญ่เป็ น
้
ั
คําที่มาจากภาษาบาลี สันสกฤต เพราะคําไทยหาคําลหุที่มีความหมายได้ยาก
การศึกษาให้เข้าใจรู ปแบบและลักษณะบังคับของฉันท์ จะช่วยให้ผอ่านเข้าใจคําประพันธ์ประเภท
ู้
ฉันท์ สามารถอ่านออกเสี ยงได้ถูกต้อง และเข้าใจความหมายได้ลึกซึ้ งยิงขึ้น ความรู ้เรื่ องฉันท์ที่จะกล่าวถึง
่
ต่อไปในบทนี้ มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู ้เกี่ยวกับลักษณะบังคับหรื อฉันท์ของฉันท์ที่กวีไทยนิยมแต่ง และ
่
ปรากฏอยูในวรรณคดีประเภทคําฉันท์ของไทย เพื่อให้นกเรี ยนใช้เป็ นความรู ้พ้ืนฐานในการแต่งฉันท์ และ
ั
ในการอ่านวรรณคดีไทยให้เข้าใจยิงขึ้น
่
ความหมายของฉันท์
ฉันท์ หมายถึง คําประพันธ์ชนิดหนึ่งของไทยที่มีขอบังคับ เรื่ อง ครุ ลหุ เพิ่มขึ้น
้
นอกเหนือจากเรื่ องคณะและสัมผัสซึ่งเป็ นข้อบังคับในคําประพันธ์ชนิดอื่น
คาครุ และคาลหุ
ครุ
คําเสี ยงหนัก มีลกษณะดังนี้
ั
- พยางค์ที่มีตวสะกด
ั
- พยางค์ที่ไม่มีตวสะกดประสมด้วนสระเสี ยงยาว
ั
- พยางค์ที่ประสมด้วยสระ อํา ไอ ใอ เอา
ลหุ
คําเสี ยงเบา มีลกษณะดังนี้
ั
- พยางค์ที่ไม่มีตวสะกดประสมด้วนสระเสี ยงสั้น
ั
ทีมาของฉันท์
่
่
ไทยรับแบบอย่างมาจากอินเดีย ตําราฉันทศาสตร์ วาด้วยการแต่งฉันท์ คือ คัมภีร์วุตโตทัย และคัมภีร์
สุ โพธาลังการ จากพระไตรปิ ฎก
คัมภีร์วุตโตทัย กล่าวว่าฉันท์มี 108 ชนิด แบ่งเป็ น 2 พวก คือ
1.ฉันท์วรรณพฤติ
2.ฉันท์มาตราพฤติ
ํ
ฉันท์วรรณพฤติกาหนดคณะของฉันท์ 8 คณะ
คณะของฉันท์ คณะ หมายถึง ลักษณะการเรี ยงของเสี ยงครุ และลหุ กลุ่มละ 3 เสี ยง เป็ น 1 คณะ
มี 8 คณะ คือ
- 2. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 2
-
มะ
นะ
ภะ
ยะ
-
ชะ
ระ
สะ
ตะ
ประเภทของฉันท์
ฉันท์มากมายหลายชนิด การแบ่งชนิดของฉันท์ตามฉันทลักษณ์ให้สะดวกแก่การศึกษาอาจ
แบ่งเป็ น ๓ ประเภท ดังนี้
ประเภทที่ ๑ ฉันท์ ๑๑ ฉันท์ ๑๒ และฉันท์ ๑๔ ฉันท์ประเภทนี้แบ่งเป็ น ๒ บาท มีสัมผัสเหมือนกัน แต่
ลักษณะการอ่านแตกต่างกันตามตําแหน่งคําครุ ลหุ มีสัมผัสบังคับ คือ สัมผัสระหว่างบาทและระหว่างบท คือ คํา
สุ ดท้ายของบทเอก ( บาทที่หนึ่ง) ส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายในวรรคแรกของบาทโท ( บาทที่สอง) ถ้ามากกว่าหนึ่ง
บท ต้องมีสัมผัสระหว่างบท คือ คําสุ ดท้ายของบทแรกจะต้องส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของบาทเอกในบทต่อไป
ส่ วนสัมผัสที่เป็ นเส้นประในแผนผัง เป็ นสัมผัสระหว่างวรรคแรกส่ งสัมผัสไปยังคําที่สามของวรรคที่สองในบาท
เดียวกัน เป็ นสัมผัสที่ไม่บงคับ บางบทจะมีสัมผัสดังกล่าว แต่บางบทก็ไม่มี
ั
ฉันท์ ๑๑ หมายถึง ฉันท์ที่มีจานวนคําครุ ลหุ บาทละ ๑๑ คํา เช่น อินทรวิเชียรฉันท์ อุเปนทรวิเชียร
ํ
ฉันท์ อุปชาติฉนท์ สาลินีฉนท์
ั
ั
๑ อินทรวิเชียรฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
พวกราชมัลโดย
สุ ดหัตถแห่งเขา
บงเนื้อก็เนื้อเต้น
ทัวร่ างและทั้งตัว
่
พลโบยมิใช่เบา
ขณะหวดสิ พึงกลัว
พิศเส้นสรี ร์รัว
ก็ระริ กระริ วรัว
( สามัคคีเภทคําฉันท์)
ข้อสังเกต
อินทรวิเชียรฉันท์บทหนึ่งมีสองบทบาท บาทที่หนึ่งมีสองวรรค วรรคแรกมี ๕ คํา วรรคหลังมี ๖ คํา รวม
บทที่มี ๒๒ คํา
- 3. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 3
๒. อุเปนทรวิเชียรฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่างดังนี้
ั
พระราชบุตรลิจ
ณ กันและกันเหิ น
ทะนงชนกตน
ก็หาญกระเหิ มฮือ
ฉวิมิตรจิตเมิน
คณะห่างก็ต่างถือ
พลล้นเถลิงลือ
มนฮึก บ นึกขาม
ข้อสังเกต
อุเปนทรวิเชียรฉันท์ มีคณะเหมือนอินทรวิเชียรฉันท์ ต่างกันที่ตาแหน่งคําต้นบาทของอุเปนทรวิเชียรฉันท์
ํ
เป็ นคําลหุ แต่อินทรวิเชียรฉันท์เป็ นคําครุ
ั
๓. อุปชาติฉนท์ หมายถึง ฉันท์ที่แต่งประสมกันระหว่างอุเปนทรวิเชียรฉันท์กบอินทรวิเชียรฉันท์ ในการ
ั
แต่งจึงต้องอย่างน้อยสองบท เพราะกําหนดให้บาทที่หนึ่งของบทแรก กับบทที่สองเป็ นอุเปนทรวิเชียร และให้
บาทที่สองของบทแรกกับบทที่สองเป็ นอินทรวิเชียรฉันท์ ตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
สดับประกาศิต
จึงราชสมภาร
เราคิดจะใคร่ ยก
ประชุมประชิดชัย
ระบุกิจวโรงการ
พจนารถประภาษไป
พยุห์พลสกลไกร
รณรัฐวัชชี
ข้อสังเกต
อุปชาติฉนท์มีคณะเหมือนอุเปนทรวิเชียรฉันท์ในบาทที่ ๑ และอินทรวิเชียรฉันท์ในบาทที่ ๔
ั
- 4. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 4
๔. สาลินีฉนท์ เป็ นฉันท์ที่มีครุ มาก มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
ั
พราหมณ์ครู รู้สังเกต
ราชาวัชชีสรร
ยินดีบดนี้กิจ
ั
เริ่ มมาด้วยปรากรม
ตระหนักเหตุถนัดครัน
พจักสู่ พินาศสม
จะสัมฤทธิ์ มนารมณ์
และอุตสาหแห่งตน
( สามัคคีเภทฉันท์)
ข้อสังเกต
สาลินีฉนท์บทหนึ่งมีสองบาท บาทหนึ่งมีสองวรรค วรรคแรกมี ๕ คํา วรรคหลังมี ๖ คํา เหมือนกับอินทร
ั
วิเชียรฉันท์ ต่างกันเพียงตําแหน่งคําครุ ลหุ วรรคแรกเป็ นครุ ลวน
้
ฉันท์ ๑๒ หมายถึง ฉันท์ที่มีจานวนคําครุ ลหุบาทละ ๑๒ คํา
ํ
ขอให้นกเรี ยนสังเกตอินทรวงศ์ฉนท์ และวังสัฏฐฉันท์ ซึ่ งมีลกษณะคล้ายกับอินทรวิเชียรฉันท์ และอุเป
ั
ั
ั
นทรวิเชียร แต่บาทที่ ๒ และบาทที่ ๔ มีตาแหน่งคําครุ ลหุ ต่างกัน
ํ
๑. อินทรวงศ์ฉนท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่างดังนี้
ั
ั
่
โอ้วาอนาถใจ
แต่ไรก็ไม่มี
ไม่เคยจะเชื่อว่า
มาสู่ ณ ใจตน
ละไฉนนะเป็ นฉนี้
มะนะนึกระเหระหน
รติน้ นจะสัประดน
ั
และจะต้องระทมระทวย
( มัทนะพาธา)
- 5. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 5
ข้อสังเกต
อินทรวงศ์ฉนท์ บทหนึ่งมี ๒๔ คํา แบ่งเป็ นสองบาท บาทหนึ่งมีสองวรรค วรรคแรกมี ๕ คํา วรรคหลังมี
ั
๗ คํา
๒. วังสัฏฐฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผัง และตัวอย่างต่อไปนี้
ั
ประชุมกษัตริ ยรา
์
คะเนณทุกข์รึง
ประกอบระกําพา
มิใช่จะแอบอิง
ชสภาสดับคะนึง
อุระอัดประหวัดประวิง
หิ รกายน่าจะจริ ง
กลอํากระทําอุบาย
(สามัคคีเภทคําฉันท์)
ข้อสังเกต
วัสัฏฐฉันท์ บทหนึ่งมีสองบาท บาทหนึ่งมีสองวรรค วรรคแรกมี ๕ คํา วรรคหลังมี ๗ คํา ตําแหน่งคําครุ
ลหุ และจํานวนคําของฉันท์น้ ี คล้ายกับอินทรวงศ์ฉนท์ ต่างกันตรงที่คาแรกในวรรคหน้าของอิรนทรฉันท์เป็ นครุ แต่
ั
ํ
วังสัฏฐฉันท์เป็ นคําลหุ
๓. กมลฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
อิลโอนศิโรเพฐน์
ศิวะทรงพิโรธใน
บมิทรงประสาทโทษ
วรองค์อุมาอร
พจขอมาภัย
ธ กระทํากระลําพร
อิลโอดสําออยวอน
อนุกลกําลูนครัน
ู
( อิลราชาคําฉันท์)
- 6. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 6
ข้อสังเกต
กมลฉันท์บทหนึ่งมี ๒๔ คํา แบ่งเป็ นสองบาท บาทหนึ่งมีสอง วรรคหนึ่งมี ๖ คํา การวางตําแหน่งครุ ลหุ
คล้ายอุเปนอินทรวิเชียรฉันท์ เพียงแต่เพิ่มคําลหุ หน้าวรรคแรกอีกหนึ่งคํา
๔. โตฎกฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
ศิวะแปลงวรรู ป
พระอุมาพระก็มี
ดรุ สัตว์บริ เวณ
สละเพศพิศสม
วิยหญิงยุวดี
สุ มนัสนิยม
พะพระเวทอุดม
ศิวะเพศพระจําแลง
( อิลราชาคําฉันท์)
ข้อสังเกต
โตฎกฉันท์หนึ่งบทมี ๒๔ คํา แบ่งเป็ นสองบาท บาทหนึ่งมีสองวรรค วรรคละหกคําเหมือนกมลฉันท์
ต่างกันที่ตาแหน่ง ครุ ลหุ
ํ
๕. ภุชงคประยาตฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่างดังนี้
ั
ชะโดดุกกระดี่โดด
กระเพื่อมนํ้าพะพรํ่าพรอย
กระสร้อยซ่าสวายชิว
ประมวลมัจฉะแปมปน
สลาดโลดยะหยอยหยอย
กระฉอกฉานกระฉ่ อนชล
ระรี่ ริ้วละวาดวน
ประหลาดเหลือจะรําพัน
( อิลราชาคําฉันท์)
- 7. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 7
ข้อสังเกต ภุชงคประยาตฉันท์บทหนึ่งมี ๒๔คํา แบ่งเป็ นสองบาท บาทหนึ่งมีสองวรรค วรรคละหกคํา
ฉันท์ ๑๔ หมายถึง ฉันท์ที่มีจานวนคําครุ ลหุบาทละ ๑๔ คํา ฉันท์ ๑๔ ที่กวีไทยนิยมแต่ง คือ วสันตดิลก
ํ
ฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
เรื องรองพระมนทิรพิจิตร
ก่องแก้วและกาญจนระคน
ช่อฟ้ าก็เฟื้ อยกลจะฟัด
บราลีพิไลพิศบวร
กลพิศพิมานบน
รุ จิเรขอลงกรณ์
ดลฟากทิฆมพร
ั
นภศูลสล้างลอย
( อิลราชาคําฉันท์)
ข้อสังเกต
วสันตดิลกฉันท์ บทหนึ่งมี ๒๘ คํา แบ่งเป็ นสองบาท บาทหนึ่งสองวรรค วรรคแรกมี ๘ คํา วรรคหลังมี
๖ คํา
ประเภทที่ ๒ ฉันท์ ๘ ฉันท์ประเภทนี้ บทหนึ่งมี ๔ บาท บาทหนึ่งมี ๘ คํา แบ่งเป็ น ๒ วรรค มีสัมผัส
บังคับแบบเดียวกัน คือ คําสุ ดท้ายของวรรคที่สองส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของวรรคที่สาม คําสุ ดท้ายของวรรคที่
สี่ ส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของวรรคที่หก คําสุ ดท้ายของวรรคที่หกส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของวรรคที่เจ็ด ถ้า
แต่งมากกว่าหนึ่งบทจะต้องมีสัมผัสระหว่างบท คือ คําสุ ดท้ายของบทต้น ( คําสุ ดท้ายของวรรคที่แปด) จะต้องส่ ง
สัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของวรรคที่สี่ในบทถนัดไป
ตัวอย่างฉันท์ ๘ เช่น วิชชุมมาลาฉันท์ มาณวกฉันท์ จิตรปทาฉันท์
๑. วิชชุมมาลาฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
แรกทางกลางเถื่อน
ห่างเพื่อนหาผู ้
หนึ่งใดนึกดู
เห็นใครไป่ มี
หลายวันถันล่วง
เมืองหลวงธานี
่
นามเวสาลี
ดุ่มเดาเข้าไป
ผูกไมตรี จิต
เชิงชิดชอบเชื่อง
กับหมู่ชาวเมือง
ฉันอัชฌาลัย
่
เล่าเรื่ องเคืองขุ่น
ว้าวุนวายใจ
จําเป็ นมาใน
ด้าวต่างแดนตน
( สามัคคีเภทคําฉันท์)
- 8. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 8
ข้อสังเกต
วิชชุมมาลาฉันท์บทหนึ่งมีสี่บาท รวมแปดวรรค บาทหนึ่งมีสองวรรค วรรคละ ๔ คําแต่ละวรรคใช้คาครุ
ํ
ล้วน
ั
หากเปรี ยบเทียบระหว่างวิชชุ มมาลาฉันท์กบกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ จะพบว่ามีลกษณะบังคับที่คล้ายคลึง
ั
กันมาก ทั้งในเรื่ องจํานวนคําในแต่ละวรรคซึ่ งมีสี่คาเท่ากัน และในเรื่ องสัมผัสบังคับ ต่างกันเพียงวิชชุมมาลาฉันท์
ํ
่
มีจานวนคํามากกว่ากาพย์สุรางคนางค์อยูหนึ่งวรรค และทุกคําในวิชชุมมาลาฉันท์ เป็ นคําครุ ลวน แต่กาพย์
ํ
้
สุ รางคนางค์ไม่บงคับครุ ลหุ
ั
๒. มาณวกฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
อย่าติและหลู่
เธอน่ะเสวย
ในทินนี่
พอหฤทัย
ราช ธ ก็เล่า
ตนบริ โภค
วาทประเทือง
อาคมยัง
ครู จะเฉลย
ภัตกะอะไร
ดีฤไฉน
ยิงละกระมัง
่
เค้า ณ ประโยค
แล้วขณะหลัง
เรื่ องสิ ประทัง
สิ กขสภา
( สามัมคีเภทคําฉันท์)
ข้อสังเกต
มาณวกฉันท์มีจานวนคําในแต่ละบท แต่ละบาท และแต่ละวรรคเหมือนคณะของวิชชุ มมาลาฉันท์ ต่างกัน
ํ
ํ
่
แต่มาณวกฉันท์กาหนดคําลหุ อยูกลางสองคํา จึงทําให้มีจงหวะเร็ วกว่าวิชชุมมาลาฉันท์
ั
๓. จิตรปทาฉันท์ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
- 9. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 9
นาครธา
เห็นริ ปุมี
ข้ามดิรชล
มุ่งจะทลาย
ต่างก็ตระหนก
ตื่นบมิเว้น
ทัวบุรคา
่
เสี ยงอลวน
อลเวงไป
พลมากมาย
ก็ลุพนหมาย
้
พระนครตน
มนอกเต้น
ตะละผูคน
้
มจลาจล
อลเวงไม
(สามัคคีเภทคําฉันท์)
ข้อสังเกต
ํ
่
จิตรปทาฉันท์ต่างจากมาณวกฉันท์ตรงที่กาหนดตําแหน่งคําลหุ ในวรรคหลังให้อยูหน้าทั้งสองคํา แล้วตาม
ด้วยคําครุ สองคํา
ประเภทที่ ๓ ฉันท์ประเภท ๓ วรรค ฉันท์ประเภทนี้บทหนึ่ง แบ่งเป็ น ๓ วรรค ใช้สัมผัสแบบเดียวกัน
คือ คําสุ ดท้ายของวรรคแรก ส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของวรรคที่สอง คําสุ ดท้ายของวรรคที่สาม (คําสุ ดท้ายของ
บท) ส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของวรรคในบทต่อไป ลักษณะสัมผัสคล้ายกาพย์ฉบัง ๑๖
ตัวอย่างฉันท์ประเภทนี้ เช่น มาลินีฉนท์ ๑๕ ลัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ อีทิสังฉันท์ ๒๐
ั
๑. มาลินีฉนท์ ๑๕ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่างดังนี้
ั
ั
มธุรพจนรําพัน
พื้นพิเศษสรรพ์
สถาพร
- 10. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 10
มธุรพจนสารสอน
เชิญวิมลสมร
บํารุ งองค์
ข้อสังเกต
มาลินีฉนท์บทหนึ่ง มี ๑๕ คํา วรรคที่หนึ่งมี ๘ คํา วรรคที่สองมี ๔ คํา วรรคที่สามมี ๓ คํา
ั
๒. สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
ไหว้คุณองค์พระสุ คตอนาวรณญาณ
ยอดศาสตาจารย์
อีกคุณสุ นทรธรรมคัมภีรวิธี
พุทธพจน์ประชุมตรี
มุนี
ปิ ฏก
(สามัคคีเภทคําฉันท์)
ข้อสังเกต
ลัททุลวิกกีฬิตฉันท์บทหนี่งมี ๑๙ คํา วรรคแรกมี ๑๒ คํา วรรคที่สองมี ๕ คํา วรรคที่สามมี ๒ คํา
๓. อีทิสังฉันท์ ๒๐ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
เอออุเหม่นะมึงซิ ช่างกระไร
ทุทาสสถุลฉะนี้ไฉน
ศึก บ ถึงและมึงก็ยงมิเห็น
ั
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็น
ข้อสังเกต
ก็มาเป็ น
ประการใด
(สามัคคีเภทคําฉันท์)
- 11. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 11
อีทิสังฉันท์บทหนึ่งมี ๒๐ คํา วรรคแรกมี ๙ คํา วรรคที่สองมี ๘ คํา และวรรคที่สามมี ๓ คํา
นอกจากนี้ ยังมีฉนท์ที่ไม่สามารถจัดเข้าประเภทดังกล่าวได้ เช่น
ั
๔.สัทธราฉันท์ ๒๑ มีลกษณะบังคับตามแผนผังและตัวอย่าง ดังนี้
ั
ฟั่นเฟื อนเลือนลืมเพราะอารมณ์
เดือดบได้สม
อย่างทรงเศร้าโศกพิโยคมี
สํ่าสุ เมธี
วิปริ ตกระอุกรม
ประฤาดี
ทุมนสบมิดี
ติเตียนนัก
(อิลราชคําฉันท์)
ข้อสังเกต
สัทธราฉันท์บทหนึ่ง มี ๒๑ คํา แบ่งเป็ นสี่ วรรค วรรคแรกและวรรคที่สองมีวรรคละ ๗ คํา
วรรคที่สามมี ๔ คํา วรรคที่สี่มี ๓ คํา คําสุ ดท้ายของวรรคแรกส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของวรรคที่สอง และคํา
สุ ดท้ายของวรรคที่สองส่ งสัมผัสไปยังคําสุ ดท้ายของวรรคที่สาม คําสุ ดท้ายของวรรคที่สี่ในบทแรก ส่ งสัมผัสไปยัง
คําสุ ดท้ายของวรรคแรกในบทถัดไป
การเลือกใช้ ฉันท์ให้ เหมาะสมกับเนือความ
้
เนื่องจากฉันท์แต่ละชนิดมีลีลาไม่เหมือนกัน กวีจึงนิยมเลือกฉันท์ให้เหมาะสมกับเนื้ อความที่
ต้องการแต่ง ดังนี้
๑. บทไว้ครู บทนมัสการสิ่ งศักดิ์สิทธิ์ บทสรรเสริ ญพระเกียรติ ที่ตองการให้มีความขลัง
้
นิยมใช้ลททุลวิกกีฬิตฉันท์
ั
๒. บทพรรณนา บทชม หรื อบทครํ่าครวญ เช่น พรรณนาความงามธรรมชาติ พรรณนาความงามของ
บ้านเมือง ชมความงามของผูหญิง พรรณนาความรักและความเศร้าโศก เป็ นต้น นิยมใช้วสันตดิลกฉันท์ หรื อ
้
อินทรวิเชียรฉันท์
- 12. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 12
๓. บทแสดงอารมณ์รุนแรง เช่น โกรธ ตื่นเต้น และวิตกกังวล เป็ นต้น หรื อบรรยายเกี่ยวกับความรักที่
เน้นอารมณ์สะเทือนใจ นิยมใช้อีทิสังฉันท์ เพราะฉันท์น้ ี มีเสี ยงหนักเบาสลับกันทําให้แสดงอารมณ์ได้ดี
๔. บทพรรณนา หรื อบรรยายความที่น่าตื่นเต้นประทับใจ แสดงความร่ าเริ ง สนุกสนานรวดเร็ ว นิยมใช้
ภุชงคประยาตฉันท์ โตฎกฉันท์ หรื อมาณวกฉันท์
๕. บทบรรยายความที่เป็ นไปอย่างเรี ยบ ๆ นิยมใช้อุเปนทรวิเชียรฉันท์ อินทวงค์ฉนท์
ั
วังลัฏฐฉันท์
อุปชาติฉนท์
ั
๖. บทบรรยายเรื่ องที่มีลกษณะสับสนต่อเนื่ องกัน นิยมใช้มาลีนีฉนท์ ซึ่งมีลหุในวรรคแรกถึงหกพยางค์
ั
ั
ั
มีลีลาจังหวะเร็ วและช้าลงในตอนท้าย แต่ฉนท์น้ ีแต่งยาก จึงใช้กบบทบรรยายที่ไม่ยาวนัก
ั
ความนิยมในการเลือกใช้ฉนท์แต่งให้เหมาะสมกับเนื้ อความที่กล่าวมานี้ มิได้เป็ นข้อกําหนดตายตัวเป็ น
ั
เพียงข้อสังเกต สําหรับใช้เป็ นแนวทางในการพิจารณาเลือกใช้ฉนท์ให้เหมาะกับเนื้อความเท่านั้น
ั
การอ่านฉันท์
เนื่องจากฉันท์เป็ นคําประพันธ์ที่บงคับครุ ลหุ การอ่านฉันท์จึงต้องอ่านให้ถูกต้องตามตําแหน่งคํา
ั
ครุ ลหุ และลีลาจังหวะของฉันท์แต่ละชนิด คําบางคําที่ปกติอ่านออกเสี ยงเป็ นครุ เช่น คําว่า สุ ข (สุ ก) อาจจะ
่
ออกเสี ยบงเป็ นลหุ สองพยางค์วา สุ -ขะ หรื อออกเสี ยงว่า สุ ก-ขะ เมื่อบังคับให้อ่านเป็ นครุ เรี ยงกัน ดังตัวอย่าง
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ ในสามัคคีเภทคําฉันท์ต่อไปนี้
แว่นแคว้นมคธนครรา
ชคฤห์ฐานบุรี
สื บราชวัตรวิธทวี
ทศธรรมจรรยา
การอ่านวสันตดิลกฉันท์บทนี้ตองออกเสี ยงอ่านตามตําแหน่งครุ ลหุ ดังนี้
้
แว่น แคว้น / มะ คด / ทะ นะ คะ รา
ชะ ครึ ถา / นะ บู รี
สื บ ราด / ชะ / วัด / วิ ทะ ทะวี
ทะ สะ ทัน / มะ จัน ยา
ในการอ่านฉันท์น้ น นอกจากต้องออกเสี ยงครุ ลหุ ให้ถูกต้องตามแผนผังคับของฉันท์แต่ละประเภทแล้ว
ั
ต้องเว้นจังหวะตอนในการอ่านให้ถูกต้องด้วย โดยมีช่วงหยุดเล็กน้อยข้างหลังคําที่ลงจังหวะ และจะต้องลงจังหวะ
ที่คาครุ เสมอไป การแบ่งจังหวะในการอ่านฉันท์ประเภทต่าง ๆ ขอให้นกเรี ยนศึกษาจากแผนผังของฉันท์แต่ละ
ํ
ั
ชนิด ซึ่ งได้แสดงไว้แล้วอย่างชัดเจน
่
ถ้านักเรี ยนได้อ่านออกเสี ยงฉันท์แต่ละชนิดหลาย ๆ ครั้ง แล้วฟังจังหวะด้วยตนเอง ก็จะทราบได้วาฉันท์
แต่ละชนิดมีจงหวะอย่างไร ควรจะเน้นเสี ยง ทอดเสี ยงในการอ่านอย่างไร จึงจะฟังไพเราะ แม้จะไม่ได้อ่านเป็ น
ั
ทํานองเสนาะก็ตาม ผูอ่านก็จะจําลักษณะบังคับครุ ลหุ ให้ได้จึงจะอ่านได้ถูกต้องตามลักษณะบังคับของฉันท์แต่ละ
้
ชนิด
- 13. เอกสารประกอบการเรี ยนการสอน วิชาภาษาไทย ท 33102 ชั้น ม.6 เรื่ อง ฉั นท์ หน้ าที่ 13
การฝึ กแต่ งคาประพันธ์ ประเภทฉันท์
่
แม้วาฉันท์จะเป็ นคําประพันธ์ที่แต่งยาก แต่หากนักเรี ยนได้ฝึกแต่ง นักเรี ยนจะพบว่าการแต่งฉันท์
นั้นไม่ยากอย่างที่คิด ทั้งยังเกิดความสนุกสนานในการเลือกสรรถ้วยคํามาให้ตรงตําแหน่งครุ ลหุ ของฉันท์ ในการ
ฝึ กแต่งฉันท์นกเรี ยนควรปฏิบติดงนี้
ั
ั ั
๑. ศึกษาฉันท์ลกษณ์ของฉันท์ชนิดที่นกเรี ยนต้องการแต่งให้เข้าใจ
ั
ั
๒. ในขั้นฝึ กหัดควรเลือกฉันท์ที่แต่งได้ง่าย ไม่มีครุ ลหุ ซบซ้อน เช่น วิชชุมมาลาฉันท์ ซึ่งมี
ั
ลักษณะคล้ายกาพย์สุรางคนางค์ อินทรวิเชียรฉันท์ ซึงลักษณะคล้ายกาพย์ยานี เพราะกาพย์ท้ งสองชนิดนี้นกเรี ยน
ั
ั
เคยเรี ยนรู ้มาแล้วในช่วงชั้นที่ ๓ เมื่อมีความชํานาญจึงเลือกแต่งฉันท์ที่ยากขึ้น
๓. เลือกหัวข้อง่าย ๆ ที่นกเรี ยนมีประสบการณ์ อาจจะเป็ นเรื่ องในชีวิตประจําวันของนักเรี ยน
ั
เช่น การศึกษา การสนทนา การท่องเที่ยว เป็ นต้น
๔. ไม่ควรใช้คาที่ยาก หรื อเป็ นคําศัพท์ระดับสู ง ควรเลือกใช้ถอยคําง่าย ๆ มาเรี ยงร้อยให้ถูกต้อง
ํ
้
ตามฉันทลักษณ์ดงตัวอย่างต่อไปนี้
ั
ภุชงคประยาดฉันท์ ๑๒
จะเหลียวซ้ายก็งามตา
จะเหลือบขวาก็เพลินใจ
จะดูเบื้องพบูไป
ตลอดล้วนจะชวนแล
ผิพิศสู งลิแสงโสม
อร่ ามโคมโพยมแข
ตะลึงหลงพะวงแด
ฤดีงงเพราะความงาม
ณ ชายหาดสะอาดทราย
และกรวดทรายประกายวาม
วะวาบวับระยับยาม
ผสานแสงพระจันทร์เพ็ญ
ทะเลแลกระแสหลัง
อุทกพสังถะถังเห็น
่
่
่
ผสมสี ขจีเป็ น
ประหนึ่งแก้วตระการเขียว
พระพายฮือกระพือหวน
ประมวลม้วนสมุทรเกลียว
ระดมพัด ณ บัดเดี๋ยว
ขยายแยกและแตกฉาน
(ข้าพเจ้านังอยูชายทะเล – ชิต บุรทัด)
่ ่
่
่
จะเห็นได้วาฉันท์บทนี้มีศพท์ยากอยูไม่กี่คา เช่น พบู โพยม เป็ นต้น นอกจากนั้นเป็ นคําศัพท์ที่นกเรี ยน
ั
ํ
ั
่
เข้าใจความหมายนับได้วากวีเป็ น “นายแห่งถ้อยคํา” อย่างแท้จริ ง เพราะสามารถเรี ยงร้อยถ้อยคําสามัญให้เป็ นคํา
ฉันท์ได้อย่างไพเราะ และถูกต้องตามฉันทลักษณ์
**************************