Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
Similar a บทที่ 2 ทฤษฎีพื้นฐานของการจัดเก็บและค้นคืนสารสนทศ (20)
Más de Srion Janeprapapong (9)
บทที่ 2 ทฤษฎีพื้นฐานของการจัดเก็บและค้นคืนสารสนทศ
- 4. 1. ทรัพยากรสารสนเทศ 2. ฐานข้อมูล
สารสนเทศที่ผู้ใช้ต้องการ 3. ผู้ใช้
ความต้องการของผู้ใช้
คือ หมายถึง หมายถึง
สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโสตทัศน์ -ฐานข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุด 1. ผู้ปฏิบัติงานสารสนเทศ
และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่มี - ฐานข้อมูลเฉพาะสาขาที่ห้องสมุดพัฒนาขึน
้ 2. ผู้ใช้สารสนเทศ
ในห้องสมุด เอง
- ฐานข้อมูลซีดีรอม
- ฐานข้อมูลออนไลน์
- 5. 1. ทรัพยากรสารสนเทศ (information resources)
- คือ วัสดุที่บันทึกสารสนเทศ มีหลากหลายชนิด เช่น หนังสือ เอกสารเทปเสียง
สารานุกรมบนแผ่นซีดี e-Journal สารสนเทศบน WWW ฯลฯ วัสดุเหล่านั้นถูก
จัดเก็บและให้บริการในห้องสมุด เพื่อสนองความต้องการด้านต่าง ๆ ของผู้ใช้
- การแบ่งประเภทของ IR ทาได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง
1) แบ่งตามรูปลักษณ์ของสื่อที่ใช้จัดเก็บ คือ สื่อสิ่งพิมพ์
สื่อโสตทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
2) แบ่งตามสาขาวิชา เป็น มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี
3) แบ่งตามการจัดการด้วยคอมพิวเตอร์ คือ แอนะล็อก และดิจิทัล
- 6. 4) แบ่งตามแหล่งสารสนเทศ หรือ แหล่งที่มา/การผลิต หรือ ตามความใหม่
เก่าของตัวเนื้อหา แบ่งออกเป็นแหล่งปฐมภูมิ แหล่งทุติยภูมิ และแหล่งตติยภูมิ
1. แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Sources)
= งานที่เขียนขึนเป็นครั้งแรก ข้อเขียนใหม่เฉพาะเรื่อง รายงานการค้นพบใหม่ๆ
้
ไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน เช่น รายงานการวิจัย/ทดลอง วิทยานิพนธ์ งานวิจัย
บทความในวารสาร สิทธิบัตร มาตรฐาน ฯลฯ
2. แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (Secondary Sources)
= งานที่ผ่านกระบวนการคัดเลือก ขัดเกลา ย่อ/สรุป วิจารณ์ -------> เรียบเรียงใหม่
จัดอยู่ในรูปแบบใหม่ เช่น บทความในวารสาร บทคัดย่อ พจนานุกรม สารานุกรม
ดรรชนีและสาระสังเขป ฯลฯ
3. แหล่งข้อมูลตติยภูมิ (Tertiary Sources)
= งานเขียนที่กลั่นกรอง และรวบรวมจาก 1 + 2 เช่น หนังสือตาราวิชาการ เป็นต้น
- 7. 2. ฐานข้อมูล (database)
คือ แหล่งสะสมข้อเท็จจริงต่าง ๆ โดยมีการรวบรวมข้อมูลทีมีความสัมพันธ์
่
กันไว้ด้วยกัน และมีโปรแกรมระบบจัดการฐานข้อมูล (DBMS -- Database
Management System) มาช่วยในการจัดเก็บ จัดเรียง และสืบค้นได้
ในระบบสารสนเทศและห้องสมุด ฐานข้อมูลเป็นที่รวมของระเบียนทรัพยากร
สารสนเทศต่าง ๆ ที่มีในห้องสมุด ซึ่งก็คือ “ฐานข้อมูลทรัพยากรสารสนเทศของ
ห้องสมุด” และหมายรวมถึง “ฐานข้อมูลเฉพาะสาขาวิชาที่ห้องสมุดพัฒนาขึ้นเอง”
“ฐานข้อมูลซีดีรอม” และ”ฐานข้อมูลออนไลน์” ด้วย
- 12. 3. ผู้ใช้ (User)
ประเภทของผู้ใช้สามารถแบ่งได้หลายประเภท ขึนอยู่กับเกณฑ์ทใช้ในการแบ่ง
้ ี่
โดยทั่วไปแบ่งผู้ใช้ออกเป็นดังนี้
3.1 แบ่งตามหน้าทีในหน่วยงานบริการสารสนเทศ
่
3.2 แบ่งตามความชานาญ หรือประสบการณ์ในการค้นหาสารสนเทศ
- 13. 3. ผู้ใช้ (User) (ต่อ)
3.1 แบ่งตามหน้าทีในหน่วยงานบริการสารสนเทศ คือ
่
3.1.1 ผู้ใช้ที่เป็นตัวกลาง (intermediary/ mediator) หมายถึง
ผู้ให้บริการค้นคืนสารสนเทศ อาทิ บรรณารักษ์ นักเอกสารสนเทศ เป็นต้น ซึ่ง
ทาหน้าที่ค้นคืนสารสนเทศให้แก่ผู้ใช้
3.1.2 ผู้ใช้ปลายทาง (end user) ได้แก่ ผู้ใช้ที่มีความต้องการ
สารสนเทศของตนเอง อาจเป็นนักวิจัย ผู้บริหาร นักศึกษา อาจารย์ หรือ
ประชาชนทั่วไป โดยมีการแสวงหาสารสนเทศด้วยตนเอง หรือขอความช่วยเหลือ
จากผู้ให้บริการสารสนเทศ
- 14. 3. ผู้ใช้ (User) (ต่อ)
3.2 แบ่งตามความชานาญ หรือประสบการณ์ในการค้นหาสารสนเทศ
เป็นการแบ่งผู้ใช้ที่เป็นตัวกลางและผู้ใช้ปลายทางออกเป็น
1) ผู้ใช้ที่มีความชานาญเป็นอย่างดี
2) ผู้ใช้ที่มีความชานาญระดับปานกลาง
3) ผู้ที่ไม่เคยใช้ระบบมาก่อน
- 15. โมเดล IR
เน้นกระบวนการในการจับคูระหว่างทรัพยากรสารสนเทศที่มีอยูกบความต้องการ
่ ่ั
สารสนเทศของผู้ใช้ หากจับคู่ได้ตรงกัน ย่อมได้ผลการค้นคืน หากจับคู่ ไม่ตรงกัน
ผลจะเป็นศูนย์
- 16. องค์ประกอบของตัวแบบพื้นฐาน
1. เอกสารที่ได้คัดเลือก หรือเรียกว่า “เอกสาร (document)”
คือ ทรัพยากรสารสนเทศ ที่ได้รับการคัดเลือก หรือคัดสรรตามนโยบายของหน่วยงานบริการ
สารสนเทศแห่งนั้น
2. ตัวแทนเอกสาร (document surrogate/ representation)
คือ การสร้างตัวแทนเอกสารในรูปแบบต่าง ๆ อย่างมีมาตรฐาน แล้วจัดเก็บในรูปของฐานข้อมูล
เช่น
- การสร้างข้อมูลบรรณานุกรม เพื่อเป็นตัวแทนโครงสร้างเอกสาร เช่น ถ้าเป็น
หนังสือ จะมีโครงสร้างของตัวแทนหนังสือ ประกอบด้วย ชื่อผู้แต่ง ชื่อเรื่อง สถานที่พิมพ์
สานักพิมพ์ ปีพิมพ์ หัวเรื่อง คาสาคัญ เป็นต้น
- การกาหนดตัวแทนสาระ หรือดรรชนี
- การสรุปย่อเนื้อหาสาคัญในรูปของสาระสังเขป
ฯลฯ
- 17. 3. ความต้องการสารสนเทศ (information need)
- บางครั้งเรียกว่า “ความต้องการของผู้ใช้”
- เป็นจุดเริ่มต้นที่ผลักดันให้ผู้ใช้แสวงหาสารสนเทศด้วยวิธีการต่างๆ
- ลักษณะสารสนเทศที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น เรื่องทั่วไป เรื่องใหม่ๆที่สนใจ เรื่องที่
มีเนื้อหาครอบคลุมลุ่มลึก เป็นต้น
- ความต้องการสารสนเทศจะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัย และเวลา ไม่คงที่แน่นอน
4. ตัวแทนความต้องการสารสนเทศ
หมายถึงการสร้าง หรือกาหนดตัวแทนความต้องการสารสนเทศในรูปแบบของ
“คาศัพท์” หรือคาค้นทีคิดว่าสามารถแทนความต้องการสารสนเทศได้ตรงและถูกต้อง
่
ที่สุด โดยใช้ Search Tips ช่วย
หรือเรียกว่าเป็นการกาหนดกลยุทธ์การค้น (Search Strategy)
- 18. 5. การจับคู่ระหว่างตัวแทนความต้องการสารสนเทศกับตัวแทนเอกสาร (matching
process)
กล่าวคือ กระบวนการจับคู่เป็นกลไกสาคัญในการค้นคืนสารสนเทศ
หากจับคู่ได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้จะได้ผลการค้นคืนทีเ่ ข้าเรื่อง (relevant)
หรือ ตรงกับความต้องการสารสนเทศของตน (pertinent)
“จานวนรายการที่ค้นคืนได้ (retrieved item)” เป็นประเด็นสาคัญที่ต้องพิจารณา
เช่นกัน
ดังนั้นจึงควรมีการจัดอันดับรายการที่ค้นคืนได้ (ranking) เพือให้เอกสารที่คาดว่า
่
เข้าเรื่องที่สุดอยู่ในอันดับต้น และเอกสารเข้าเรื่องน้อยกว่าอยู่ในอันดับรองลง
มาตามลาดับ
- 19. (ตามแนวคิดของผู้สอน)
เป็นกระบวนการในการจับคูระหว่างทรัพยากรสารสนเทศที่มีอยูกับความต้องการสารสนเทศ
่ ่
ของผู้ใช้
เพื่อ
ได้ผลการสืบค้นทีเข้าเรื่อง (ถูกต้องตรงตามความต้องการของผู้ใช้)
่
สามารถจัดอันดับรายการที่ค้นคืนได้ (เอกสารที่เข้าเรื่องที่สุดอยู่ในอันดับต้น)
สามารถค้นคืนได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งการที่ระบบค้นคืนสารสนเทศจะมีประสิทธิภาพต้องมีการดาเนินการการจัดเก็บเอกสาร
(document) การจัดทาระเบียนเอกสาร (โครงสร้างของเอกสาร) และ การจัดทาดรรชนี
(เพื่อใช้เป็นตัวแทนเนื้อหาสาระของเอกสาร) อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
หมายรวมถึงผู้ใช้เองก็ต้องมีความสามารถในการกาหนดคาค้น และใช้เทคนิคการสืบค้นได้
อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
- 22. ข้อมูล การ ผลลัพธ์ ผล
นาเข้า ประมวล หรือ ป้อนกลับ
ผล ผลการค้น • ความ
• 1. เอกสาร คิดเห็น
หรือ • การจัด คืน ของผู้ใช้
ตัวแทน หมวดหมู่ ต่อผลการ
เอกสาร • การแยก • เอกสารที่เข้า ค้นคืน
• 2. ข้อคาถาม ประเภท เรื่อง หรือ และ
ของผู้ใช้ • จัดเรียง ตัวแทนเอกสาร ปัญหาที่
ฯลฯ ที่เข้าเรื่อง พบ
ฯลฯ
- 23. ตามแนวคิดของรองศาสตราจารย์ ดร. สมพร พุทธาพิทักษ์ผล (2545:1: 44) กล่าวว่าระบบ
ค้นคืนสารสนเทศมีหน้าที่สาคัญ 3 ประการ คือ
1. การวิเคราะห์เนื้อหา หรือสาระของเอกสารที่ได้คัดเลือกมา
เพื่อสร้าง -ตัวแทนเอกสาร -คาแทนสาระเอกสาร +Abstract +full-text
(ให้อ่านย่อหน้าที่ 2 ของข้อ 1 ที่หน้า 44)
2. การวิเคราะห์ข้อคาถาม หรือความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้
การสร้างกลยุทธ์การค้น-Search Strategy
(= กาหนดคาค้น +ใช้ Search Tips +คาสั่งระบุภาษาเอกสาร หรือปีที่ระบุ)
3. การจับคู่ระหว่างข้อคาถาม หรือตัวแทนความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้
กับเอกสาร และ/หรือตัวแทนเอกสาร
เพื่อดึงสารสนเทศที่เข้าเรื่องออกมาเป็นผลการค้นคืน
- 24. ตามแนวคิดของรองศาสตราจารย์ ดร. สมพร พุทธาพิทักษ์ผล (2545:1: 44) กล่าวว่า
ระบบค้นคืนสารสนเทศมีหน้าทีสาคัญ 3 ประการ คือ
่
1. การวิเคราะห์เนื้อหา หรือสาระของเอกสารที่ได้คัดเลือกมา
เพื่อสร้างตัวแทนเอกสาร และ คาแทนสาระของเอกสาร
บางระบบอาจมีสาระสังเขปของเอกสาร หรือเอกสารฉบับเต็มด้วย
2. การวิเคราะห์ข้อคาถาม หรือความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้
คือ การสร้างกลยุทธ์การสืบค้นเพื่อค้นหาสารสนเทศที่ต้องการ โดยการใช้
- คาค้นเพียงคาเดียว
- ใช้คาสั่งระบุเขตข้อมูล (ให้ไปค้นหาคาค้นที่เขตข้อมูลหัวเรื่อง ผู้แต่ง ฯลฯ)
- ใช้ตรรกบูลเชือมคาค้นหลาย ๆ คา
่
- ระบุภาษา หรือ ปีค.ศ. ของเอกสาร
โดยระบบค้นคืนสารสนเทศจะแปลงคาสั่งการสืบค้นของผูใช้ให้เป็นคาสั่ง หรือ
้
ภาษาทีระบบนั้น ๆ เข้าใจเพื่อดาเนินการสืบค้นต่อไป
่
- 25. 3. การจับคู่ระหว่างข้อคาถาม หรือตัวแทนความต้องการสารสนเทศของ ผู้ใช้ กับ
เอกสาร และ/หรือตัวแทนเอกสาร
เพื่อดึงสารสนเทศเฉพาะรายการที่เข้าเรื่อง หรือตรงกับข้อคาถามของผู้ใช้ออกมา
เป็นผลการค้นคืน
- 26. จากหนังสือการค้นคืนสารสนเทศ (Information Retrieval) ของอาจารย์เดชา นันทพิชย ั
(2546: 22-23) ได้อธิบายภารกิจและหน้าทีของระบบค้นคืนสารสนเทศว่าสรุปได้ ดังนี้
่
1. การวิเคราะห์เอกสารและการจัดระบบสารสนเทศ คือ การสร้างฐานข้อมูลเอกสาร
ได้แก่ การจัดทาโครงสร้างเอกสาร และการกาหนดคาแทนสาระเอกสาร
2. การวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ และเตรียมกลยุทธ์การสืบค้น (Search
Strategy)
ได้แก่ กาหนดคาค้น และใช้ Search Tips ช่วยค้น (เขียนคาสั่งค้นคืน)
3. การสืบค้น (Searching) และการเปรียบเทียบความต้องการผู้ใช้กับฐานข้อมูล
ได้แก่ ลงมือสืบค้นตามคาสั่งค้นคืนที่กาหนดไว้ในข้อ 2
4. การประเมินผลลัพธ์ที่ได้ ว่าเข้าเรื่อง (relevant) ตามที่ต้องการหรือไม่
- 27. (เดชา นันทพิชัย, 2546: 23)
1
Information Analysis and Organized
Sources Representation Information
3
Retrieval Matching
Information
Users Query Analyzed
Analysis Queries 2
(search
statement)
- 28. จากภาพข้างต้นอาจารย์เดชา นันทพิชัย (2546: 23) สรุปว่าถ้าแบ่งภาระงาน (Task) ของ
ระบบการค้นคืนสารสนเทศก็สามารถจาแนกออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ
1. งานที่เกียวกับการวิเคราะห์เนื้อหา และหัวเรื่อง
่
ได้แก่ งานวิเคราะห์ จัดระบบ และจัดเก็บสารสนเทศที่เกียวข้อง
่
2. งานที่เกียวกับการสืบค้น และค้นคืน
่
ได้แก่ งานเกียวกับกระบวนการค้นหาและค้นคืน รวมถึงงานวิเคราะห์คาร้อง
่
ของผู้ใช้ สร้างสูตรการค้นคืน การค้นหา และการค้นคืนสารสนเทศ
ที่เกี่ยวข้อง
- 29. Lancaster (อ้างถึงในสมพร พุทธาพิทักษ์ผล, 2545: 1: 44-47) อธิบายระบบค้นคืน
สารสนเทศว่าประกอบด้วยระบบย่อย 6 ระบบ ได้แก่
1. ระบบย่อยการคัดเลือกเอกสาร (Document Selection Subsystem)
2. ระบบย่อยการจัดทาดรรชนี (Indexing Subsystem)
3. ระบบย่อยคาศัพท์ (Vocabulary Subsystem)
4. ระบบย่อยการสืบค้น (Searching Subsystem)
5. ระบบย่อยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบค้นคืนสารสนเทศกับผู้ใช้ (Subsystem of
Interaction Between the User and the System)
6. ระบบย่อยการจับคู่ (Matching Subsystem)
- 30. 1. ระบบย่อยการคัดเลือกเอกสาร (Document Selection Subsystem)
ทาหน้าทีในการคัดเลือกเอกสารตามนโยบายของหน่วยงานบริการสารสนเทศนั้น ๆ
่
2. ระบบย่อยการจัดทาดรรชนี (Indexing Subsystem) (เดชา นันทพิสัย, 2546: 21)
- สร้าง “ตัวแทนเอกสาร” หรือ “ระเบียน” หรือ “ระเบียนตัวแทนเอกสาร”
- งานในระบบย่อยนี้ประกอบด้วย
-การจัดหมวดหมู่
-การทารายการ
-การทาดรรชนีช่วยค้น (ศัพท์ควบคุม/หัวเรื่อง หรือ ศัพท์ไม่ควบคุม/คาสาคัญ)
-การทาสาระสังเขป
- 31. 3. ระบบย่อยคาศัพท์ (Vocabulary Subsystem)
ทาหน้าทีเ่ ป็นคลังศัพท์ดรรชนี หรือศัพท์สาคัญทีใช้ในการจัดทาดรรชนี (เพือสร้าง
่ ่
ตัวแทนเอกสาร และเพื่อการสืบค้น)
ระบบย่อยนีมีประโยชน์ทงในการจัดทาดรรชนี และการค้น เพราะหากผู้ใช้
้ ั้
กาหนดคาศัพท์ที่จะค้นได้ตรงกับศัพท์ที่ใช้ในการทาดรรชนี ย่อมได้ผล
การค้นคืนที่เข้าเรือง
่
4. ระบบย่อยการสืบค้น (Searching Subsystem)
เป็นการวิเคราะห์ความต้องการสารสนเทศของผูใช้ และกาหนดกลยุทธ์การค้น
้
รวมถึงการแปลงกลยุทธ์การค้นให้อยูในรูปของคาสัง หรือภาษาที่ใช้ใน
่ ่
ระบบค้นคืนสารสนเทศนั้น ๆ (มีการใช้เทคนิคการค้นคืนทีแตกต่างกัน)
่
ในการสืบค้นอาจใช้คลังศัพท์ดรรชนี หรือศัพท์สาคัญของระบบฯ นันช่วยในการ
้
ค้นก็ได้
- 32. 5. ระบบย่อยการปฏิสัมพันธ์ระหว่างระบบค้นคืนสารสนเทศกับผู้ใช้ (Subsystem of
Interaction Between the User and the System)
หรือเรียกว่า ระบบเชื่อมต่อกับผู้ใช้ (User-System Interface)
เป็นการสือสารระหว่างผูใช้กับระบบค้นคืนสารสนเทศในขณะทาการค้น
่ ้
การปฏิสัมพันธ์อาจอยูในรูปแบบของการออกแบบหน้าจอ (Screen Design)
่
เพื่อให้ผใช้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ู้
มีข้อความทีช่วยแนะนาผูใช้หากกระทาผิดพลาด (Error Message)
่ ้
มีสารสนเทศที่ชวยเหลือในด้านต่าง ๆ (Help Information)
่
มีทางเลือกให้ผู้ใช้สามารถออกคาสั่งได้ตามสะดวกด้วยตนเอง หรือด้วยการเลือก
ตัวเลือกทีหน้าจอ
่
ระบบต้องช่วยผูใช้ให้ได้รับความสะดวก และง่ายที่จะสืบค้นด้วยตนเองมากที่สุด
้
- 33. 6. ระบบย่อยการจับคู่ (Matching Subsystem)
คือ การจับคูระหว่างตัวแทนเอกสารกับตัวแทนความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้
่
โดยการจับคูย่อมขึนอยู่กับซอฟต์แวร์ทใช้กับโครงสร้างระบบฐานข้อมูลเป็นสาคัญ
่ ้ ี่
ผู้ใช้จะไม่เห็นการทางานของระบบย่อยนี้
การทางานของระบบย่อยทัง 6 ในระบบค้นคืนสารสนเทศจะสัมพันธ์กับหน้าที่ของระบบค้น
้
คืนสารสนเทศทั้ง 3 ประการคือ 1) การวิเคราะห์เนือหาของเอกสาร 2) การวิเคราะห์ขอ
้ ้
คาถามของผู้ใช้ และ 3) การจับคูระหว่างข้อคาถามกับเอกสาร หรือตัวแทนเอกสาร
่
- 35. คือ
พฤติกรรมทั้งมวลของบุคคลหนึ่ง ซึ่งเชือมโยงบุคคลผู้นนให้เข้าถึงแหล่งสารสนเทศ
่ ั้
ต่างๆ โดยใช้ชองทางในการเผยแพร่และในการได้สารสนเทศมาโดยตรง หรือ
่
ทางอ้อม
พฤติกรรมสารสนเทศเป็นคาที่มีความหมายกว้าง ครอบคลุมพฤติกรรมการแสวงหา
สารสนเทศ และพฤติกรรมการค้นหาสารสนเทศ โดยลาดับ
- 36. (ตามแนวคิดของผู้สอน)
คือ
พฤติกรรมใดๆ ก็ตามที่เกียวข้องกับการแสวงหา และการค้นหาสารสนเทศ
่
โดยเริ่มจากผู้ใช้เกิดความต้องการสารสนเทศอย่างมีวัตถุประสงค์ และได้เข้าถึงแหล่ง
สารสนเทศต่างๆทังที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ที่คาดว่าจะให้คาตอบ
้
รวมถึงการได้รบสารสนเทศจากสือต่างๆโดยบังเอิญ
ั ่
การศึกษาพฤติกรรมสารสนเทศควรศึกษาตั้งแต่เมื่อผู้ใช้เกิดความต้องการ ไม่ใช่ดที่ผใช้ขณะ
ู ู้
แสวงหาสารสนเทศ และไม่ควรเน้นเฉพาะแง่มุมของระบบ แต่ควรหันมาสู่
การศึกษาที่มผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง
ี
- 37. 1. พฤติกรรมการแสวงหาสารสนเทศ (Information-seeking Behavior) แตกต่างจาก
พฤติกรรมการค้นหาสารสนเทศ (Information Search Behavior) อย่างไร
พฤติกรรมการแสวงหาสารสนเทศ (Information-seeking Behavior) เป็นพฤติกรรมที่
เกิดจากผู้ใช้มีความต้องการสารสนเทศในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จึงเกิดการแสวงหา
สารสนเทศอย่างมีวัตถุประสงค์ขึ้น ซึ่งพฤติกรรมข้างต้นกว้างกว่าและครอบคลุม
พฤติกรรมการค้นหาสารสนเทศด้วย เช่น...
พฤติกรรมการค้นหาสารสนเทศ (Information Search Behavior) เป็นพฤติกรรมทีผู้ใช้ ่
มีปฏิสัมพันธ์กบระบบสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นในระดับปฏิบัติ (เช่น การใช้เม้าส์) หรือ
ั
ในระดับการใช้ความคิด สติปัญญาและความรู้ (เช่น การใช้ตรรกบูล) หรือ การ
ตัดสินใจเลือกสารสนเทศทีดีทสุด หรือการพิจารณาว่าสารสนเทศที่ได้มาตรงกับความ
่ ี่
ต้องการของตนหรือไม่ อย่างไร
- 38. 1. พฤติกรรมการแสวงหาสารสนเทศ (ก) แตกต่างจากพฤติกรรมการค้นหาสารสนเทศ (ข) อย่างไร
1. (ก) เกิดก่อน (ข)
2. (ก) ครอบคลุมกิจกรรม (ข) หรือ (ข) เป็นส่วนย่อยที่ต่อจาก (ก)
3. (ก) เกิด เพราะมีความต้องการสารสนเทศอย่างมีวัตถุประสงค์
4. (ข) เป็นการลงมือปฏิบัติ (= ค้น คิด พิจารณา ตัดสินใจ)
5. เมื่อเกิดความต้องการสารสนเทศแล้ว อาจจะไม่เกิด (ก) ก็ได้ เพราะ????
- 39. 2. จงอธิบายแผนภาพตัวแบบพฤติกรรมสารสนเทศในหน้า 54
เป็นตัวแบบแรกที่วลสันพัฒนาขึ้นเพื่อใช้อธิบายพฤติกรรมสารสนเทศ (ดูหน้า 53
ิ
และแผนภาพหน้า 54)
ต่อมาได้ศึกษาวิจยและปรับปรุงจนได้ตัวแบบทีสองซึงเรียกว่า “ตัวแบบทัวไปของ
ั ่ ่ ่
พฤติกรรมสารสนเทศ”
- 40. 3. ตัวแบบทั่วไปของพฤติกรรมสารสนเทศ (หน้า55-57) มีลักษณะแตกต่างจากตัวแบบ
พฤติกรรมสารสนเทศ (หน้า 53-54) อย่างไร
ตัวแบบพฤติกรรมสารสนเทศ อธิบายพฤติกรรมสารสนเทศในด้านต่าง ๆ คือ ที่มาของ
พฤติกรรมสารสนเทศมาจากความต้องการสารสนเทศ ซึงส่งผลให้เกิดกิจกรรมต่าง ๆ ทัง
่ ้
การค้นหา และการแลกเปลียนสารสนเทศ และการใช้สารสนเทศด้วย
่
ตัวแบบทั่วไปของพฤติกรรมสารสนเทศ อธิบาย พฤติกรรมสารสนเทศในเชิงมหภาค ว่า
พฤติกรรมสารสนเทศเป็นผลมาจากความต้องการสารสนเทศ และอาจมีกลไก หรือ
ภาวะทีสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาสารสนเทศ ซึงการแสวงหา
่ ่
สารสนเทศผู้ใช้อาจริเริ่มด้วยตนเองหรือมิได้ริเริ่มด้วยตนเอง และมีการประมวลและการ
นาสารสนเทศไปใช้ต่อไป ซึงเน้นผู้ใช้เป็นสาคัญ
่
- 42. ครูต้องการสารสนเทศ เรื่อง ISAR
กลไก หรือตัวแปรทีกระตุนให้เกิดการแสวงหาสารสนเทศ คือ
่ ้
- 1) หน้าที่ความรับผิดชอบของความเป็นครู เป็นกลไกและ
- 4) มีความสามารถในการสืบค้นสารสนเทศในขันสูง
้ ตัวแปรที่
- 5) รู้จักแหล่งสารสนเทศทังทีเ่ ป็นทางการและไม่เป็นทางการ
้ สนับสนุนให้
- 2) ต้องหาสารสนเทศเพื่อใช้ในการสอน เกิดพฤติกรรม
- 3) ต้องการให้นักศึกษาเข้าใจเนื้อหาที่เรียน การแสวงหา
สารสนเทศ
เกิดพฤติกรรมการแสวงหาสารสนเทศซึ่งริเริมด้วยตนเอง
่
พบสารสนเทศที่ต้องการก็คัดเลือก รวบรวม เรียบเรียงเป็น PPT ใช้สอน
- 43. 4. ตัวแบบพฤติกรรมการแสวงหาสารสนเทศของวิลสันอธิบายขั้นตอนในการแสวงหา
สารสนเทศด้วยการท่องเว็บเพื่อค้นหาสารสนเทศเกี่ยวกับ Google Desktop Search ได้ดังนี้
1. การเริ่มต้น ด้วยการตัดสินใจท่อง WWW
2. การสารวจเลือกดู โดยการใช้เครืองมือช่วยค้นประเภท Search Tools เพื่อค้นหา
่
เว็บไซต์ที่มีสารสนเทศที่เกียวกับ Google Desktop Search
่
3. การแยกแยะ ด้วยการพิจารณาว่าแหล่งใดจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า (โดยใช้
เกณฑ์การประเมินค่า Internet Resources ช่วย)
4. การดึงสารสนเทศทีสามารถนาไปใช้ได้ทนทีออกมาจากตัวเอกสาร เช่น ความหมาย
่ ั
ลักษณะ ขันตอนการใช้ Google Desktop Search เป็นต้น
้
5. การตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร โดยเปรียบเทียบกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหา
เหมือนกัน หรือจากหนังสือวิชาการ หรือจากการสอบถามผู้รู้
6. การจบ เป็นการเก็บรวบรวมสารสนเทศทีแสวงหาทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพราะแน่ใจ
่
ว่าได้สารสนเทศในระดับที่ต้องการแล้ว
- 44. ตัวแบบพื้นฐานในการจัดเก็บและค้นคืนสารสนเทศมุ่งเน้นไปที่การจับคู่ระหว่างทรัพยากร
สารสนเทศที่มีอยู่กับความต้องการสารสนเทศของผู้ใช้ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ คือ การค้น
คืนสารสนเทศให้ได้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด (เน้นที่ระบบ)
แต่ตัวแบบทั่วไปของพฤติกรรมสารสนเทศอธิบายพฤติกรรมการแสวงหาและการใช้
สารสนเทศโดยเน้นที่ผู้ใช้เป็นสาคัญ เพราะผู้ใช้มีพฤติกรรมสารสนเทศที่หลากหลาย ซึ่ง
ขึ้นอยู่กับสภาวะ หรือกลไกที่มีผลต่อพฤติกรรมการแสวงหาสารสนเทศ เช่น สภาวะทาง
อารมณ์- - ทางสติปัญญา ตัวแปรทางสังคมที่มีการแข่งขันในที่ทางานสูง หน้าที่การงาน
ความสามารถในการสืบค้นสารสนเทศ ฯลฯ
ดังนั้นระบบค้นคืนสารสนเทศควรให้ความสาคัญกับสภาวะ หรือกลไกที่มีผลต่อพฤติกรรม
การแสวงหาสารสนเทศของผู้ใช้ด้วย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ได้สารสนเทศตามที่ต้องการอย่าง
แท้จริง
- 45. เดชา นันทพิชัย. 2546. การค้นคืนสารสนเทศ (Information Retrieval).
พิมพ์ครั้งที่ 2. นครศรีธรรมราช: หลักสูตรการจัดการสารสนเทศ สานักวิชา
สารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์.
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. 2545. แนวการศึกษาชุดวิชาการจัดเก็บและการค้นคืน
สารสนเทศ (Information Storage and Retrieval) หน่วยที่ 1-15. นนทบุร:ี
สาขาวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
สมพร พุทธาพิทักษ์ผล. 2545. “ทฤษฎีพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดเก็บและการค้นคืน
สารสนเทศ.” ใน ประมวลสาระชุดวิชาการจัดเก็บและการค้นคืนสารสนเทศ
(Information Storage and Retrieval), หน่วยที่ 1-4, หน้า 31-62.
นนทบุรี: สาขาวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.