SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 13
Descargar para leer sin conexión
บทที่ 2

                                       เอกสารที่เกี่ยวข้ อง

ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (                  WebBlog) ด้วย Wordpress
เรื่ อง ไวรัส นี้ ผูจดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
                    ้ั

        2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
        2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
        2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)

2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์ เน็ต
          เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็ นคาในภาษาไทย มาจากภาษาอังกฤษว่า Information
Technology มักเรี ยกโดยย่อๆ ว่า IT (อ่านว่าไอ-ที ) เทคโนโลยีสารสนเทศนั้นนับวันจะมีบทบาท
ต่อวิถชีวิตของทุกคนบนโลกใบนี้าเราพิจารณาไปรอบๆอย่างถี่ถวน จะพบว่าในปัจจุบนพวกเราทุก
      ี                                                ้                 ั
คนล้วนแต่เกี่ยวข้องและพึ่งพาเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การติดต่อสื่อสาร
ด้วยระบบโทรศัทพ์ การรับรู้ข่าวสารและความบันเทิงจากสื่อต่างๆ ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ หรื อแม้แต่
หนังสือพิมพ์ รวมทั้งระบบเศรษกิจและการเงินในปัจจุบนซึ่งต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสารสนเทศเป็ น
                                                 ั
ปัจจัยหลัก

     ข้อมูลที่บรรจุความรู้ ข่าวสาร ความบันเทิง ในรู ปแบบต่างๆ กัน เช่น ข้อมูลในรู ปของข้อความ
และตัวเลข ข้อมูลที่เป็ นรู ปภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว หรื อแม้กระทังข้อมูลในรู ปแบบของ
                                                                        ่
เสียง เช่น คาพูด เสียงร้องหรื อดนตรี นักเรี ยนได้พบเห็น สัมผัสในปัจจุบน เหล่านี้ส่วนใหญ่ได้ถก
                                                                      ั                     ู
ผลิตหรื อจัดทาขึ้นมาด้วยวิธีการใด ถูกส่งต่อมายังนักเรี ยนผ่านช่องทางใด และท้ายสุดนักเรี ยน
ได้รับข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นด้วยวิธีการหรื อเครื่ องมือที่ใช้เทคโนโลยีใด
เมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่ามีอยูหลายวิธีในการผลิตและการส่งผ่านข้อมูลดังกล่าว ไปตามช่อง
                                ่
ต่างๆ อย่างมากมาย รวมถึงการรับข้อมูลการแปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยูในรู ปแบบที่มนุษย์เข้าใจได้
                                                                ่
วิธีการเหล่านั้นไม่ได้เกิดมาจากธรรมชาติ แต่ได้ผานกระบวนการคิดค้น ทดลอง เปลี่ยนแปลงแก้ไข
                                               ่
และพัฒนาอย่างต่อเนื่องมานับไม่ถวน เช่น ระบบโทรศัพท์มือถือในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีผู้
                               ้
คิดค้นระบบโทรศัพท์พ้ืนฐานและระบบวิทยุข้ ึนมา และโทรศัพท์พ้ืนฐานที่ใช้ตามบ้านจะเกิดขึ้น
ไม่ได้ถาหากไม่มคนคิดค้นระบบโทรเลข ระบบโทรเลขจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีคนค้นพบขั้วบวก
       ้       ี
และขั้วลบของไฟฟ้ า และท้ายสุดหากมนุษย์ไม่ได้คิดค้นคาพูดและความหมายของคา มนุษยชาติก็
ไม่อาจสื่อสารและเพิ่มพูนความรู้ความสามารถได้มากเท่าปัจจุบนนี้ และอาจสูญสิ้นเผ่าพันธุไปใน
                                                         ั                          ์
ที่สุด ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า “เทคโนโลยี”คือกระบวนการคิดค้น ทดลอง เปลี่ยนแปลงแก้ไขและ
พัฒนาความรู้ วิธีการและเครื่ องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่งนันเอง
                                                                                 ่

       ดังนั้นเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและส่งเสริ มหรื อเกื้อหนุนการสื่อสารของข้อมูลใน
รู ปแบบและวิธีการต่างๆ จึงนับว่ามีบทบาทสาคัญอย่างยิงต่อการดารงชีวิตอยูของมนุษยชาติทุกคน
                                                   ่                  ่
ซึ่งเทคโนโลยีดงกล่าวในปัจจุบนเราเรี ยกว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ
              ั             ั

    เทคโนโลยีสารสนเทศ จึงหมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้เพื่อช่วยเอื้ออานวยในการบันทึกข้อมูล
จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล รับและส่งข้อมูลในรู ปแบบต่างๆ ซึ่งได้แก่ ข้อความ รู ปภาพ และ
เสียง เป็ นต้น เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็ นคากว้างๆ ประกอบด้วยเทคโนโลยีดานต่างๆ อย่าง
                                                                     ้
หลากหลาย โดยมีแกนหลักสาคัญประกอบด้วย เทคโนโลยีดานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดาน
                                               ้                         ้
โทรคมนาคม
2.2 ข้ อมูลเกียวกับสื่อสังคม Social Media
              ่
         2.2.1 ความหมายของ Social Media
                  สาหรับในยุคนี้ เราคงจะหลีกเลี่ยงหรื อหนีคาว่า Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่
ว่าจะไปที่ไหน ก็จะพบเห็นมันอยูตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มัน
                                  ่
คืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมารู้จกความหมายของมันกันครับ
                                ั

คาว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่น้ ีจะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบน
                                                                                         ั

คาว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่ องราว บทความ วีดีโอ เพลง รู ปภาพ เป็ นต้น

  ดังนั้นคาว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลาย
ทิศทาง โดยผ่านเครื อข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสมพันธ์
                                                                                       ั
โต้ตอบกันได้นนเอง
                ั่

    พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรื อคนเราที่ตองการ  ้
ติดต่อสื่อสารหรื อมีปฏิสมพันธ์กน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว
                          ั      ั
บุคคลแต่ละคนไม่สามารถติดต่อหรื อโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยค 2.0 ก็มีการ
                                                                                     ุ
พัฒนาเว็บไซต์ที่เรี ยกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรื อโปรแกรมต่างๆ ที่มีการ
โต้ตอบกับผูใช้งานมากขึ้น ผูใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผานหน้าเว็บ
            ้                 ้                                       ่
2.2.2 ประวัตความเป็ นมาและพัฒนาการของ Social Media
            ิ

                       พูดถึงกันมากเหลือเกินสาหรับ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ซึ่งเรี ยกได้ว่า
เป็ นตัวกลาง เป็ นเครื่ องมือ สาหรับการสื่อสารระหว่างกัน โดยปัจจุบนได้ขยายผลกว้างครอบคลุม
                                                                     ั
ไปถึง การทางานร่ วมกัน ทั้งภายใน และ ภายนอกองค์กร โดยอาศัยเว็บ และ โมบายเทคโนโลยี เป็ น
ตัวช่วย ถ้าจะเปรี ยบเทียบก็น่าจะเป็ นคู่แฝดแห่งยุคดิจิตอล อย่างเมื่อกว่า 200 ปี ก่อน มีแฝดอินจัน ที่
ไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ จนมีการตั้งชื่อแฝดลักษณะที่มีลาตัวติดกันเช่นนี้ว่า แฝดสยาม
       ถ้าว่าไปแล้ว แฝดสยามในยุคดิจิตอล ก็คงหนีไม่พน สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) กับ
                                                          ้
สมาร์ทโฟน (Smartphone) ที่มกจะไปเป็ นคู่ยากที่จะแยกออกจากกันได้ เมื่อศึกษาถึงคาจากัดความ
                                   ั
ของ สังคมออนไลน์ (Social Media) จะพบว่าคือกลุ่มของแอพพลิเคชัน บนอินเทอร์เน็ต ที่สร้าง
                                                                       ่
ขึ้นมาบนพื้นฐานแนวคิด และเทคโนโลยี Web 2.0 ซึ่งรองรับให้มีการสร้าง และ แลกเปลี่ยน คอน
เทนต์ที่ผใช้เป็ นผูสร้างเอง (User-generated content) เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว สามารถเรี ยกได้ว่า
             ู้        ้
สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เป็ นการผสมผสานกันระหว่าง เทคโนโลยี กับ การสื่อสาร
ระหว่างกันในสังคม เพื่อสร้างเสริ มมูลค่าให้เพิ่มขึ้น
     เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป โดยเฉพาะยุคดิจิตอลอย่างทุกวันนี้ การแสดงความคิดเห็นดูจะเป็ นเรื่ องง่าย
บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็ นหนึ่งตัวอย่างที่ทาให้พนักงานรายหนึ่งในอเมริ กา ถูกไล่ออกหลังจากที่
เธอได้วิจารณ์เจ้านายของเธอบน เฟชบุ๊ก (Facebook) เรื่ องเกิดขึ้นเมื่อปี ที่ผานมา พนักงานหญิงรายนี้
                                                                            ่
ได้เขียนข้อคิดเห็นของเธอ บนหน้าเฟชบุ๊ก ด้วยคาพูดที่หยาบคาย คดีน้ ีถกจับตามองทัวจากทุก
                                                                          ู            ่
วงการ ด้วยความกังขาว่า นายจ้างมีสิทธิที่จะลงโทษพนักงานที่เขียนข้อคิดเห็นบน สังคมออนไลน์
หรื อไม่ เท่าที่ทราบในเมืองไทยเรายังไม่เคยได้ยน เหตุการณ์ลกษณะนี้เกิดขึ้น
                                                  ิ             ั
      เกมในเฟซบุก น่าจะเป็ นตัวสร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี ด้วยกลยุทธ์วาใครมีเพือนเยอะก็จะได้
                    ๊                                                         ่      ่
อะไรเพิ่มขึ้นในเกม นอกจากนั้น ยังมีการหลอกล่อให้ตองมีเพื่อนมาร่ วมกันเป็ นส่วนหนึ่งในเกม
                                                            ้
ปลูกผักเลี้ยงปลากันใหญ่ วันก่อนมีโอกาสไปบรรยายเรื่ องสังคมออนไลน์ให้กบกรมส่งเสริ ม ั
การเกษตร ก็เล่าไปว่าบ้านเราน่าจะทาเกมลักษณะนี้ในรู ปแบบไทยๆ บ้านเรามีเกษตรกร กว่าครึ่ ง
ค่อนประเทศ นี่ยงไม่นบรวมท่านที่ชอบทาการเกษตรบนโลกออนไลน์
                      ั ั
    ในทางกลับกัน บางประเทศกลับห้ามใช้งานเว็บนี้ บางบริ ษทก็หามใช้เนื่องจากเสียเวลาการ
                                                               ั ้
ทางานของพนักงาน เฟซบุ๊คได้รับการจัดอันดับเป็ นเว็บสังคมออนไลน์ที่มีผใช้มากที่สุดในปี ค.ศ.
                                                                                ู้
2009 จานวนผูใช้เพิ่มขึ้นเป็ นเท่าตัว และที่น่าสนใจก็คือจานวนผูเ้ ล่นอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ เข้าใช้
                  ้
งานมากกว่ากูเกิลเป็ นครั้งแรกช่วงต้นปี 2010 อีกด้วย
ล่าสุดมีข่าวการใช้เฟซบุ๊ก เพื่อช่วยเหลือชีวิต ปกติเรามักจะได้ยนการใช้สงคมออนไลน์ เป็ นสื่อ
                                                                     ิ          ั
เป็ นเครื่ องมือทางการตลาด แต่ล่าสุดมีข่าวจากสานักข่าวต่างประเทศได้รายงานเกี่ยวกับการประกาศ
รับบริ จาคไตในเฟซบุ๊ก เรื่ องเกิดที่สหรัฐฯ มีผป่วยที่ตองการปลูกถ่ายไต ต้องเปลี่ยนไตใหม่ภายใน
                                                    ู้     ้
เวลาจากัด เมื่อปรึ กษากับแพทย์ที่ดูแลอยู่ จึงได้ตดสินใจลองประกาศลงในเฟซบุ๊ก แล้วก็มีผที่
                                                       ั                                      ู้
ประสงค์จะบริ จาคไตให้ โดยไม่ได้มีความสนิทสนมกันเป็ นพิเศษแต่อย่างใด เป็ นเพียงเพื่อนในเฟ
ซบุ๊ก ผูรับบริ จาคเมื่อได้รับข้อความแสดงความจานงจะบริ จาคไตให้ ในตอนแรกยังคิดว่าเป็ นเรื่ อง
          ้
ล้อเล่นกัน แต่เมื่อต้นเดือนเมษายน 2010 แพทย์ก็ได้เปลี่ยนไตที่บริ จาคให้ไปเป็ นที่เรี ยบร้อยแล้ว
    การศึกษาล่าสุดพบว่าหญิงสาววัยรุ่ น ที่นงจ้องเฟชบุ๊คทั้งวัน อาจเป็ นสาเหตุให้เกิดอาการผิดปกติ
                                                 ั่
ในเรื่ องการทานอาหาร จากการศึกษาพบว่าสองสาเหตุหลักที่ทาให้เกิด อาการการทานอาหาร
ผิดปกติ คือ การใช้เวลามากเกินไปกับ พฤติกรรมการบริ โภคสื่อ และ การเป็ นตัวของตัวเองมาก
เกินไป ผลจากการสารวจเด็กวัยรุ่ นช่วงอายุ 12 ถึง 19 ปี พบว่าพฤติกรรมการบริ โภคสื่อ
อินเทอร์เน็ต และ โทรทัศน์ มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของแต่ละคนโดยตรง
    จากผลการสารวจพบว่า ยิงใช้เวลากับเฟชบุ๊ก มากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสจะพบอาการอยากอาหาร
                                ่
มากผิดปกติ ภาวะเบื่ออาหาร ไม่พงพอใจในสรี ระของตัวเอง และ ความต้องการอยากลดน้ าหนัก
                                        ึ
มากขึ้น
   เมื่อมีจานวนผูใช้ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มากขึ้นเท่าใร ย่อมเป็ นโอกาสในการทา
                  ้
ธุรกิจ จึงเกิดคาว่า Social Commerce ขึ้น และได้รับความสนใจมากในช่วงนี้ หรื อถ้าลองค้นหา คา
ว่า “e-mail vs. Social Media” ในกูเกิล จะพบผลลัพธ์มากเป็ นหลายหมื่น จึงเป็ นสิ่งที่ชดเจนว่าเป็ น
                                                                                         ั
หัวข้อร้อน จนบางที คนนิยามว่าเป็ นการทาสงครามบนโลกดิจิตอล บ้างก็กล่าวว่าคงเป็ นจุดจบของ
อีเมล์ และคลื่นลูกใหม่ที่มาก็คือ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)
    อีกแง่มุมหนึ่งที่ดูเข้าท่าก็คือ ทั้งอีเมล์ และ สื่อสังคมออนไลน์ จะเป็ นตัวเสริ มกันและกัน เพื่อการ
ตัดสินใจทางธุรกิจ เราควรที่จะโฟกัสสองเรื่ องใหญ่ๆ คือ กลุ่มเป้ าหมาย และ เจตนา มาเริ่ มด้วย
กลุ่มเป้ าหมาย * ถ้ากลุ่มเป้ าหมายอายุต่ากว่า 20 ปี น่าจะค่อนข้างชัดเจนว่า การใช้สื่อสังคม
ออนไลน์ จะเป็ นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

*ถ้ากลุ่มธุรกิจเป็ นกลุ่มเป้ าหมายของเรา การใช้อีเมล์ ถูกมองว่าเราจะได้ผลเร็ วกว่า ในทางกลับกัน
ถ้าลูกค้าทัวไปเป็ นกลุ่มเป้ าหมายของธุรกิจ การใช้ สื่อสังคมออนไลน์ น่าจะได้ผลที่ดีกว่า เนื่องจาก
           ่
ลูกค้าจะเชื่อ และฟัง ความเห็นของคนอื่นๆ ที่ให้ไว้บนสื่อสังคมออนไลน์
*สาหรับกลุ่มเป้ าหมายที่อยูที่ทางาน อีเมล์เป็ นคาตอบของเรา แต่ถาต้องการมุ่งไปที่อยูที่บาน สื่อ
                              ่                                      ้               ่ ้
สังคมออนไลน์ น่าจะให้ผลตอบรับที่ดีกว่า
  จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์กลุ่มเป้ าหมายทั้งทาง ประชากรศาสตร์ (Demographic) และเชิงจิตวิทยา
เป็ นสิ่งที่สาคัญทั้งคู่ ในการเลือกว่า อีเมล์ หรื อ สื่อสังคมออนไลน์ จะเหมาะสมกับธุรกิจ อย่างไรก็
ตามในหลายกรณี เราควรใช้ท้งสองช่องทาง ในการติดต่อสื่อสาร
                                  ั

 ส่วนเจตนา หรื อ รู ปแบบของธุรกิจ ก็เป็ นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรนามาพิจารณา
* ถ้าต้องการทาธุรกิจแบบ ขายตรง สื่อสังคมออนไลน์ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก อีเมล์ น่าจะให้
ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
* เมื่อมีความต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ ในระยะยาว การเริ่ มต้นด้วย สื่อสังคมออนไลน์
ในช่วงแรก แล้วปรับมาใช้อีเมล์ น่าจะเป็ นแนวทางที่ดี
* หากธุรกิจของเราต้องการ การตอบรับที่รวดเร็ ว สาหรับกลุ่มวัยรุ่ นแล้ว สื่อสังคมออนไลน์ เป็ น
ทางเลือกที่เหมาะสม ส่วนกลุ่มวัยทางานที่ทางานมาพอสมควร การตอบรับอีเมล์ ของคนกลุ่มนี้ ก็
จะค่อยข้างเร็ ว
* เมื่อเราต้องการที่จะทาธุรกิจ ผ่านการสื่อสาร อีเมล์ ยังคงเป็ นสิ่งที่เราต้องใช้ เราต้องจัดการกับ
อีเมล์ที่เข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ ว ถ้าไม่สามารถโต้ตอบด้วยความรวดเร็ วแล้ว ธุรกิจ
ของเราอาจจะมีปัญหาได้ ต่างกับถ้าเราไม่ ทวิต ทุกวัน คงจะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจมากเท่าไหร่ นก        ั
    เราจึงยังเห็นว่า นักธุรกิจส่วนใหญ่ ยังคงให้ความสาคัญกับ อีเมล์ ดังนั้นถ้าต้องการทาธุรกิจกับ
ใครก็ตาม เราควรเริ่ มด้วย สื่อสังคมออนไลน์ เป็ นตัวนา ให้เราสามารถเจาะเข้าถึง อีเมล์ ของ
กลุ่มเป้ าหมายให้ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อยุค สมัย เปลี่ยนไป การใช้อีเมล์ สาหรับคนรุ่ นใหม่ อาจจะไม่
สาคัญเท่ากับ การมีตวตนบน สื่อสังคมออนไลน์ จนกลายเป็ นวิวฒนาการ บนโลกออนไลน์ ไม่ใช่
                       ั                                           ั
เป็ นสงครามบนโลกออนไลน์ก็ว่าได้
2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ ท่ ให้ บริการ Social Media
                         ี
                        ก่อนที่จะพูดถึงประเภทของ Social Media ต่างๆ ขอให้ เราทราบว่าทุกประเภทจะมีลกษณะ        ั
ที่ร่วมกันคือการที่ผ้ ใช้ หรือผู้บริโภคเป็ นคนที่สร้ างเนื ้อหาดังกล่าวขึ ้น หรือที่เรียกว่า Users Generated Content
                      ู
หรือ Consumer Generated Content นะครับ เอาละมาลุยกันทีละประเภทเลย
(1) Blog – ซึงเป็ นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึงถือเป็ นระบบจัดการเนื ้อหา ( Content Management
              ่                                           ่
System: CMS) รูปแบบหนึง ซึงทาให้ ผ้ ใช้ สามารถเขียนบทความเรียกว่า Post และทาการเผยแพร่ได้ โดยง่าย
                                  ่ ่         ู
ไม่ย่งยากในการที่จะต้ องมานังเรียนรู้ถงภาษา HTML หรือโปรแกรมทา web site ทั ้งนี ้การเรียงของเนื ้อหาจะ
      ุ                            ่        ึ
เรียงจากเนื ้อหาที่มาใหม่สดก่อน จากนั ้นก็ลดหลันลงไปตามลาดับของเวลา ( Chronological Order) การเกิด
                               ุ                       ่
ของ Blog เปิ ดโอกาสให้ ใครๆที่มีความสามารถในด้ านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดงกล่าวด้ วยการเขียนได้
                                                                                               ั
อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัดเรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้ เกิด Blog ขึ ้นมาจานวนมากมาย และเพิ่มเนื ้อหา
ให้ กบโลกออนไลน์ได้ เป็ นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี ้เครื่องมือที่สาคัญที่ทาให้ เกิด
        ั
ลักษณะของ Social คือการเปิ ดให้ เพื่อนๆเข้ ามาแสดงความเห็นได้ นนเอง           ั่

ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ ได้ ใน 2 รูปแบบ คือ การที่บริษัทจัดทา Blog (Corporate Blog)
ขึ ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้ า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียนเรื่องที่ตนถนัด
และมีผ้ ติดตามจานวนมาก จนกลายเป็ น Marketing Influencer
        ู

(2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็ นรูปแบบหนึงของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละครั ้งไว้ ที่ 140
                                                    ่
ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้ องการให้ ผ้ ใช้ เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลังทาอะไรอยู่ในขณะนี ้
                                                            ู
(What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ ในทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็ นการสร้ างการบอกต่อ
เพิ่มยอดขาย สร้ าง Brand หรือเป็ นเครื่องมือสาหรับการบริหารความสัมพันธ์ ลกค้ า ( CRM) ทั ้งนี ้เรายังสามารถ
                                                                                 ู
ใช้ เป็ นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ บทความใหม่ๆบน Blog ของเราได้ ด้วย Twitter นั ้นเป็ นนิยมขึ ้นมากอย่าง
รวดเร็ว จนทาให้ เว็บไซต์ประเภท Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ ผ้ ใช้ สามารถบอกได้ ว่าตอนนี ้กาลัง
                                                                                   ู
ทาอะไรกันอยู่ นั ้นก็คือการนา Microblog เข้ าไปเป็ นส่วนหนึงด้ วยนั ้นเอง
                                                              ่

(3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ ว่าเป็ นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับเพื่อนๆจน
กลายเป็ นสังคม ทั ้งนี ้ผู้ใช้ จะเริ่มต้ นสร้ างตัวตนของตนเองขึ ้นในส่วนของ Profile ซึงประกกอบด้ วยข้ อมูลส่วนตัว
                                                                                      ่
(Info) รูป (Photo) การจดบันทึก ( Note) หรือการใส่วิดีโอ ( Video) และอื่นๆ นอกจากนี ้ Social Networking
ยังมีเครื่องมือสาคัญในการสร้ างจานวนเพื่อนให้ มากขึ ้น คือ ในส่วนของ Invite Friend และ Find Friend
รวมถึงการสร้ างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้ วย

นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ ในการมีปฏิสมพันธ์ กบลูกค้ า อาจจะอยู่ในรูปของการสร้ าง Brand
                                                        ั      ั
ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้ เป็ นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี ้ตัวลูกค้ า
เอง หากชื่นชอบในสินค้ าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุมกันจัดตั ้ง Group ขึ ้นมาได้
                                                   ่
เว็บไซต์ที่มีลกษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้ เป็ น 2 ประเภท คือ ประเภทแรกจะ
              ั
สนใจในการสร้ างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ Myspace และอีกประเภท
คือสนใจในการสร้ างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิ ดให้ ใส่ Resume และข้ อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ
Plaxo เป็ นต้ น

(4) Media Sharing – เป็ นเว็บไซต์ที่เปิ ดโอกาสให้ เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปั นให้ กบครอบครัว
                                                                                                   ั
เพื่อนๆ หรือแม้ กระทังเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปั จจุบนไม่จาเป็ นจะต้ องทุ่มทุนในการสร้ าง
                       ่                                                ั
หนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้ กล้ องดิจิตอลราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็ นรูปแบบวิดีโอ จากนั ้นนาขึ ้น
ไปสูเ่ ว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หากความคิดของเราเป็ นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้ เกิดการบอกต่ออย่าง
แพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขายสินค้ าที่เน้ นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้ วนาขึ ้นไปสูเ่ ว็บไซต์อย่าง
Flickr เพื่อให้ ลกค้ าได้ ชม หรืออาจจะใช้ เป็ นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทางานของ
                 ู
กิจการ เป็ นต้ น หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝี มือ เหมือนเป็ น
แกลลอรีสวนตัว ทาให้ ผ้ ว่าจ้ างได้ เห็นฝี มือก่อนที่จะทาการจ้ าง
            ่              ู

(5) Social News and Bookmarking – เป็ นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื ้อหาใดในอินเทอร์ เน็ต
โดยผู้ใช้ เป็ นผู้สงและเปิ ดโอกาสให้ คะแนนและทาการโหวตได้ เป็ นเสมือนมหาชนช่วยกลันกรองว่าบทความหรือ
                   ่                                                                    ่
เนื ้อหาใดนั ้นเป็ นที่น่าสนใจที่สด ในส่วนของ Social Bookmarking นั ้น เป็ นการที่เปิ ดโอกาสให้ คณสามารถทา
                                  ุ                                                              ุ
การ Bookmark เนื ้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ขึ ้นอยู่กบคอมพิวเตอร์ เครื่องใดเครื่องหนึง แต่สามารถทา
                                                            ั                               ่
ผ่านออนไลน์ และเนื ้อหาในส่วนที่เราทา Bookmark ไว้ นี ้ สามารถที่จะแบ่งปั นให้ คนอื่นๆได้ ด้วย นักการตลาด
จะใช้ เป็ นเครื่องมือในการบอกต่อและสร้ างจานวนคนเข้ ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ต้องการ

(6) Online Forums – ถือเป็ นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สด เป็ นเสมือนสถานที่ที่ให้ ผ้ คนเข้ ามา
                                                                      ุ                        ู
พูดคุยในหัวข้ อที่พวกเขาสนใจ ซึงอาจจะเป็ นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และอื่นๆ
                                ่
อีกมากมาย ได้ ทาการแลกเปลียนความคิดเห็น แสดงข้ อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึงการแนะนาสินค้ าหรือบริการ
                              ่
ต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื ้อหาที่พดคุยใน Forums เหล่านี ้ เพราะบางครั ้งอาจจะเป็ นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัว
                                       ู
สินค้ าและบริการของเรา ซึงเราเองสามารถเข้ าไปทาความเข้ าใจ แก้ ไขปั ญหา ตลอดจนถึงใช้ สร้ างความสัมพันธ์
                           ่
ที่ดีกบลูกค้ า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะเป็ นเว็บไซต์ที่เปิ ดให้ แลกเปลียนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรือ
      ั                                                                   ่
อาจจะเป็ นส่วนหนึงในเว็บไซต์เนื ้อหาต่างๆ
                    ่

จากประเภทของ Social Media ที่กล่าวมาข้ างต้ น (อันที่จริงมีมากกว่านี ้ แต่ผมเห็นว่ายังไม่ค่อยเป็ นที่นิยมใน
ไทยถึงไม่ได้ กล่าวถึง) จะถูกนักการตลาดนามาใช้ กบสินค้ าหรือบริการของตนเองในวัตถุประสงค์ที่แตกต่าง
                                               ั
2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
          2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
          Web Blog คือ Blog มาจากศัพท์คาว่า WeBlog บางคนอ่านคา ๆ นี้ ว่า We Blog บางคนอ่านว่า
Log Web แต่ท้งนี้ท้งนั้น ทั้งสองคาบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านันคือบล็อก (Blog)
               ั ั                                                             ่
ความหมายของคาว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดย
เนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่ อง ไม่ว่าจะเป็ นเรื่ องราวส่วนตัว หรื อเป็ นบทความเฉพาะ
ด้านต่าง ๆ เช่น เรื่ องการเมือง เรื่ องกล้องถ่ายรู ป เรื่ องกีฬา เรื่ องธุรกิจ เป็ นต้น โดยจุดเด่นที่ทาให้
บล็อกเป็ นที่นิยมก็คือ ผูเ้ ขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น
ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผูอ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อก
                                                                ้
ก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรื อครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็ นได้แค่ไดอารี่ ออนไลน์ แต่ในความเป็ นจริ งแล้ว
ไดอารี่ ออนไลน์เปรี ยบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่
หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่ องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรื อการบันทึกบทความที่ผเู้ ขียน
บล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรื อการรี วิว
ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตวเองเคยใช้ หรื อซื้อมานันเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาใน
                        ั                       ่
ประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่ องที่ตนเอง
ถนัด หรื อสนใจเป็ นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็ นเครื่ องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็ น
กันเองระหว่างผูเ้ ขียนบล็อก และผูอ่านบล็อกที่เป็ นกลุ่มเป้ าหมาย ที่ชดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทาง
                                       ้                                         ั
ระบบ comment ของบล็อกนันเอง      ่
ในอดีตแรกเริ่ ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทากันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ใน
ปัจจุบนนี้ มีเครื่ องมือหรื อซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable
        ั
Type เป็ นต้น ผูคนหลายล้านคนจากทัวทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่ หลาย ตั้งแต่
                   ้                      ่
นักเรี ยน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริ ษทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุน NasDaq
                                                       ั                           ้
เมื่อสองสามปี ที่ผานมา Blog เริ่ มต้นมาจาก การเขียนเป็ นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย
                     ่
ๆ แห่งกลายเป็ นแหล่งข่าวสาคัญ ให้กบหนังสือพิมพ์หรื อสานักข่าวชั้นนา จวบจนกระทังปี 2004 คน
                                            ั                                                     ่
เขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสานักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็ วในการให้ขอมูล ตั้งแต่      ้
เรื่ องการเมือง ไปจนกระทัง เรื่ องราวของการประชุม ระดับชาติ
                               ่
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็ นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์
หรื อแม้กระทังวิทยุ เราสามารถเรี ยกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็ นสื่อชนิดใหม่ ที่สาคัญอย่างแท้จริ ง
                ่
สรุ ปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็ นเหมือนบันทึกออนไลน์ มีส่วนของ
การ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
ใช้ อย่างไร
1.หาเว็บที่ให้สามารถให้เช่า blog ได้
2.สมักรเป็ นสมาชิกของเว็บนั้น
3.เมื่อเราเป็ นสมาชิกแล้วก็สามารตกแต่ง blog ของเราได้
2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก

                               ่
          บล็อกที่เราเห็นอยูในปัจจุบนนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็ นตัวหนังสื อและรู ปภาพ
                                        ั
เท่านั้น หรื อ มีแค่ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้
1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่
1.1. Linklog บล็อกแบบนี้ น่าจะเป็ นบล็อกรุ่ นแรก ๆ เป็ นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อก
สนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจาผูให้กาเนิดคาว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ ได้ นันแหล่ะครับ
                             ้                                                     ่
robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นันเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้ จะเป็ นการ
                                                    ่
รวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรี ยงเหมือนว็บไดเร็ กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของ
เขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็ นของตนเองแต่ยงนึกไม่ออกว่า
                                                                                ั
จะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็ นการเริ่ มต้นการทาบล็อกได้เป็ นอย่างดี
                          ่
1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยูแล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้ เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของ
บล็อกอยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรี ยกได้ว่า
ภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลยครับ1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็ นบล็อกที่รวมวิดีโอ
คลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็ นบล็อกที่เรี ยกได้ว่าเป็ นบล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะ
การเจริ ญเติบโตของไฮสปี ด อินเตอร์ เน็ต หรื อ อินเตอร์ เน็ตบอร์ ดแบนด์ ที่ทาให้การ
ถ่ายทอดเสี ยง ภาพเคลื่อนไหว movie […]
2. แบ่งตามประเภทเนื้ อหา ได้แก่
2.1 บล็อกส่ วนตัว(Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิ จวัตรประจาวันของเจ้าของบล็อก
เป็ นหลัก
2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็ นหลัก
2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็ นบล็อกที่เขียนกันเป็ นกลุ่ม เช่น blognone.com
2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่ องการเมืองล้วน ๆ
2.5 บล็อกเพื่อสิ่ งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่ องราวของธรรมชาติและการรักษา
สิ่ งแวดล้อม
2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็ นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่ งที่เกี่ ยวกับสื่ อ เช่น
                                   ั ่
oknation.net/blog/black ของสุ ทธิ ชย หยุน
2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่ องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอ
เงิน เรื่ องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ
2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรี ยน หรื อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ
มักจะใช้บล็อกเป็ นสื่ อในการสอนหรื อ แลกเปลี่ยนความคิดกัน
2.9 ติวเตอร์ บล็อก(Tutorial Blog) เป็ นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง
2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้ บริการเว็บบล็อก

รายชื่อผูให้บริ การเขียน blog ฟรี เพื่อผูที่สนใจอยากจะทา blog เองแต่ยงไม่อยากจะ
         ้                               ้                           ั
ลงทุนครับwww.blogger.com

www.exteen.com

www.mapandy.com

www.buddythai.com

www.imigg.com

www.5iam.com

www.blogprathai.com

www.ndesignsblog.com

www.idatablog.com
www.inewblog.com

www.onblogme.com

www.freeseoblogs.com

www.sumhua.com

www.diaryi.net

www.istoreblog.com

www.skypream.com

www.thailandspace.com

www.sungson.com

www.gujaba.com

www.sabuyblog.com

www.ugetblog.com

www.jaideespace.com

www.maxsiteth.com

www.my2blog.com
2.3.4 ประวัตของเว็บไซต์ Wordpress
            ิ
         เว็บไซต์น้ ี จะแนะนาถึงวิธี การใช้ WordPress ตั้งแต่พ้ืนฐานเริ่ มต้น ไปจนถึงการเพิ่มเทคนิคลูกเล่นต่าง
ๆ แต่ก่อนที่จะไปเรี ยนรู ้กน เราควรมารู ้จกก่อนว่า WordPress คือ อะไร
                           ั              ั

 WordPress คือ โปรแกรมสาเร็ จรู ปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สาหรับสร้าง บล็อก หรื อ เว็บไซต์ สามารถใช้งานได้ฟรี ถูก
จัดอยูในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่ งหมายถึง โปรแกรมสาเร็ จรู ปที่มีไว้สาหรับสร้างและ
      ่
บริ หารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์

 WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคาสั่งมาจากภาษา PHP (เป็ นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง) ทางานบน
ฐานข้อมูล MySQL ซึ่ งเป็ นโปรแกรมสาหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรี ยกดู แก้ไข เพิ่มและลบข้อมูล การ
ใช้งาน WordPress ร่ วมกับ MySQL อยูภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานแบบ GNU General Public License
                                   ่

 WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) เป็ นความร่ วมมือกันระหว่าง Matt Mullenweg
และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยูที่ http://wordpress.org และยังมีบริ การ Free Hosting (พื้นที่สาหรับเก็บทุก
                                  ่
อย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริ การได้ที่ http://wordpress.com

 ปัจจุบนนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว จนมีผูใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อกไปแล้ว แซง
       ั                                                         ้
หน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็ น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็ นเพราะ ใช้งานง่าย ไม่จาเป็ นต้องมี
ความรู ้ในเรื่ อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผูพฒนา Theme (รู ปแบบการแสดงผล) และ Plugins
                                                             ้ ั
(โปรแกรมเสริ ม) ให้เลือกใช้ฟรี อย่างมากมาย

  นอกจากนี้ สาหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็ นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษาองค์ประกอบส่ วน
ต่าง ๆ ที่อยูภายใน สาหรับพัฒนาต่อยอด หรื อ นาไปสร้าง Theme และ Plugins ขึ้นมาเองได้อกด้วย หนาซ้ า ยังมี
             ่                                                                      ี
รุ่ นพิเศษ คือ WordPress MU สาหรับไว้ให้ผูนาไปใช้ สามารถเปิ ดให้บริ การพื้นที่ทาเว็บบล็อกเป็ นของตนเอง
                                          ้
เพื่อให้ผอื่นมาสมัครขอร่ วมใช้บริ การในการสร้างเว็บบล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรื อที่เรี ยกว่า Sub-Domain
         ู้

 จากที่ได้เกริ่ นนาไปในบทความนี้ คงจะทาให้รู้จก และได้ทราบประวัติความเป็ นมา รวมถึงความหมายกันไป
                                              ั
บ้างแล้วว่า WordPress คือ อะไร ในบทความหน้า เราจะได้เริ่ มเรี ยนรู ้ถึงรู ปแบบ และวิธีการใช้งาน ไปจนถึงการ
เพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ต่อไป

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Ninna Natsu
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
M'suKanya MinHyuk
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Wilaiporn Seehawong
 
โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์
teerarat55
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Pongtep Treeone
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Sirintip Kongchanta
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Miw Inthuorn
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง102 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
Thanggwa Taemin
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
She's Mammai
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
Poonyapat Wongpong
 
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
วัจนี ศรีพวงผกาพันธุ์
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
Chi Cha Pui Fai
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Rung Sensabe
 

La actualidad más candente (16)

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง102 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง1
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
อินเตอร์เน็ต เพื่อนรักเพื่อนร้ายของวัยรุ่น
อินเตอร์เน็ต เพื่อนรักเพื่อนร้ายของวัยรุ่นอินเตอร์เน็ต เพื่อนรักเพื่อนร้ายของวัยรุ่น
อินเตอร์เน็ต เพื่อนรักเพื่อนร้ายของวัยรุ่น
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
10 พฤติกรรมผู้บริโภคบน Facebook ที่นักการตลาดต้องรู้
 
3 32222
3 322223 32222
3 32222
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 

Similar a บทที่2

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Kittichai Pinlert
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
New Tomza
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Wilaiporn Seehawong
 
ความสำคัญและแน้วโน้มของของ Social media ในปัจจุบัน
ความสำคัญและแน้วโน้มของของ Social media ในปัจจุบันความสำคัญและแน้วโน้มของของ Social media ในปัจจุบัน
ความสำคัญและแน้วโน้มของของ Social media ในปัจจุบัน
Kittipong Kansamroeng
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Rung Sensabe
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Rung Sensabe
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
She's Ning
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
Supaporn Pakdeemee
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
commyzaza
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
commyzaza
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
commyzaza
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
commyzaza
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
nongnamsab1
 

Similar a บทที่2 (20)

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
ความสำคัญและแน้วโน้มของของ Social media ในปัจจุบัน
ความสำคัญและแน้วโน้มของของ Social media ในปัจจุบันความสำคัญและแน้วโน้มของของ Social media ในปัจจุบัน
ความสำคัญและแน้วโน้มของของ Social media ในปัจจุบัน
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 
บทที่ 1
บทที่ 1บทที่ 1
บทที่ 1
 

Más de หฤทัย จารุจิตร (6)

ผนวก
ผนวกผนวก
ผนวก
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรม
 
บทที่5
บทที่5บทที่5
บทที่5
 
บทที่4
บทที่4บทที่4
บทที่4
 
บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 

บทที่2

  • 1. บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้ อง ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก ( WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่ อง ไวรัส นี้ ผูจดทาโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ ้ั 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์ เน็ต เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็ นคาในภาษาไทย มาจากภาษาอังกฤษว่า Information Technology มักเรี ยกโดยย่อๆ ว่า IT (อ่านว่าไอ-ที ) เทคโนโลยีสารสนเทศนั้นนับวันจะมีบทบาท ต่อวิถชีวิตของทุกคนบนโลกใบนี้าเราพิจารณาไปรอบๆอย่างถี่ถวน จะพบว่าในปัจจุบนพวกเราทุก ี ้ ั คนล้วนแต่เกี่ยวข้องและพึ่งพาเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การติดต่อสื่อสาร ด้วยระบบโทรศัทพ์ การรับรู้ข่าวสารและความบันเทิงจากสื่อต่างๆ ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ หรื อแม้แต่ หนังสือพิมพ์ รวมทั้งระบบเศรษกิจและการเงินในปัจจุบนซึ่งต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสารสนเทศเป็ น ั ปัจจัยหลัก ข้อมูลที่บรรจุความรู้ ข่าวสาร ความบันเทิง ในรู ปแบบต่างๆ กัน เช่น ข้อมูลในรู ปของข้อความ และตัวเลข ข้อมูลที่เป็ นรู ปภาพทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว หรื อแม้กระทังข้อมูลในรู ปแบบของ ่ เสียง เช่น คาพูด เสียงร้องหรื อดนตรี นักเรี ยนได้พบเห็น สัมผัสในปัจจุบน เหล่านี้ส่วนใหญ่ได้ถก ั ู ผลิตหรื อจัดทาขึ้นมาด้วยวิธีการใด ถูกส่งต่อมายังนักเรี ยนผ่านช่องทางใด และท้ายสุดนักเรี ยน ได้รับข้อมูลข่าวสารเหล่านั้นด้วยวิธีการหรื อเครื่ องมือที่ใช้เทคโนโลยีใด
  • 2. เมื่อพิจารณาแล้วจะพบว่ามีอยูหลายวิธีในการผลิตและการส่งผ่านข้อมูลดังกล่าว ไปตามช่อง ่ ต่างๆ อย่างมากมาย รวมถึงการรับข้อมูลการแปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยูในรู ปแบบที่มนุษย์เข้าใจได้ ่ วิธีการเหล่านั้นไม่ได้เกิดมาจากธรรมชาติ แต่ได้ผานกระบวนการคิดค้น ทดลอง เปลี่ยนแปลงแก้ไข ่ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องมานับไม่ถวน เช่น ระบบโทรศัพท์มือถือในวันนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีผู้ ้ คิดค้นระบบโทรศัพท์พ้ืนฐานและระบบวิทยุข้ ึนมา และโทรศัพท์พ้ืนฐานที่ใช้ตามบ้านจะเกิดขึ้น ไม่ได้ถาหากไม่มคนคิดค้นระบบโทรเลข ระบบโทรเลขจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีคนค้นพบขั้วบวก ้ ี และขั้วลบของไฟฟ้ า และท้ายสุดหากมนุษย์ไม่ได้คิดค้นคาพูดและความหมายของคา มนุษยชาติก็ ไม่อาจสื่อสารและเพิ่มพูนความรู้ความสามารถได้มากเท่าปัจจุบนนี้ และอาจสูญสิ้นเผ่าพันธุไปใน ั ์ ที่สุด ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า “เทคโนโลยี”คือกระบวนการคิดค้น ทดลอง เปลี่ยนแปลงแก้ไขและ พัฒนาความรู้ วิธีการและเครื่ องมืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่งนันเอง ่ ดังนั้นเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและส่งเสริ มหรื อเกื้อหนุนการสื่อสารของข้อมูลใน รู ปแบบและวิธีการต่างๆ จึงนับว่ามีบทบาทสาคัญอย่างยิงต่อการดารงชีวิตอยูของมนุษยชาติทุกคน ่ ่ ซึ่งเทคโนโลยีดงกล่าวในปัจจุบนเราเรี ยกว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ั ั เทคโนโลยีสารสนเทศ จึงหมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้เพื่อช่วยเอื้ออานวยในการบันทึกข้อมูล จัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล รับและส่งข้อมูลในรู ปแบบต่างๆ ซึ่งได้แก่ ข้อความ รู ปภาพ และ เสียง เป็ นต้น เทคโนโลยีสารสนเทศจึงเป็ นคากว้างๆ ประกอบด้วยเทคโนโลยีดานต่างๆ อย่าง ้ หลากหลาย โดยมีแกนหลักสาคัญประกอบด้วย เทคโนโลยีดานคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดาน ้ ้ โทรคมนาคม
  • 3. 2.2 ข้ อมูลเกียวกับสื่อสังคม Social Media ่ 2.2.1 ความหมายของ Social Media สาหรับในยุคนี้ เราคงจะหลีกเลี่ยงหรื อหนีคาว่า Social Media ไปไม่ได้ เพราะไม่ ว่าจะไปที่ไหน ก็จะพบเห็นมันอยูตลอดเวลา ซึ่งหลายๆ คนก็อาจจะยังสงสัยว่า “Social Media” มัน ่ คืออะไรกันแน่ วันนี้เราจะมารู้จกความหมายของมันกันครับ ั คาว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่น้ ีจะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่มากในปัจจุบน ั คาว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่ องราว บทความ วีดีโอ เพลง รู ปภาพ เป็ นต้น ดังนั้นคาว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลาย ทิศทาง โดยผ่านเครื อข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสมพันธ์ ั โต้ตอบกันได้นนเอง ั่ พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรื อคนเราที่ตองการ ้ ติดต่อสื่อสารหรื อมีปฏิสมพันธ์กน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว ั ั บุคคลแต่ละคนไม่สามารถติดต่อหรื อโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยค 2.0 ก็มีการ ุ พัฒนาเว็บไซต์ที่เรี ยกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรื อโปรแกรมต่างๆ ที่มีการ โต้ตอบกับผูใช้งานมากขึ้น ผูใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผานหน้าเว็บ ้ ้ ่
  • 4. 2.2.2 ประวัตความเป็ นมาและพัฒนาการของ Social Media ิ พูดถึงกันมากเหลือเกินสาหรับ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ซึ่งเรี ยกได้ว่า เป็ นตัวกลาง เป็ นเครื่ องมือ สาหรับการสื่อสารระหว่างกัน โดยปัจจุบนได้ขยายผลกว้างครอบคลุม ั ไปถึง การทางานร่ วมกัน ทั้งภายใน และ ภายนอกองค์กร โดยอาศัยเว็บ และ โมบายเทคโนโลยี เป็ น ตัวช่วย ถ้าจะเปรี ยบเทียบก็น่าจะเป็ นคู่แฝดแห่งยุคดิจิตอล อย่างเมื่อกว่า 200 ปี ก่อน มีแฝดอินจัน ที่ ไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ จนมีการตั้งชื่อแฝดลักษณะที่มีลาตัวติดกันเช่นนี้ว่า แฝดสยาม ถ้าว่าไปแล้ว แฝดสยามในยุคดิจิตอล ก็คงหนีไม่พน สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) กับ ้ สมาร์ทโฟน (Smartphone) ที่มกจะไปเป็ นคู่ยากที่จะแยกออกจากกันได้ เมื่อศึกษาถึงคาจากัดความ ั ของ สังคมออนไลน์ (Social Media) จะพบว่าคือกลุ่มของแอพพลิเคชัน บนอินเทอร์เน็ต ที่สร้าง ่ ขึ้นมาบนพื้นฐานแนวคิด และเทคโนโลยี Web 2.0 ซึ่งรองรับให้มีการสร้าง และ แลกเปลี่ยน คอน เทนต์ที่ผใช้เป็ นผูสร้างเอง (User-generated content) เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว สามารถเรี ยกได้ว่า ู้ ้ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เป็ นการผสมผสานกันระหว่าง เทคโนโลยี กับ การสื่อสาร ระหว่างกันในสังคม เพื่อสร้างเสริ มมูลค่าให้เพิ่มขึ้น เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป โดยเฉพาะยุคดิจิตอลอย่างทุกวันนี้ การแสดงความคิดเห็นดูจะเป็ นเรื่ องง่าย บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็ นหนึ่งตัวอย่างที่ทาให้พนักงานรายหนึ่งในอเมริ กา ถูกไล่ออกหลังจากที่ เธอได้วิจารณ์เจ้านายของเธอบน เฟชบุ๊ก (Facebook) เรื่ องเกิดขึ้นเมื่อปี ที่ผานมา พนักงานหญิงรายนี้ ่ ได้เขียนข้อคิดเห็นของเธอ บนหน้าเฟชบุ๊ก ด้วยคาพูดที่หยาบคาย คดีน้ ีถกจับตามองทัวจากทุก ู ่ วงการ ด้วยความกังขาว่า นายจ้างมีสิทธิที่จะลงโทษพนักงานที่เขียนข้อคิดเห็นบน สังคมออนไลน์ หรื อไม่ เท่าที่ทราบในเมืองไทยเรายังไม่เคยได้ยน เหตุการณ์ลกษณะนี้เกิดขึ้น ิ ั เกมในเฟซบุก น่าจะเป็ นตัวสร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี ด้วยกลยุทธ์วาใครมีเพือนเยอะก็จะได้ ๊ ่ ่ อะไรเพิ่มขึ้นในเกม นอกจากนั้น ยังมีการหลอกล่อให้ตองมีเพื่อนมาร่ วมกันเป็ นส่วนหนึ่งในเกม ้ ปลูกผักเลี้ยงปลากันใหญ่ วันก่อนมีโอกาสไปบรรยายเรื่ องสังคมออนไลน์ให้กบกรมส่งเสริ ม ั การเกษตร ก็เล่าไปว่าบ้านเราน่าจะทาเกมลักษณะนี้ในรู ปแบบไทยๆ บ้านเรามีเกษตรกร กว่าครึ่ ง ค่อนประเทศ นี่ยงไม่นบรวมท่านที่ชอบทาการเกษตรบนโลกออนไลน์ ั ั ในทางกลับกัน บางประเทศกลับห้ามใช้งานเว็บนี้ บางบริ ษทก็หามใช้เนื่องจากเสียเวลาการ ั ้ ทางานของพนักงาน เฟซบุ๊คได้รับการจัดอันดับเป็ นเว็บสังคมออนไลน์ที่มีผใช้มากที่สุดในปี ค.ศ. ู้ 2009 จานวนผูใช้เพิ่มขึ้นเป็ นเท่าตัว และที่น่าสนใจก็คือจานวนผูเ้ ล่นอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ เข้าใช้ ้ งานมากกว่ากูเกิลเป็ นครั้งแรกช่วงต้นปี 2010 อีกด้วย
  • 5. ล่าสุดมีข่าวการใช้เฟซบุ๊ก เพื่อช่วยเหลือชีวิต ปกติเรามักจะได้ยนการใช้สงคมออนไลน์ เป็ นสื่อ ิ ั เป็ นเครื่ องมือทางการตลาด แต่ล่าสุดมีข่าวจากสานักข่าวต่างประเทศได้รายงานเกี่ยวกับการประกาศ รับบริ จาคไตในเฟซบุ๊ก เรื่ องเกิดที่สหรัฐฯ มีผป่วยที่ตองการปลูกถ่ายไต ต้องเปลี่ยนไตใหม่ภายใน ู้ ้ เวลาจากัด เมื่อปรึ กษากับแพทย์ที่ดูแลอยู่ จึงได้ตดสินใจลองประกาศลงในเฟซบุ๊ก แล้วก็มีผที่ ั ู้ ประสงค์จะบริ จาคไตให้ โดยไม่ได้มีความสนิทสนมกันเป็ นพิเศษแต่อย่างใด เป็ นเพียงเพื่อนในเฟ ซบุ๊ก ผูรับบริ จาคเมื่อได้รับข้อความแสดงความจานงจะบริ จาคไตให้ ในตอนแรกยังคิดว่าเป็ นเรื่ อง ้ ล้อเล่นกัน แต่เมื่อต้นเดือนเมษายน 2010 แพทย์ก็ได้เปลี่ยนไตที่บริ จาคให้ไปเป็ นที่เรี ยบร้อยแล้ว การศึกษาล่าสุดพบว่าหญิงสาววัยรุ่ น ที่นงจ้องเฟชบุ๊คทั้งวัน อาจเป็ นสาเหตุให้เกิดอาการผิดปกติ ั่ ในเรื่ องการทานอาหาร จากการศึกษาพบว่าสองสาเหตุหลักที่ทาให้เกิด อาการการทานอาหาร ผิดปกติ คือ การใช้เวลามากเกินไปกับ พฤติกรรมการบริ โภคสื่อ และ การเป็ นตัวของตัวเองมาก เกินไป ผลจากการสารวจเด็กวัยรุ่ นช่วงอายุ 12 ถึง 19 ปี พบว่าพฤติกรรมการบริ โภคสื่อ อินเทอร์เน็ต และ โทรทัศน์ มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของแต่ละคนโดยตรง จากผลการสารวจพบว่า ยิงใช้เวลากับเฟชบุ๊ก มากเท่าไหร่ ก็จะมีโอกาสจะพบอาการอยากอาหาร ่ มากผิดปกติ ภาวะเบื่ออาหาร ไม่พงพอใจในสรี ระของตัวเอง และ ความต้องการอยากลดน้ าหนัก ึ มากขึ้น เมื่อมีจานวนผูใช้ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มากขึ้นเท่าใร ย่อมเป็ นโอกาสในการทา ้ ธุรกิจ จึงเกิดคาว่า Social Commerce ขึ้น และได้รับความสนใจมากในช่วงนี้ หรื อถ้าลองค้นหา คา ว่า “e-mail vs. Social Media” ในกูเกิล จะพบผลลัพธ์มากเป็ นหลายหมื่น จึงเป็ นสิ่งที่ชดเจนว่าเป็ น ั หัวข้อร้อน จนบางที คนนิยามว่าเป็ นการทาสงครามบนโลกดิจิตอล บ้างก็กล่าวว่าคงเป็ นจุดจบของ อีเมล์ และคลื่นลูกใหม่ที่มาก็คือ สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) อีกแง่มุมหนึ่งที่ดูเข้าท่าก็คือ ทั้งอีเมล์ และ สื่อสังคมออนไลน์ จะเป็ นตัวเสริ มกันและกัน เพื่อการ ตัดสินใจทางธุรกิจ เราควรที่จะโฟกัสสองเรื่ องใหญ่ๆ คือ กลุ่มเป้ าหมาย และ เจตนา มาเริ่ มด้วย กลุ่มเป้ าหมาย * ถ้ากลุ่มเป้ าหมายอายุต่ากว่า 20 ปี น่าจะค่อนข้างชัดเจนว่า การใช้สื่อสังคม ออนไลน์ จะเป็ นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด *ถ้ากลุ่มธุรกิจเป็ นกลุ่มเป้ าหมายของเรา การใช้อีเมล์ ถูกมองว่าเราจะได้ผลเร็ วกว่า ในทางกลับกัน ถ้าลูกค้าทัวไปเป็ นกลุ่มเป้ าหมายของธุรกิจ การใช้ สื่อสังคมออนไลน์ น่าจะได้ผลที่ดีกว่า เนื่องจาก ่ ลูกค้าจะเชื่อ และฟัง ความเห็นของคนอื่นๆ ที่ให้ไว้บนสื่อสังคมออนไลน์
  • 6. *สาหรับกลุ่มเป้ าหมายที่อยูที่ทางาน อีเมล์เป็ นคาตอบของเรา แต่ถาต้องการมุ่งไปที่อยูที่บาน สื่อ ่ ้ ่ ้ สังคมออนไลน์ น่าจะให้ผลตอบรับที่ดีกว่า จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์กลุ่มเป้ าหมายทั้งทาง ประชากรศาสตร์ (Demographic) และเชิงจิตวิทยา เป็ นสิ่งที่สาคัญทั้งคู่ ในการเลือกว่า อีเมล์ หรื อ สื่อสังคมออนไลน์ จะเหมาะสมกับธุรกิจ อย่างไรก็ ตามในหลายกรณี เราควรใช้ท้งสองช่องทาง ในการติดต่อสื่อสาร ั ส่วนเจตนา หรื อ รู ปแบบของธุรกิจ ก็เป็ นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรนามาพิจารณา * ถ้าต้องการทาธุรกิจแบบ ขายตรง สื่อสังคมออนไลน์ อาจจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก อีเมล์ น่าจะให้ ผลลัพธ์ที่ดีกว่า * เมื่อมีความต้องการที่จะสร้างความสัมพันธ์ ในระยะยาว การเริ่ มต้นด้วย สื่อสังคมออนไลน์ ในช่วงแรก แล้วปรับมาใช้อีเมล์ น่าจะเป็ นแนวทางที่ดี * หากธุรกิจของเราต้องการ การตอบรับที่รวดเร็ ว สาหรับกลุ่มวัยรุ่ นแล้ว สื่อสังคมออนไลน์ เป็ น ทางเลือกที่เหมาะสม ส่วนกลุ่มวัยทางานที่ทางานมาพอสมควร การตอบรับอีเมล์ ของคนกลุ่มนี้ ก็ จะค่อยข้างเร็ ว * เมื่อเราต้องการที่จะทาธุรกิจ ผ่านการสื่อสาร อีเมล์ ยังคงเป็ นสิ่งที่เราต้องใช้ เราต้องจัดการกับ อีเมล์ที่เข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ ว ถ้าไม่สามารถโต้ตอบด้วยความรวดเร็ วแล้ว ธุรกิจ ของเราอาจจะมีปัญหาได้ ต่างกับถ้าเราไม่ ทวิต ทุกวัน คงจะไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจมากเท่าไหร่ นก ั เราจึงยังเห็นว่า นักธุรกิจส่วนใหญ่ ยังคงให้ความสาคัญกับ อีเมล์ ดังนั้นถ้าต้องการทาธุรกิจกับ ใครก็ตาม เราควรเริ่ มด้วย สื่อสังคมออนไลน์ เป็ นตัวนา ให้เราสามารถเจาะเข้าถึง อีเมล์ ของ กลุ่มเป้ าหมายให้ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อยุค สมัย เปลี่ยนไป การใช้อีเมล์ สาหรับคนรุ่ นใหม่ อาจจะไม่ สาคัญเท่ากับ การมีตวตนบน สื่อสังคมออนไลน์ จนกลายเป็ นวิวฒนาการ บนโลกออนไลน์ ไม่ใช่ ั ั เป็ นสงครามบนโลกออนไลน์ก็ว่าได้
  • 7. 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ ท่ ให้ บริการ Social Media ี ก่อนที่จะพูดถึงประเภทของ Social Media ต่างๆ ขอให้ เราทราบว่าทุกประเภทจะมีลกษณะ ั ที่ร่วมกันคือการที่ผ้ ใช้ หรือผู้บริโภคเป็ นคนที่สร้ างเนื ้อหาดังกล่าวขึ ้น หรือที่เรียกว่า Users Generated Content ู หรือ Consumer Generated Content นะครับ เอาละมาลุยกันทีละประเภทเลย (1) Blog – ซึงเป็ นการลดรูปจากคาว่า Weblog ซึงถือเป็ นระบบจัดการเนื ้อหา ( Content Management ่ ่ System: CMS) รูปแบบหนึง ซึงทาให้ ผ้ ใช้ สามารถเขียนบทความเรียกว่า Post และทาการเผยแพร่ได้ โดยง่าย ่ ่ ู ไม่ย่งยากในการที่จะต้ องมานังเรียนรู้ถงภาษา HTML หรือโปรแกรมทา web site ทั ้งนี ้การเรียงของเนื ้อหาจะ ุ ่ ึ เรียงจากเนื ้อหาที่มาใหม่สดก่อน จากนั ้นก็ลดหลันลงไปตามลาดับของเวลา ( Chronological Order) การเกิด ุ ่ ของ Blog เปิ ดโอกาสให้ ใครๆที่มีความสามารถในด้ านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดงกล่าวด้ วยการเขียนได้ ั อย่างเสรี ไม่มีขีดจากัดเรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทาให้ เกิด Blog ขึ ้นมาจานวนมากมาย และเพิ่มเนื ้อหา ให้ กบโลกออนไลน์ได้ เป็ นจานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี ้เครื่องมือที่สาคัญที่ทาให้ เกิด ั ลักษณะของ Social คือการเปิ ดให้ เพื่อนๆเข้ ามาแสดงความเห็นได้ นนเอง ั่ ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนามาใช้ ได้ ใน 2 รูปแบบ คือ การที่บริษัทจัดทา Blog (Corporate Blog) ขึ ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้ า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียนเรื่องที่ตนถนัด และมีผ้ ติดตามจานวนมาก จนกลายเป็ น Marketing Influencer ู (2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็ นรูปแบบหนึงของ Blog ที่จากัดขนาดของการ Post แต่ละครั ้งไว้ ที่ 140 ่ ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้ องการให้ ผ้ ใช้ เขียนเรื่องราวว่าคุณกาลังทาอะไรอยู่ในขณะนี ้ ู (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนา Twitter ไปใช้ ในทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็ นการสร้ างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้ าง Brand หรือเป็ นเครื่องมือสาหรับการบริหารความสัมพันธ์ ลกค้ า ( CRM) ทั ้งนี ้เรายังสามารถ ู ใช้ เป็ นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ บทความใหม่ๆบน Blog ของเราได้ ด้วย Twitter นั ้นเป็ นนิยมขึ ้นมากอย่าง รวดเร็ว จนทาให้ เว็บไซต์ประเภท Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ ผ้ ใช้ สามารถบอกได้ ว่าตอนนี ้กาลัง ู ทาอะไรกันอยู่ นั ้นก็คือการนา Microblog เข้ าไปเป็ นส่วนหนึงด้ วยนั ้นเอง ่ (3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ ว่าเป็ นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับเพื่อนๆจน กลายเป็ นสังคม ทั ้งนี ้ผู้ใช้ จะเริ่มต้ นสร้ างตัวตนของตนเองขึ ้นในส่วนของ Profile ซึงประกกอบด้ วยข้ อมูลส่วนตัว ่ (Info) รูป (Photo) การจดบันทึก ( Note) หรือการใส่วิดีโอ ( Video) และอื่นๆ นอกจากนี ้ Social Networking ยังมีเครื่องมือสาคัญในการสร้ างจานวนเพื่อนให้ มากขึ ้น คือ ในส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้ างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้ วย นักการตลาดนา Social Networking มาใช้ ในการมีปฏิสมพันธ์ กบลูกค้ า อาจจะอยู่ในรูปของการสร้ าง Brand ั ั ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้ เป็ นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี ้ตัวลูกค้ า เอง หากชื่นชอบในสินค้ าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุมกันจัดตั ้ง Group ขึ ้นมาได้ ่
  • 8. เว็บไซต์ที่มีลกษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้ เป็ น 2 ประเภท คือ ประเภทแรกจะ ั สนใจในการสร้ างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้ างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิ ดให้ ใส่ Resume และข้ อมูลเชิงอาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo เป็ นต้ น (4) Media Sharing – เป็ นเว็บไซต์ที่เปิ ดโอกาสให้ เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปั นให้ กบครอบครัว ั เพื่อนๆ หรือแม้ กระทังเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปั จจุบนไม่จาเป็ นจะต้ องทุ่มทุนในการสร้ าง ่ ั หนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้ กล้ องดิจิตอลราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็ นรูปแบบวิดีโอ จากนั ้นนาขึ ้น ไปสูเ่ ว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หากความคิดของเราเป็ นที่ชื่นชอบ ก็ทาให้ เกิดการบอกต่ออย่าง แพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขายสินค้ าที่เน้ นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้ วนาขึ ้นไปสูเ่ ว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ ลกค้ าได้ ชม หรืออาจจะใช้ เป็ นเครื่องมือในการนาชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทางานของ ู กิจการ เป็ นต้ น หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝี มือ เหมือนเป็ น แกลลอรีสวนตัว ทาให้ ผ้ ว่าจ้ างได้ เห็นฝี มือก่อนที่จะทาการจ้ าง ่ ู (5) Social News and Bookmarking – เป็ นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื ้อหาใดในอินเทอร์ เน็ต โดยผู้ใช้ เป็ นผู้สงและเปิ ดโอกาสให้ คะแนนและทาการโหวตได้ เป็ นเสมือนมหาชนช่วยกลันกรองว่าบทความหรือ ่ ่ เนื ้อหาใดนั ้นเป็ นที่น่าสนใจที่สด ในส่วนของ Social Bookmarking นั ้น เป็ นการที่เปิ ดโอกาสให้ คณสามารถทา ุ ุ การ Bookmark เนื ้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ขึ ้นอยู่กบคอมพิวเตอร์ เครื่องใดเครื่องหนึง แต่สามารถทา ั ่ ผ่านออนไลน์ และเนื ้อหาในส่วนที่เราทา Bookmark ไว้ นี ้ สามารถที่จะแบ่งปั นให้ คนอื่นๆได้ ด้วย นักการตลาด จะใช้ เป็ นเครื่องมือในการบอกต่อและสร้ างจานวนคนเข้ ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ต้องการ (6) Online Forums – ถือเป็ นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สด เป็ นเสมือนสถานที่ที่ให้ ผ้ คนเข้ ามา ุ ู พูดคุยในหัวข้ อที่พวกเขาสนใจ ซึงอาจจะเป็ นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และอื่นๆ ่ อีกมากมาย ได้ ทาการแลกเปลียนความคิดเห็น แสดงข้ อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึงการแนะนาสินค้ าหรือบริการ ่ ต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื ้อหาที่พดคุยใน Forums เหล่านี ้ เพราะบางครั ้งอาจจะเป็ นคาวิจารณ์เกี่ยวกับตัว ู สินค้ าและบริการของเรา ซึงเราเองสามารถเข้ าไปทาความเข้ าใจ แก้ ไขปั ญหา ตลอดจนถึงใช้ สร้ างความสัมพันธ์ ่ ที่ดีกบลูกค้ า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะเป็ นเว็บไซต์ที่เปิ ดให้ แลกเปลียนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรือ ั ่ อาจจะเป็ นส่วนหนึงในเว็บไซต์เนื ้อหาต่างๆ ่ จากประเภทของ Social Media ที่กล่าวมาข้ างต้ น (อันที่จริงมีมากกว่านี ้ แต่ผมเห็นว่ายังไม่ค่อยเป็ นที่นิยมใน ไทยถึงไม่ได้ กล่าวถึง) จะถูกนักการตลาดนามาใช้ กบสินค้ าหรือบริการของตนเองในวัตถุประสงค์ที่แตกต่าง ั
  • 9. 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog) Web Blog คือ Blog มาจากศัพท์คาว่า WeBlog บางคนอ่านคา ๆ นี้ ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Log Web แต่ท้งนี้ท้งนั้น ทั้งสองคาบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านันคือบล็อก (Blog) ั ั ่ ความหมายของคาว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดย เนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่ อง ไม่ว่าจะเป็ นเรื่ องราวส่วนตัว หรื อเป็ นบทความเฉพาะ ด้านต่าง ๆ เช่น เรื่ องการเมือง เรื่ องกล้องถ่ายรู ป เรื่ องกีฬา เรื่ องธุรกิจ เป็ นต้น โดยจุดเด่นที่ทาให้ บล็อกเป็ นที่นิยมก็คือ ผูเ้ ขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผูอ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อก ้ ก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรื อครอบครัวตนเอง มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็ นได้แค่ไดอารี่ ออนไลน์ แต่ในความเป็ นจริ งแล้ว ไดอารี่ ออนไลน์เปรี ยบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่ หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่ องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรื อการบันทึกบทความที่ผเู้ ขียน บล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรื อการรี วิว ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตวเองเคยใช้ หรื อซื้อมานันเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาใน ั ่ ประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่ องที่ตนเอง ถนัด หรื อสนใจเป็ นต้น จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็ นเครื่ องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็ น กันเองระหว่างผูเ้ ขียนบล็อก และผูอ่านบล็อกที่เป็ นกลุ่มเป้ าหมาย ที่ชดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทาง ้ ั ระบบ comment ของบล็อกนันเอง ่ ในอดีตแรกเริ่ ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทากันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ใน ปัจจุบนนี้ มีเครื่ องมือหรื อซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable ั Type เป็ นต้น ผูคนหลายล้านคนจากทัวทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่ หลาย ตั้งแต่ ้ ่ นักเรี ยน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริ ษทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุน NasDaq ั ้ เมื่อสองสามปี ที่ผานมา Blog เริ่ มต้นมาจาก การเขียนเป็ นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ่ ๆ แห่งกลายเป็ นแหล่งข่าวสาคัญ ให้กบหนังสือพิมพ์หรื อสานักข่าวชั้นนา จวบจนกระทังปี 2004 คน ั ่ เขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสานักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็ วในการให้ขอมูล ตั้งแต่ ้ เรื่ องการเมือง ไปจนกระทัง เรื่ องราวของการประชุม ระดับชาติ ่ และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็ นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรื อแม้กระทังวิทยุ เราสามารถเรี ยกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็ นสื่อชนิดใหม่ ที่สาคัญอย่างแท้จริ ง ่
  • 10. สรุ ปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็ นเหมือนบันทึกออนไลน์ มีส่วนของ การ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ใช้ อย่างไร 1.หาเว็บที่ให้สามารถให้เช่า blog ได้ 2.สมักรเป็ นสมาชิกของเว็บนั้น 3.เมื่อเราเป็ นสมาชิกแล้วก็สามารตกแต่ง blog ของเราได้ 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก ่ บล็อกที่เราเห็นอยูในปัจจุบนนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็ นตัวหนังสื อและรู ปภาพ ั เท่านั้น หรื อ มีแค่ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้ 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่ 1.1. Linklog บล็อกแบบนี้ น่าจะเป็ นบล็อกรุ่ นแรก ๆ เป็ นบล็อกที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อก สนใจเอาไว้ ถ้าคณยังจาผูให้กาเนิดคาว่า “บล็อก” ที่ชื่อ จอห์น บาจเจอร์ ได้ นันแหล่ะครับ ้ ่ robotwisdom.com ของเขาคือตัวอย่างของ linklog นันเอง แม้ว่าจะบล็อกแบบนี้ จะเป็ นการ ่ รวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไม่เรี ยงเหมือนว็บไดเร็ กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิ๊งก์ของ เขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้นครับ ใครที่อยากมีบล็อกเป็ นของตนเองแต่ยงนึกไม่ออกว่า ั จะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะเป็ นการเริ่ มต้นการทาบล็อกได้เป็ นอย่างดี ่ 1.2 Photoblog ชื่อก็บอกอยูแล้วครับว่า Photo บล็อกประเภทนี้ เน้นในโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของ บล็อกอยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรี ยกได้ว่า ภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วน ๆ เลยครับ1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็ นบล็อกที่รวมวิดีโอ คลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็ นบล็อกที่เรี ยกได้ว่าเป็ นบล็อกที่นิยมทากันมากในอนาคต เพราะ การเจริ ญเติบโตของไฮสปี ด อินเตอร์ เน็ต หรื อ อินเตอร์ เน็ตบอร์ ดแบนด์ ที่ทาให้การ ถ่ายทอดเสี ยง ภาพเคลื่อนไหว movie […] 2. แบ่งตามประเภทเนื้ อหา ได้แก่ 2.1 บล็อกส่ วนตัว(Personal Blog) นาแสนอความคิดเห็น กิ จวัตรประจาวันของเจ้าของบล็อก เป็ นหลัก 2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็ นหลัก 2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็ นบล็อกที่เขียนกันเป็ นกลุ่ม เช่น blognone.com
  • 11. 2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่ องการเมืองล้วน ๆ 2.5 บล็อกเพื่อสิ่ งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่ องราวของธรรมชาติและการรักษา สิ่ งแวดล้อม 2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็ นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่ งที่เกี่ ยวกับสื่ อ เช่น ั ่ oknation.net/blog/black ของสุ ทธิ ชย หยุน 2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่ องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และจอ เงิน เรื่ องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ 2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรี ยน หรื อมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ มักจะใช้บล็อกเป็ นสื่ อในการสอนหรื อ แลกเปลี่ยนความคิดกัน 2.9 ติวเตอร์ บล็อก(Tutorial Blog) เป็ นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่าง 2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้ บริการเว็บบล็อก รายชื่อผูให้บริ การเขียน blog ฟรี เพื่อผูที่สนใจอยากจะทา blog เองแต่ยงไม่อยากจะ ้ ้ ั ลงทุนครับwww.blogger.com www.exteen.com www.mapandy.com www.buddythai.com www.imigg.com www.5iam.com www.blogprathai.com www.ndesignsblog.com www.idatablog.com
  • 13. 2.3.4 ประวัตของเว็บไซต์ Wordpress ิ เว็บไซต์น้ ี จะแนะนาถึงวิธี การใช้ WordPress ตั้งแต่พ้ืนฐานเริ่ มต้น ไปจนถึงการเพิ่มเทคนิคลูกเล่นต่าง ๆ แต่ก่อนที่จะไปเรี ยนรู ้กน เราควรมารู ้จกก่อนว่า WordPress คือ อะไร ั ั WordPress คือ โปรแกรมสาเร็ จรู ปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สาหรับสร้าง บล็อก หรื อ เว็บไซต์ สามารถใช้งานได้ฟรี ถูก จัดอยูในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่ งหมายถึง โปรแกรมสาเร็ จรู ปที่มีไว้สาหรับสร้างและ ่ บริ หารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์ WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคาสั่งมาจากภาษา PHP (เป็ นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง) ทางานบน ฐานข้อมูล MySQL ซึ่ งเป็ นโปรแกรมสาหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรี ยกดู แก้ไข เพิ่มและลบข้อมูล การ ใช้งาน WordPress ร่ วมกับ MySQL อยูภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานแบบ GNU General Public License ่ WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) เป็ นความร่ วมมือกันระหว่าง Matt Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยูที่ http://wordpress.org และยังมีบริ การ Free Hosting (พื้นที่สาหรับเก็บทุก ่ อย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริ การได้ที่ http://wordpress.com ปัจจุบนนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ ว จนมีผูใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บบล็อกไปแล้ว แซง ั ้ หน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็ น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็ นเพราะ ใช้งานง่าย ไม่จาเป็ นต้องมี ความรู ้ในเรื่ อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผูพฒนา Theme (รู ปแบบการแสดงผล) และ Plugins ้ ั (โปรแกรมเสริ ม) ให้เลือกใช้ฟรี อย่างมากมาย นอกจากนี้ สาหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็ นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษาองค์ประกอบส่ วน ต่าง ๆ ที่อยูภายใน สาหรับพัฒนาต่อยอด หรื อ นาไปสร้าง Theme และ Plugins ขึ้นมาเองได้อกด้วย หนาซ้ า ยังมี ่ ี รุ่ นพิเศษ คือ WordPress MU สาหรับไว้ให้ผูนาไปใช้ สามารถเปิ ดให้บริ การพื้นที่ทาเว็บบล็อกเป็ นของตนเอง ้ เพื่อให้ผอื่นมาสมัครขอร่ วมใช้บริ การในการสร้างเว็บบล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรื อที่เรี ยกว่า Sub-Domain ู้ จากที่ได้เกริ่ นนาไปในบทความนี้ คงจะทาให้รู้จก และได้ทราบประวัติความเป็ นมา รวมถึงความหมายกันไป ั บ้างแล้วว่า WordPress คือ อะไร ในบทความหน้า เราจะได้เริ่ มเรี ยนรู ้ถึงรู ปแบบ และวิธีการใช้งาน ไปจนถึงการ เพิ่มลูกเล่นต่าง ๆ ต่อไป