Más contenido relacionado
Más de Taraya Srivilas (18)
แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ คอ.นธ.
- 1. แนวทางที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ”
โดย ศาสตราจารย์ ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน
ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.)
ประธานรัฐสภา (สมัยปี พ.ศ. ๒๕๒๗ – ๒๕๓๕)
....................................
ข้าพเจ้าเองเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้รับเชิญจากรัฐบาลให้เข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูป แต่โดยเหตุที่พิจารณาเห็นว่าเวที
ดังกล่าวมีลักษณะเป็นเวทีการเมือง ไม่ใช่วงสนทนาของผู้อาวุโสของบ้านเมืองที่ปลอดจากการเมืองมาร่วม
ด้วยช่วยกันคิดเพื่อหาทางออกให้แก่บ้านเมือง จึงไม่ได้ตอบรับและเข้าร่วม อย่างไร
ก็ตาม ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่มีความห่วงใยต่อบ้านเมือง และปณิธานที่ยึดถือแน่วแน่ตั้งแต่เมื่อ
ตอนอายุครบ ๖๐ ปี ที่ว่าจะ “ทิ้งการเมือง แต่ไม่ทิ้งบ้านเมือง” จึงขอให้ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนวทางที่
จะสร้างความปรองดองของคนในชาติต่อรัฐบาล ภายใต้หลัก ๓ ประการ ได้แก่ “หลักนิติธรรม หลัก
ยุติธรรม และหลักเมตตาธรรม” ดังนี้
๑. หลักนิติธรรม
หลักนิติธรรม หมายถึง หลักพื้นฐานแห่งกฎหมาย ที่กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจะต้องไม่ฝ่าฝืน ขัด
หรือแย้งต่อหลักนิติธรรม และหลักนิติธรรมนี้จะถูกล่วงละเมิดไม่ได้ ดังนั้น การออกกฎหมาย การใช้การ
บังคับใช้กฎหมาย การตีความกฎหมาย และดาเนินการในกระบวนการยุติธรรม ต้องอยู่ภายใต้หลักนี้ และที่
สาคัญ หลักนิติธรรม คือ หลักที่ใช้กากับดูแลตรวจสอบอานาจอันไม่ชอบธรรมของรัฐสภาและฝ่ายบริหาร
และเป็นหลักที่ใช้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษาตุลาการ
ซึ่งเป็นอานาจอธิปไตยทั้ง ๓ ฝ่าย รวมทั้งรัฐธรรมนูญเองก็ต้องอยู่ภายใต้หลักนิติธรรม
ตามหลักนิติธรรมนั้น บ้านเมืองต้องปกครองโดยกฎหมาย และกฎหมายที่ใช้ปกครองต้องเป็นกฎหมายที่ดี
และมีความเป็นธรรม คาว่ากฎหมายที่ดี คือ กฎหมายที่ไม่ขัดต่อหลักนิติรัฐหรือ
นิติธรรม กฎหมายนั้นต้องให้ความคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน หากกฎหมายฉบับใดออกมาขัด
ต่อหลักการดังกล่าว คือไปละเมิดสิทธิและเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติรับรองไว้ จึงเป็นกฎหมายที่ไม่
เป็นไปตามหลักนิติธรรม กรณีการออกกฎหมายเพื่อให้มีผลย้อนหลังเป็นการออกกฎหมายโดยคณะ
รัฐประหารหรือองค์กรที่ไม่ได้มีที่มาจากประชาชน หรือการออกกฎหมายเพื่อเอาผิดกับบุคคลซึ่งไม่มีส่วนรู้
เห็นในการกระทาความผิดของบุคคลอื่นก็เช่นเดียวกัน ล้วนแล้วแต่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมซึ่งมีความ
จาเป็นที่จะต้องยกเลิกและแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม
๒. หลักยุติธรรม
ในที่นี้หมายความถึง “กระบวนการยุติธรรม” ที่จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่าง
- 2. เท่าเทียมและมีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของ
ประชาชนตามหลักนิติธรรม รวมทั้งการสร้างความสมานฉันท์ในสังคม อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลา
ที่ผ่านมา กระบวนการยุติธรรมในสังคมไทยมีปัญหาที่สาคัญ ๒ ประการ คือ ปัญหาความเหลื่อมล้าในการ
เข้าถึงความยุติธรรมของคนกลุ่มต่าง ๆ และปัญหาประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรม โดยอาจเกิดขึ้น
ด้วยสาเหตุที่สาคัญ ๆ คือ ระบบกฎหมายไทยนาโทษทางอาญามาใช้เกินความจาเป็น การเน้นวิธีลงโทษทาง
อาญาด้วยการจาคุก และปัญหาจากการกาหนดโทษปรับ ซึ่งปรากฏการณ์สะท้อนความผิดปรกติของ
กระบวนการยุติธรรมที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ต้องขังในเรือนจามากกว่า
๒๔๘,๒๖๓ คน โดยที่ความจุปกติของเรือนจา จานวน ๑๔๐ แห่งทั่วประเทศ สามารถรองรับผู้ต้องขังได้
เพียง ๑๖๐,๐๐๐ คน เท่านั้น นอกจากนี้ ปัจจุบันกระบวนการยุติธรรมของไทยยังมีปัญหาหลายมาตรฐาน
ดังนั้น การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยจึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะทาให้เกิดความสามัคคีปรองดอง
ของคนในชาติ ดังคากล่าวที่ว่า “ความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีไม่เกิด” นั่นเอง
๓. หลักเมตตาธรรม
“เมตตาธรรมค้าจุนโลก” ภาษิตบทนี้เป็นบทที่ได้ยินได้ฟังกันมาจนคุ้นหู หลักเมตตาธรรม จึงเป็นหลักการ
อีกประการหนึ่งที่จะช่วยสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติได้ โดยเฉพาะหาก
ศาลยุติธรรมหรือหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสาคัญยิ่งในการคุ้มครองสิทธิ
และเสรีภาพของประชาชน จะได้ทบทวนแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายด้วยการยึดมั่นในหลักความ
ยุติธรรม ความเสมอภาค และคานึงถึงสิทธิผู้ต้องหาและจาเลยในคดีอาญา โดยเฉพาะการใช้ดุลพินิจเพื่อ
ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจาเลยที่ถูกกล่าวหาว่ากระทาความผิดโดยเฉพาะการกระทาความผิดซึ่งไม่ได้เป็น
อาชญากรรมแต่เกิดจากความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกันนั้น ควรใช้ดุลพินิจในกรอบของหลักเมตตา
ธรรม เพื่อให้สิทธิที่จะได้รับการปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาหรือจาเลยดังกล่าวได้รับความคุ้มครองสมดัง
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและตามกฎหมาย
จากหลัก ๓ ประการ ดังที่ได้ยกมาข้างต้น อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า การที่จะทาให้เกิดความปรองดองของคน
ในชาติได้นั้น การบริหารหรือปกครองประเทศต้องยึดหลักนิติธรรม การตรากฎหมายจะต้องไม่ขัดกับหลัก
นิติธรรมเสียเอง ผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องบังคับใช้กฎหมายด้วยความยุติธรรม เพราะหากความยุติธรรมไม่
มี ความสามัคคีก็ไม่เกิด และความยุติธรรมจะมีสองมาตรฐานไม่ได้ นอกจากนี้ ในการบังคับใช้กฎหมายของ
ศาลหรือหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมจะต้องคานึงถึงสิทธิผู้ต้องหา
และจาเลยในคดีอาญา โดยเฉพาะการใช้ดุลพินิจเพื่อปล่อยชั่วคราวนั้น ควรใช้ดุลพินิจในกรอบของหลัก
เมตตาธรรมเป็นสาคัญ.