SlideShare una empresa de Scribd logo
1 de 44
Descargar para leer sin conexión
๑ 
Lost time is never found again... 
เวลาที่เสียไปย่อมหาไม่ได้อีก แล้วทำไมเรา 
ถึงอยากกลับเริ่มต้นใหม่ในอดีต? 
มาเริ่มต้นใหม่ในปัจจุบันแล้วทำให้ดีที่สุดเชื่อมโยงไปสู่อนาคต 
ไม่ดีกว่าหรือ ! 
กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพเนว สหตฺตนา 
กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวเอง 
ขุทฺทกนิกาย ชาตก ทุกนิปาต 
กาลเวลาไม่หวนย้อนคืน เฉกเช่นสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ 
แล้วเราล่ะเวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านไป เราได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ ??? 
ชีวิตเรามันสั้นและรวดเร็ว เราจะประพฤติอย่างไรไม่ให้กาลเวลามันกินเราได้ 
ลองคิดดู ! 
วันๆหนึ่งที่กำลังจะผ่านไป 
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างยังคงเดินต่อไป 
วันที่ไม่ได้สำคัญอะไร สำหรับเรา... 
นาฬิกา กับ ช่วงชีวิตคน 
เวลา ๖.๐๐ น. เปรียบได้กับ วัยเด็ก แรกเกิด ถึง ๑๐ ขวบ 
เวลา ๙.๐๐ น. เปรียบได้กับ วัยรุ่น ๑๑ ถึง ๒๐ ปี 
เวลา ๑๒.๐๐ น. เปรียบได้กับ วัยผู้ใหญ่ ๒๑ ถึง ๓๐ ปี 
เวลา ๑๘.๐๐ น. เปรียบได้กับ ผู้สูงวัย ปลดเกษียณ อายุ มากกว่า ๖๐ ปี 
หากคนเราคิดอายุเปรียบเทียบกับเวลาในแต่ละวัน เราจะมองออกว่า 
ในแต่ละวัน เราได้ทำประโยชน์อะไรไปแล้วบ้าง ลองคิดปริศนาที่แฝงไว้ให้ดีๆ 
คุณจะเข้าใจกับชีวิตที่แสนรันทดเจ็บปวดนี้ อีกมากมายทีเดียว 
เวล่ำ เวลา
นี่แหละ...ใจ 
๒ 
ฝนตกกลางใจ ใครจะแก้ 
ฝนตกมากแท้ ใครจะสน 
ฝนตกพรำพรำ หนาวสุดทน 
ฝนตกเวียนวน จนปวดใจ 
ใจต้องหนักแน่นสู้ ปัญหา 
ใจสงบเกิดปัญญา ผ่องแผ้ว 
ใจยิ่งพิจารณา ทุกสิ่ง 
ใจสว่างจิตสุขแล้ว ดั่งร้างกิเลสไกล 
จิตใจอร่ามน้ำ ทิพย์มนต์ 
จิตดั่งวิมุตติพ้น หลุดได้ 
จิตไกลห่างกิเลสล้น ยิ่งใหญ่ 
จิตทั่วรู้ถ้วนไท้ เที่ยงแท้บ่มี 
ภูผา ย่อมใหญ่กว้างและแข็งแรงไม่หวั่นไหว 
ใจเราล่ะ จงสังเกตใจ ดูใจ 
พิจารณาใจเราให้ดี แล้วเราจะเห็นอะไรที่ยังไม่เคยเห็นอีกเยอะ 
รักคนอื่น รักได้ แต่อย่าลืมรักตัวเอง 
แพ้อะไร แพ้ได้ แต่อย่าแพ้ใจตัวเอง 
ล้มเหลวจากอะไร ล้มได้ แต่อย่าล้มเหลวเพราะความคิดชั่ววูบของตนเอง 
รู้จักที่จะรัก พร้อมที่จะแพ้ เตรียมรับมือกับความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นอยู่กับปัจจุบัน 
ทุกอย่างเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์อันล้ำค่า ลองถอยหลังสักก้าวสิ แล้วพรุ่งนี้ คุณจะเดินหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ 
ท้องฟ้าบางวันก็สดใส บางวันก็หม่นหมอง ย่อมเป็นไปตามธรรมดาของธรรมชาติ จิตของมนุษย์ก็เช่นเดียวกันสุก 
สกาวบ้าง มืดหมองบ้าง จะเอาอะไรมากกันเล่า พึงทำจิตให้ว่าง เป็นปัจจุบัน ให้เท่าทันจิต แล้วจะรู้ด้วยตนเองว่า “อ๋อ มัน 
เป็นเช่นนั้นเอง” โดยไม่ว่าจะสดใสแค่ไหน หรือหม่นหมองเพียงไร เราจะไม่สะทกสะท้านเลย เพราะมันเป็นธรรมดาตาม 
ธรรมชาตินั่นเอง
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตปรุงแต่งชีวิตนี้ให้สุขให้ทุกข์ คนเราไม่มีสุขที่แท้จริง มีเพียงแต่ทุกข์เท่านั้นที่เข้ามาใน 
ชีวิต ทุกข์มาก ทุกข์น้อย ก็อยู่ที่เรา ไม่มีใครมาทุกข์กับเราได้ ทุกข์ ก็เรา โทมนัสก็เรา คิดไปใยกับคนอื่น ทุกคนเพียงมี 
กรรมแก่กัน มาชดใช้กัน เมื่อหมดกรรมก็จากกันไปเป็นธรรมดาของวัฏจักร ยึดไว้หนักเปล่า ปล่อยไปใจสบาย 
การจะทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง นอกจากอาศัยความตั้งใจจริงแล้ว 
ยังต้องอาศัยทั้งใจของเราทั้งของบุคคลอื่น ให้รักที่จะค้นคว้าเสมอๆ 
๐ จงเฝ้าย้ำย่ำไว้...........เตือนตน 
เตือนจิตเป็นมงคล...........นอบน้อม 
กายจิตวจียล.................อย่าปล่อย.....สตินา 
รู้ทั่วตัวพรั่งพร้อม............เพริศแพร้วนรชน 
๓ 
เจ็บกาย รักษาได้ 
เจ็บใจ เคียดแค้น พยาบาท ไม่สามารถรักษาได้ 
1+1=2 
2+2=4 
3+3=6 
ใจ+ใจ=? 
ตอบเท่าไหร่ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่า บุคคลที่ให้ใจ ซื้อใจ 
กระทำทุกอย่างด้วยใจอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ย่อมได้ใจยกกำลัง 2 กลับมาแน่นอน 
อย่าลืมว่า… 
ใจสำคัญที่สุด สำคัญยิ่งกว่า กาย 
ใจท้อ กายก็โทรม ใจเข้มแข็ง กายก็สดใส
๔ 
มันคือ...รัก 
รู้สึกว่า เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ประเทศไทยคงอยู่ในช่วง 
“ดอกส้มสีทองฟีเวอร์” หรือ “เรยาฟีเวอร์” จากละคร 
ในท้ายที่สุดก็ไม่เหลืออะไรเลย 
แม้กระทั่งคนที่รักมากที่สุด 
นี่แหละชีวิต เราได้เรียนรู้กับคำว่า “รัก” และคำว่า “เจ็บ” เมื่อเจอกับตัว 
จงพร้อมและมีสติตลอดเวลา อย่าประมาทกับเรื่องแม้น้อยนิด 
“จงดูละครแล้วย้อนดูตัวเราเสมอ” 
เพราะละคร ไม่ได้ไร้สาระเพียงอย่างเดียว 
แต่ !ละครสะท้อนสังคมและชีวิตในปัจจุบันเสมอ 
โอ้ดวงดาวดวงเดือนเลื่อนลอยลับ ระยิบยับพร่าวพร่างกลางเวหา 
สาดส่องแสงแรงสู้คู่จันทรา เยี่ยงสุริยาส่องสาดกลางกมล 
เหม่อมองดาวพราวเดือนเตือนสำนึก ให้รู้สึกอ้างว้างทางฉงน 
โดดเดียวดายอยู่ท่ามกลางผู้คน ใจหมองหม่นหมดแรงสู้พยุงกาย 
ณ วันนี้เหมือนได้แก้วที่ปลายฟ้า ดุจสายรุ้งทอทอดมาเมื่อยามสาย 
สว่างไสวสุขสล้างทางเรียงราย สู่จุดหมายอันอบอุ่นกรุ่นอกใน 
จากนี้ไปจนจบบทละคร ทุกฉากตอนสอนชีวิตคิดไฉน 
ได้เคียงคู่เยาวมาลย์หวานฤทัย ด้วยเสี้ยวใจใส่เติมรักไปตามกาล 
เจ้าเหมือนซึ่งแสงเทียนเล่มน้อยน้อย เจ้าค่อยค่อยส่องแสงเกษมศานต์ 
ความอ้างว้างโดดเดี่ยวเศร้าโศกพาล อวสานสูญสิ้นด้วยแสงใจ 
โอ้เจ้ายอดดวงชีวันเจ้าขวัญจิต ข้าขอมอบชีวิตพิสมัย 
ให้เจ้าช่วยดูแลเจียระไน เพิ่มอุ่นไอความสุขนิจนิรันดร์ ฯ
๕ 
ความรักก็เหมือนยาดม 
ยาดม มีกลิ่นหอมเท่าไหร่ ก็ยิ่งสดชื่น สดใส เช่นนั้น แต่หากเมื่อใด ยาดมหมดกลิ่นลง แม้จะเติมความหอมใหม่ 
เท่าไหร่ มันก็ไม่หอมสดชื่นเหมือนเดิม 
เช่นเดียวกับความรัก หากเมื่อใดที่รักเริ่มจางไป ห่างกันไป หรือมีปัญหาใด ๆ ต่อให้กลับมาคบกันใหม่ รักกันใหม่ 
ความรู้สึกที่ได้มาก็ไม่เหมือนเดิมเหมือนเริ่มแรก จงพิจารณาดูว่า จะเปลี่ยนยาดมหลอดใหม่ หรือยังคงใช้อันเดิม ที่รอคอยการ 
เติมเชื้ออยู่เรื่อยๆ แต่อย่าลืมว่าสุดท้ายก็หมดกลิ่นเหมือนกัน ปัญหาใดๆ ที่เกิดซ้ำแล้วพึงระลึกไว้เลยว่า เมื่อมีครั้งแรก ครั้งที่ ๒ 
๓ ๔ ย่อมตามมาตัดใจ หรือ ให้ไปต่อ เลือกเอา 
"ฉันอยากเดินไปกับคุณ เดินไปพร้อมๆ กัน 
จับมือไปด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน 
ขอเพียงแต่ว่า คุณอย่าปล่อยเราออกจากัน...ได้ไหม?" 
ความรักในช่วงแรกๆ ก็หวานชื่น แล้วนานไปล่ะ? 
จะปล่อยมือ หรือ สะบัดทิ้ง ตอนจบ ก็คงร้างลากันไป นี่แหละสัจจธรรมแห่งสามัญ 
๑. รักกันก็เกิดขึ้น (เกิดขึ้น) 
๒. รักมันยังคงอยู่ (ตั้งอยู่) 
๓. สุดท้ายก็เลิกรากันไป (ดับไป) 
"หากเธอมีความสุข ฉันจะสุขไปกับเธอด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่นึกถึงฉันก็ตาม 
หากเธอมีความทุกข์ ฉันจะทุกข์ไปกับเธอด้วย และขอให้จำไว้ว่า ขอให้นึกถึงฉันเป็นคนแรก ฉันจะดีใจมาก" 
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะอะไร คำกล่าวนี้ย่อมมีแก่คุณเสมอๆ จากบุคคลเหล่านี้คือ พ่อแม่ ครูอาจารย์ และมิตรแท้เท่านั้น 
กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุด ของทุกคน คือ กล้ามเนื้อของหัวใจ 
เจ็บ ปวด แสบ กับแผลทางกาย ไม่เท่าไหร่ 
แต่แผลใจต่อให้นานแค่ไหน ก็เหมือนมันสดใหม่อยู่เสมอ 
การที่คุณจะรักใครสักคน คุณรักพระอรหันต์ในบ้านเพียงพอแล้วหรือ
คุณเคยมีความรักบ้างไหม 
คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อมีมัน 
เวลาคุณอกหักล่ะจะตายให้ได้หรือเปล่า 
ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเรื่อยๆ 
แต่วันนี้เรายังยิ้มได้โดยที่ไม่มีใคร 
เคยมองย้อนกลับไปบ้างรึเปล่าว่า เพราะอะไร 
ลองมองย้อนกลับไปทบทวนสิ่งเหล่านั้นที่คุณพบเจอมาซิ 
แล้วคุณก็จะรู้ว่า คุณเก่งและเข้มแข็งขนาดไหนที่ผ่านวันเวลาที่ทรมามานมาได้ 
แล้วชีวิตที่เหลืออยู่ คุณจะอยู่เพื่อใครดี 
ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวเองและคนที่รักคุณมากที่สุดในโลก 
การรอคอยบางอย่างอย่างใจจดใจจ่อ มันช่างทรมานเหลือหลาย 
๖ 
ยิ่งการรอคอยตามสัญญายิ่งทรมาน 
เคยไหม...เวลาคิดถึงใครซักคนไม่กล้าส่งข้อความไปหา 
เคยไหม...เวลาอยากโทรไม่กล้าโทร กลัวเขาจะไม่รับหรือตัดสาย 
เคยไหม...เวลาจะทำอะไรจะพูดอะไร จะรู้สึกอึดอัด 
เคยไหม...เวลาเหงาๆ ชอบฟังเพลง อกหัก รักคุด 
เคยไหม...เคยถามตัวเองไหม ว่าเราก็อยากทำตามใจตัวเองบ้าง 
เคยไหม...เวลามีปัญหา เราก็อยากปรึกษาปัญหากับคนนั้น แต่กลัวจะสร้างปัญหาให้เขา 
เคยไหม...เคยนอนร้องไห้คนเดียวไหม 
เคยไหม...เคยคิดว่าคนที่เราคบอยู่ เขาไม่ได้รักไหม 
เคยไหม...เคยทุ่มเทให้กับคนๆนึง แต่เขาไม่เคยรับกับการกระทำของเราเลย 
เคยไหม................ 
คนตาย คือคนที่ไม่มีลมหายใจ แต่คนที่ตายจากใจ ต่อให้มีลมหายใจยังไงก็"ไร้ตัวตน" 
คนเป็น คือคนที่ยังมีลมหายใจ แต่คนเป็นที่ไร้เยื่อใย ต่อให้รักแค่ไหนยังไงก็"ไร้ค่าเสมอ" 
คนสาปสูญ คือคนที่ไม่รู้ว่าตายหรือเป็น แต่คนสาปสูญที่หายไป ต่อให้นานเท่าไหร่ถ้าเรายังคิดถึงยังไงเขาก็"มีค่าเสมอ"
ยามหลับใหลหลงลุ่มกลุ้มดวงจิต ยามนึกคิดสับสนระคนหา 
ยามความรักปักกลางทางอุรา ยามทิวาราตรีมิหวนคืน 
ยามฉันหายกลายกลับลับสูญสิ้น ยามเมฆินมืดคล้ำกล้ำเเข็งขืน 
ยามวารีไหลไปไม่หวนคืน ทุกวันคืนขอเฝ้าฝันฉันรักเธอ 
คนเราก็แปลก พอเริ่มเข้ามาทำความรู้จัก เริ่มจะให้ดอกรักแบ่งบาน 
๗ 
ในที่สุดพอแบ่งบานเต็มที่ ความรักก็จบลงอย่างไม่ทันตั้งตัว 
นี่แหละความรัก หากคิดจะรัก ต้องเจ็บให้เป็น เมื่อเจ็บ ต้องรู้จักรักษาตัวให้เป็น
๘ 
คุณธรรมนำใจ 
คุณธรรมนำใจให้ชาติสุข 
ไร้ความทุกข์เสริมสวัสดิ์พิพัฒน์ผล 
ล้วนสงบราบเรียบทั่วมณฑล 
วิถีชนโชติช่วงชัชวาลย์ 
หากแม้นว่าคุณธรรมเริ่มถดถอย 
เริ่มเหลือน้อยค่อยหายคล้ายอวสาน 
ทั้งแก่งแย่งชิงเด่นดีอยู่ทุกกาล 
อันดวงมานล้วนห่อเหี่ยวไม่เจริญ 
โปรดเถิดเราเร่งรุดพัฒนาจิต 
โปรดพินิจคิดดีให้สรรเสริญ 
โปรดละเว้นคิดชั่วไม่จำเริญ 
โปรดก้าวเดินตามครรลองพุทธธรรม์ 
ด้วยเหตุนี้จึงคิดสร้างทางผู้กล้า 
สร้างปัญญาสร้างความรู้สร้างสุขสันต์ 
เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมเอนกอนันต์ 
บรรจงพลันบ่มเพาะสงเคราะห์ใจ ฯ 
คนเป็นครู จงเป็นครู ทั้งกาย และใจ 
ต่อให้อยู่ที่ไหนก็เป็นครู ตั้งใจทำหน้าที่ต่อไป 
การควรกอปรจิตไว้ ตั้งมั่น 
กอปรกับกายพร้อมพลัน พรั่งพร้อม 
สัตย์ซื่อสัจจะอัน ล้ำค่า 
ละโลภด้วยจิตน้อม ยึดไว้หลักการ 
การรักษาสัจจะ เป็นสิ่งสำคัญของมนุษย์ 
หากไร้สัจจะแล้ว สังคมก็เสื่อม 
บุคคลไร้ซึ่งสัจจะ ยากจะอยู่ในสังคมนี้ 
ย่อมไม่ได้รับความจริงใจจากบุคคลรอบข้าง 
ศิษย์มีครู เหมือนงูมีพิษ 
ศิษย์ไร้ครู เหมือนงูไร้พิษ 
ศิษย์ข้ามครูเหมือนงูสารพัดพิษ 
ศิษย์แซวครู เหมือนงูเห่าพ่นพิษ 
พึงสังวร จงรักษาสัจจะให้มั่น แล้วท่านจะได้รับความจริงใจเป็นผลลัพธ์
๙ 
เมื่อถึงวันเกิดของคุณอีกครั้ง 
คุณนึกจะทำอะไรเป็นสิ่งแรกกันล่ะ 
ระหว่างความสนุกกับความกตัญญู 
การศึกษา ต่อให้สูงส่งเพียงไร มีใบปริญญาสักกี่ใบ 
ไม่ว่ามหาวิทยาลัยนั้นจะโด่งดังเพียงไหน ก็ไม่สามารถวัดค่าความเป็นคนได้ 
แต่ จิตใจอันประกอบด้วยคุณธรรม และมีหิริโอตตัปปะเป็นบาทต่างหากเล่า เป็นเครื่องวัดค่าของคนในสังคมนี้ 
เพราะฉะนั้น คนที่มีความรู้ ควรมีคุณธรรมประกอบร่วมด้วย ดังปรัชญาการศึกษาที่พบเห็นบ่อยๆ ที่ว่า "ความรู้คู่คุณธรรม" 
การเป็นผู้นำ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ในองค์กรใดๆ แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดของผู้นำ คือลูกน้องที่คอยช่วยประคับประคอง 
ให้องค์กรนั้นๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่มิใช่ความรู้ที่เก่งกาจ ความสามารถในทุกๆส่วน มิใช่วาจาอันแกล้วกล้า จะทำ 
อย่างไรถึงจะเอาใจลูกน้องไว้ได้ 
ประการแรก ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ คือ หลักพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ข้อนี้ 
ถือเป็น แม่บทของผู้นำที่ควรมี ควรเป็น ควรประกอบไว้ในตน 
ประการที่ ๒ คือ หลักสังคหวัตถุ ๔ ได้แก่ ทาน การให้ การแบ่งปัน ทั้งอามิส ธรรม และอภัย ปิยวาจา ถ้อยคำ 
อันน่ารัก อัตถจริยา ประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม สุดท้ายคือ สมานัตตา เป็นผู้เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เอนเอียง 
ประการที่ ๓ ซึ่งจำเป็นยิ่งคือ ผู้นำควารปราศจาก อคติ คือลำเอียง ทั้งลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียง 
เพราะกลัวหรือเกรงใจ และลำเอียงทั้งความโง่เขลา 
การจะดูแลลูกน้องให้ยอมพลีกาย พลีใจ ร่วมพัฒนาองค์กร ควรดำเนินตามหลักทั้ง ๓ อย่างเป็นอย่างน้อย กล่าว 
สั้นๆ คือ การซื้อใจลูกน้องก็ว่าได้ เพราะเหตุว่า ผู้นำไม่สามารถนำพาองค์ไปได้เพียงคนเดียว มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ 
พระอุรุเวลากัสสปสาวก ที่มีบริวารมาก ยอมบวชพร้อมกัน ไม่ทิ้งกัน เพราะท่านก็มีการซื้อใจลูกน้อง 
ปัจจุบันล่ะ เห็นมาก หลายกรณี ผู้นำเป็นเช่นไร คงไม่ต้องเอ่ย แต่จงดูเอา แล้วถ้าวันหนึ่งเราจักต้องก้าวมาอยู่ใน 
แถวหน้าเราจักทำเยี่ยงไร 
ฝากให้คิดอย่างมีเหตุมีผลมีปัญญา ถ้ายังผิดอยู่ หลงทางอยู่ ยังมืดบอดอยู่ ช่องทาง แสงสว่าง หรือ บันได ยังมีอยู่ 
เสมอ เชื่อเถอะ ลูกน้องจะยอมทำ เรียกว่า ถวายหัว ก็ย่อมได้
สารพัดเรื่อง “ตน” 
หลักสำคัญของความเป็นมนุษย์ในสังคมนี้ เพื่อความเป็นสุข 
มีเพียงไม่กี่ข้อ แต่ช่างทำได้ยาก 
๑. สัจจะ หากเสียไป ใครเล่าจะเชื่อถือในน้ำคำ 
๒. ซื่อสัตย์ หากเสียไป ใครเล่าจะไว้ใจให้ทำงาน 
๓. อโลภะ หากเสียไป ใครเล่าจะจริงใจด้วย 
๔. กตัญญู หากเสียไป ใครเล่าจะคบหาเชิดชูและยึดถือเป็นแบบอย่าง 
๑๐ 
หัวโขนที่นิยม 
คนเรามีหัวโขนต่างกันไป ในแต่ละหัวโขนย่อมมีหน้าที่ของมันอย่างชัดเจน เมื่อสวมหัวโขนชนิดไหน ควรตรึกตรอง 
พิจารณาหน้าที่ของหัวโขนนั้นให้ถี่ถ้วนและถูกต้อง แล้วปฏิบัติตามอย่างเต็มใจ เต็มกำลัง เต็มความสามารถ เช่นนั้นแล้ว 
จึงจะได้ชื่อว่า ทำหน้าที่ตามหัวโขนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องละอายใจเมื่อมีคนรู้ คนเห็น ไม่ต้องเสียใจ เมื่อถูกตักเตือน 
ไม่เดือดร้อนใจกังวลถึงผลกระทบที่จะตามมา เพราะฉะนั้น “คุณ” ทำหน้าที่ตามหัวโขนแห่งตนแห่งตน ได้ดีแล้วหรือยัง ถ้ายัง 
เรายังมีโอกาสให้เปลี่ยนแปลงอยู่ จงรีบ 
อุปสรรคบ่มี บารมีบ่เกิด 
อุปสรรคเลยเถิด มันเลยเกิดบารมี 
จงพร้อมที่จะเจ็บ จงเก็บทุกประสบการณ์ 
จงบริหารทุกขณะจิต จงคิดทุกจิตนำเสนอ 
จงอย่าเผลอทำตามอารมณ์ จงข่มตัณหาของตน 
จงสนใจใฝ่เรียนรู้ และจงมีชีวิตอยู่คู่กับคุณธรรม 
จงพากเพียรปฏิบัติตามแบบพระบรมศาสดาเจ้า 
แต่ !!!ถ้าไม่ได้ก็ขอแค่เอาเยี่ยงทา่นเป็นปฏิปทาก็พอแล้วชีวิตนี้
ด้วยมืดมา มืดไป ช่างไร้ค่า สว่างมา มืดไป ยิ่งไร้ผล 
ด้วยมืดมา สว่างไป ไม่อับจน เกิดเป็นคน มีหนทาง สว่างไป 
————————————— 
เพียงเข้าใจ ใช้ชีวิต ไม่ผิดพลาด ไม่ประมาท เป็นทาสกาม ตามตัณหา 
เกรงกลัวบาป เกรงกลัวกรรม ไม่นำพา ที่มืดมา ก็สว่าง เป็นทางไป 
————————————— 
หากใฝ่ต่ำ ทำตัว ไม่กลัวผิด มีจริต คิดเมามัว ชั่วไม่ถอน 
เปรียบได้ดัง ดอกบัวใต้ ตมตะกอน ย่อมแน่นอน ร้อนรน มืดมนไป 
————————————— 
เมื่อได้เกิด ประเสริฐมา กว่าสัตว์ไหน อย่ามืดไป ให้เสียชาติ อนาจหนอ 
มีศีลห้า มาทำดี อย่ารีรอ จะได้พอ พบทาง สว่างไป 
วันวานแวววับลับแสงสิ้น ระรวยรินหลั่งไหลลื่นลงหนอ 
น้ำตาตกหล่นร่วงรุลำคอ กล้ำกลืนรอคืนวันผันกลับมา 
โอ้ว่าอนิจจาไม่แท้เที่ยง ทุกอย่างเพียงสิ่งสร้างเสกสรรหา 
ระเริงร่วมให้ประจักษ์แก่นัยน์ตา มินำพามายาล้วนลอกลวงตน 
ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ 
ในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตน ประเสริฐสุด 
๑๑ 
ขุ.ธ. ๒๕/๓๓ 
กาพย์ห่อโคลง 
หมู่มนุษย์ผู้เริ่ม ฝึกฝน 
กายกอปรจิตแห่งตน หัดได้ 
เร่งผลาญกิเลสร้อนรน ราบเรียบ มลายนา 
พระศาสดาตรัสไว้ ฝึกได้แสนประเสริฐ 
มนุษย์ผู้ฝึกตน ละร้อนรนในสังสาร 
ปลดเปลื้องเครื่องบ่วงมาร ย่อมรู้กาลควรเป็นไป 
รู้เหตุมาจากกรรม แล้วน้อมนำมาแก้ไข 
ฝึกฝนทั้งกายใจ ฝึกฝนในทางสายกลาง 
โปรดละอกุศล ในทุกหนค่อยสะสาง
โลภโกรธหลงอำพราง ในทุกข์ทางสร้างความดี 
โปรดละซึ่งตัณหา ตัวนำพาหมดราศรี 
ใคร่อยากทุกนาที ดุจชลธีให้ว่ายวน 
โปรดสร้างทางปัญญา อุเบกขาควรฝึกฝน 
ซื่อสัตย์แลอดทน ก่อกุศลขจรไกล 
เมตตาควรเชี่ยวชาญ อธิษฐานเป็นนิสัย 
ควรกอปรจิตอำไพ หลักธงชัยพิชิตมารฯ 
๑๒ 
อยากรู้ต้องถาม 
อยากเข้าใจต้องเห็น 
อยากทำต้องเป็น 
อยากอยู่เย็นต้องอุเบกขา 
สัพเพ สัตตา ช่างมัน 
กรรมใคร กรรมมัน กมฺมุนา วตตี โลโก 
อย่าเอากรรมเขามาต่อกรรมเรา แม้กรรมเรายังใช้ไม่หมดเลย 
จำไว้ ! เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด ไม่อยากเอ็นขาด พึงพิจารณาด้วยปัญญา 
บางครั้งบางเวลาก็ใช้เหตุผลไม่ได้ ต้องใช้ใจเท่านั้น 
ในทางกลับกัน บางอย่างก็ใช้ใจไม่ได้ ก็ต้องเอาเหตุผลมาว่า มาตัดสิน 
ที่สำคัญ ต้องเตรียมใจเผื่อไว้ในทุกกรณี 
เมื่อเจ็บจะได้ไม่สาหัส เมื่อดีใจจะได้ไม่หลงงมงายเกินไป
๑๓ 
การเดินทางของชีวิต 
มีคนเคยบอกว่า ชีวิต คือ การเดินทางที่ต้องเรียนรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่ละวันเราก้าวไปบนเส้นทางที่เราเลือกที่จะ 
เดินและเลือกที่จะเป็น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร คงไม่มีใครอยากให้มันผิดพลาด มีแต่อยากให้หนทางของ 
เรานั้นสวยงามเป็นในแบบที่เราคิด ในบางวัน เราก้าวเดินอย่างรวดเร็ว เร็วจนแทบจะวิ่งด้วยความเชื่อมั่น แต่ในบางวัน ใจ 
ดวงเดิมของเรามันกลับฝ่อ เราแทบจะหยุดนิ่งหมดแรง ไม่เข้าใจกับหลาย ๆ สิ่ง ที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ และเช่นกันในบางวัน 
เราจึงขอเดินให้ช้าลงซักนิด เผื่อจะได้มีเวลาคิดทบทวน หรือชื่นชมทิวทัศน์ข้างทางบ้าง จนบางทีก็มารู้ตัวว่า เราอาจจะไปผิด 
ทางด้วยซ้ำ หรือสงสัยว่าตัวเองกำลังหลงทางอยู่หรือไม่ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ได้เจอกับทางออก เพราะอย่าง 
น้อยเราก็ได้ลองไปในที่ที่ไม่เคยไป หรืออาจกำลังไปในที่ที่ไกลกว่าเดิมก็ได้ 
หากชีวิตคือการเดินทางจริง ๆ เมื่อมีเริ่มต้นก็ต้องมีจุดหมายปลายทาง และมีทางออกให้กับทุกเส้นทางเสมอ จงให้ 
เวลากับหนทาง แล้วมันจะพาเราไปเจอกับเรื่องใหม่ ไม่ว่าเส้นทางเส้นนี้มันจะผิดพลาดหรือไม่ ในเมื่อเราเลือกที่จะเดินทางนี้ 
แล้ว เราจงทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะมีแรงทำมัน และจงไปให้ถึงซึ่งปลายทาง แม้ว่าทางข้างหน้านั้น เราไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดที่ 
ตรงไหน ขอเพียงอย่ายอมแพ้ที่จะก้าวต่อไป และอย่าพยายามที่จะหยุด จงเผชิญหน้ากับมัน 
โชคลาภยศศักดิ์พร้อม ยั่งยืน 
สิริกอปรทุกวันคืน ครอบไว้ 
เลิศชีพยิ่งโลกฟื้น สวรรค์ฝาก 
สุขจิตอิ่มใจไซร้ สุขภาพพร้อมพูนเกษม 
ในชีวิตคนเราไม่ต้องการอะไรมาก 
แค่ความเอาใจใส่ พร้อมดูแลความรู้สึกกัน ก็เพียงพอ 
แต่จงอย่าหลงคิดเข้าข้างตัวเอง นั่นจะเป็นหอกแทงตัวเราจนดิ้นไม่หลุด 
สุดท้ายจะไม่เหลือใครเลย 
เราพร้อมจะยอมรับกับมันไหม 
เพราะฉะนั้น เมื่อเราเริ่มอยากจะได้รับการเอาใจใส่ การดูแลความรู้สึกจากใคร 
เราก็จะเจ็บโดยไม่รู้ตัว และไม่มีใครมาเจ็บกับเรา 
เพราะถือได้ว่า เราทำตัวเราเอง 
แต่จงดูแล และเอาใจใส่ตัวเองก่อน ค่อยเรียกร้องขอจากคนอื่น
ดอกบัวงามอร่ามล้นชลธี ล้วนขจีแจ่มแจ้งแถลงไข 
แม้เกิดแต่เหง้าตมระทมใจ ครั้นเติบใหญ่สล้างสดปลดราคิน 
เฉกเช่นมนุษย์สุดประเสริฐ ล้วนย่อมเกิดดุจบัวหลากสีศิลป์ 
เติบจากโคลนโตจากตมเป็นอาจิณ มิผกผินดีชั่วพินิจเทอญ 
ชีวิตมนุษย์เรา หากจะเปรียบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ขอยกเอา “ดอกบัว” ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า 
ดอกบัวนั้นเติบโตมาจากเหง้า ซึ่งอยู่ในโคลนตม ต้องผ่านพ้นการเป็นเหยื่อของเต่า ปลา จนกว่าจะโผล่พ้นน้ำ รับแสงอรุณ 
ของวันใหม่ พร้อมแบ่งบานชู้ก้านอวดกลีบใบอันสวยสด 
แล้วชีวิตมนุษย์เราล่ะ เป็นเช่นนั้นหรือไม่? 
๑๔ 
การที่คุณกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วมีคนยอมรับผลของมัน 
พร้อมแสดงความคิดเห็นเพื่อการพัฒนา และคุณก็นำความคิดเห็นนั้นไปต่อยอดองค์ความรู้ของคุณ 
เมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่าคุณได้โตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวทีเดียว 
อดีตเป็นครูอย่างดี ปัจจุบันเป็นแบบฝึกหัดที่ยากแก่การเข้าใจและแก้โจทย์ 
ส่วนปัจจุบันเป็นผลของการแก้โจทย์ปัญหาในอดีต 
มีคนบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันอยู่ที่การกระทำ 
ทางแก้ก็คือให้เรากลับหลังหันแล้วเดินออกมาในทางเข้าของปัญหานั้น แล้วปัญหามันจะรู้จบไหมล่ะ 
คนเราถ้าคิดจะทำดี แสดงว่า คนคนนั้นยังไม่ได้ลงมือกระทำ 
เพราะความดีไม่ต้องคิดที่จะทำ ลงมือทันทีเลย 
ในชีวิตคนเรา ไม่มีหรอกที่จะไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไป 
ยอมรับมัน และพร้อมที่จะลงมือแก้ไขมันทุกเมื่อ 
แล้วจงอย่ายอมให้มันเกิดขึ้นอีก 
เพราะชีวิตเรามันน่าสงสาร ใครก็ไม่สามารถช่วยได้นอกจากเราเอง
ใบไม้ 
ใบไม้สีน้ำตาลแก่กำลังค่อย ๆ ปลิวตามลมร่วงหล่นมายันพื้นดิน พอมองย้อนขึ้นไปช่างน่าขัน ทำไมหนอเราก็เห็น 
อยู่วัน แต่ไม่เคยจะคิดถึงมันเลยสักที แน่ล่ะ ชีวิตเราจะมีอะไร นอกจากวันหนึ่ง ตื่นขึ้นสายตาก็จับจ้องอยู่แต่นาฬิกา วันนี้จะ 
สายไหม จะไปทันทำงานไหม จะมีเวลาหาอะไรทานรองท้องไหม พอเสร็จก็ต้องฝ่าฟันความเป็นความตายบนท้องถนนมาที่ 
ทำงาน มาถึงก็ก้มหน้าก้มตา ทำแต่งาน ไปทั้งวัน ได้เวลาพักเที่ยงก็ไปหาอะไรทานให้เร็วแล้วก็กลับมาทำงานต่อ ช่วงเลิก 
งานก็รีบกลับ รถช่างติดดีเสียจริงเหมือนเหล่ามัจฉาหลายร้อยตัวรอคอยผู้ใจบุญมาให้อาหาร พอมาถึงบ้านก็ต้องทำงานบ้าน 
สารพัดอย่าง ชีวิตช่างเหนื่อยเสียจริง ใช่ มันเป็นเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ในทุก ๆ วัน เราต้องสู้กับเวลา ผู้คน และ 
งาน เราสูญเสียอะไรไปไหม เราประมาทกับชีวิตเราไปนานเท่าไหร่แล้ว จะทันไหมที่จะกลับมาสนใจตัวเราจริง ๆ อีกครั้ง 
ชีวิตคนเราไม่มีอะไรมาก พระพุทธเจ้าเราสอนไว้ว่า ชีวิตเรามีเพียงเกิด แก่ เจ็บ และตายไป มีเพียงบุญกับบาป 
เท่านั้นที่ตามเราไป ไปไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ ไปตามแรงกรรมที่เราได้กระทำไว้ นึกไปแล้วก็มีคำถามหลาย ๆ อย่างที่ 
ผ่านเข้ามาให้คิด 
๑. ปีนี้เราอายุเท่าไหร่แล้ว 
๒. เราทำงานอะไร ทำย่างไร 
๓. เราทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นหรือยัง 
๔. เรามีสติมากพอไหมกับการใช้ชีวิตนี้ 
๕. คนที่เรารักล่ะ เราเป็นคนดีพอสำหรับพวกเขาหรือยัง 
๖. และสุดท้าย เราจะมีโอกาสปรับตัว ปรับใจ กับสิ่งที่ผิดพลาดมาในอดีต อีกนานแค่ไหนกัน 
ชีวิตเราก็เหมือนกับใบไม้นั่น เกิดใบอ่อนมา ค่อย ๆ เจริญเติบโตเป็น ใบที่แข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างแข็ง 
ขัน สุดท้ายพอถึงวัยก็ร่วงโรยรา ปลิดตัวเองลงสู่พื้นดิน อันเป็นจบหน้าที่เท่านั้นเอง 
๑๕ 
เคยรู้สึกไหมว่าชีวิตเราก็เหมือนเชือกที่มีปมยุ่งเหยิง 
ที่เราต้องค่อยๆแก้ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ 
ซึ่งมีทั้งปมที่ง่าย และยากสลับกันไป 
ลองย้อนดูสิ แล้วคุณจะรู้ 
It not over until is over. 
มันยังไม่จบ จนกว่ามันจะจบ 
แล้วมัน จะจบเมื่อไหร่ หากใจเราไม่จบ จริงไหม ?
๑๖ 
เมื่อนั่งมองออกไปยังท้องฟ้ายามเย็น มันช่างหดหู่ อ้างว้าง 
แสงสีทองส้ม บ่งบอกให้ถึงความร้อนแรงเต็มไปด้วยทุกข์ทน ทรมาน 
แต่ในความร้อนแรงนั้นย่อมแฝงไปด้วยพลังพร้อมจะระเบิด 
หรือปรับเปลี่ยนตนเองทันที เพียงแต่เรายังมองไม่เห็น ดุจมีเศษผงมาบดบังตาทุกข์ใด ๆ ย่อมมีทางแก้ไข 
ขอเพียง มองธรรมชาติให้เป็นธรรมะ แล้วสังคมที่เราเผชิญจะสดใสขึ้น 
คำพูดของคนก็เฉกเช่นเดียวกับสายลม ไม่ว่าสายลมนั้นจะบางเบาหรือรุนแรง แต่ในที่สุด ก็จะสงบลง แต่สิ่งที่ทิ้งไว้ 
คือความเสียหายเท่านั้น จะยึดไปทำไมกับลมเหล่านั้น จงทำตัวให้เป็นดุจขุนเขา ไม่สะท้านแม้ลมจะรุนแรงเท่าใด แค่รู้หน้าที่ 
ของตน สิ่งที่ตนต้องทำ ทางที่ตนต้องเดิน แล้วทำให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว 
เท้าของเราเอง เราก้มมองดูหรือยัง??? 
ต้นไม้เติบโตมาได้จนกระทั่งใบหลุดร่วงไปฉันใด ชีวิตคนเราก็เจริญโตเต็มแล้วร่วงโรยปรากฏความชราและจบลงสู่ 
สามัญคือแผ่นปฐพีฉันนั้น จะไปสนใจใยกับความเป็นของโลกว่าจะแตกหรือไม่ กลับมาสนใจสติ สนใจตนให้ดำรงอยู่ใน 
ความไม่ประมาท รักษาจิตให้เท่าทันปัจจุบัน รักษาซึ่งความบริสุทธิ์แห่งศีล เพื่อโลกหน้ามิดีกว่าหรือ 
ขุนเขาแข็งแกร่งเพียงไร ก็มีวันพังทลาย 
ฉันใดก็ฉันนั้น ใจคนเราเข้มแข็งเพียงใดก็ย่อมมีวันอ่อนแอเสมอ 
โลกคือละคร 
จะเอาอะไรแน่ ก็แค่เล่นไปตามบทของมันอย่างมีสติก็พอ 
Chocolate 
Chocolate หมายถึง ความมัวเมาอันแสนหวาน แต่มันก็ขม นี่แหละชีวิตคน มีทั้งขมทั้งหวาน เปรียบเสมือนสุข 
และทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคนเรา 
ไม่ว่าเราจะได้อะไรมา สักวันหนึ่ง เราต้องคืนเขาไป 
นั่นสิ ในโลกนี้ไม่มีใครได้อะไรมาฟรีๆ ทุกอย่างต้องมีของแลกเปลี่ยนทั้งนั้น
ของมีค่า ต่อให้แปดเปื้อนบ้าง แต่พอล้างก็หาย ก็ยังมีคุณค่า 
แต่คนต่อให้สะอาด ไม่แปดเปื้อน แต่ใจสกปรก 
เอาน้ำยาฟอกขาวมาขัดก็ไม่มีคุณค่า ก็ต้องละทิ้งไป 
๑๗ 
ทุกคนมีความจริงอันเลวร้ายซ่อนอยู่ภายในลึก ๆ 
จงเลือกจำ และปรับปรุงมันซะ 
บางทีคนเราก็ทำให้คนอื่นลำบากโดยไม่รู้ตัว 
เมื่อรู้แล้ว จงหยุดซะ อย่าทำความลำบากทั้งกาย ทั้งใจ แก่คนนั้นอีกเลย 
จงหายใจด้วยจมูกของตนเอง อย่ายืมจมูกคนอื่นเลย 
จงใช้มือของตนสร้างผลงานให้ดีที่สุด อย่ายืมมือคนอื่นเลย 
จงเดินด้วยเท้าของตนเอง อย่ายืมเท้าคนอื่นเลย 
จงใช้ความรู้สึกของตนให้ถูกทาง อย่าพึ่งความรู้สึกคยอื่นเลย 
เพราะบางทีอาจไม่ใช่แบบที่เราคิด 
บางอย่างมันก็ไม่มีความสำคัญ หรือความหมายอะไรให้จดจำ จำไปก็เท่านั้น ลืมเสีย อยู่กับปัจจุบัน อย่าหวนถึง 
วันวาน ที่ไร้ความหมายต่อจิตใจ ลืมให้หมด 
คุณทำได้ไหม ? 
ผมทำไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันสอนใจเรา ให้เข้าใจคน เข้าใจโลก เพราะฉะนั้น อดีต จึงเป็นเครื่องเตือนสติเรา 
ให้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อทำดีต่อไป 
วันที่ฉันล้ม 
วันนี้ฉันล้มลงตรงนี้ ที่ที่ฉันตั้งใจกับมันอย่างสุดชีวิต แต่วันข้างหน้าฉันจะสง่าและ 
เก็บการล้มนั้นเป็นบาทให้ยืนรอย่างงดงาม 
แต่หากวันนี้ฉันสง่างาม ยืนด้วยความทรนง ฉันก็ยังกังวลอยู่ว่าทางข้างหน้าจะมี 
ก้อนหิน หรือหลุม บ่อบ้างไหมที่จะให้ฉันสะดุด และล้มลงอย่างหมดท่า แต่ฉันจะยืนอย่าง 
มีสติ เตรียมพร้อมเสมอสำหรับการล้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
๑๘ 
ทุกคนรักความรู้สึกตัวเองทั้งนั้น 
แต่อย่าลืมแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างที่มีอิทธิพลต่อในการดำเนินชีวิต 
และก็อย่าแคร์มากไปจนลืมความรู้สึกของตน 
จงกล้า ในสิ่งที่ควรกล้า จงชน ในสิ่งที่ควรชน 
จงยอม ในสิ่งที่ยอมได้ จงนิ่ง ในสิ่งที่เราผิด และยอมรับมัน 
แต่จงแผ่เมตตา สำหรับทุกๆเรื่อง เพื่อการไม่ต่อเวร จองเวร 
เราตั้งหากที่ทำร้ายตัวเอง 
สร้างทุกข์ขึ้นมาเอง คิดเอง ปรุงแต่งเอง โหยหาเอง 
อย่าไปโทษใครเขาเลยว่าทำให้เราเจ็บ ให้ซ้ำ ให้ต้องทุกข์ใจ... 
การที่จะให้เราเข้าใจ "คนอื่น" มันยากนัก แต่...การที่จะเข้าใจ "ตัวเราเอง" จิงๆยากยิ่งกว่า 
ยากนักกับการให้คนอื่นมาเข้าใจเรา เราเป็นเรา เขาเป็นเขา บางครั้งคนเราก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่อยากให้คนอื่น 
เข้าใจบางครั้งเราก็เป็นโรคหิวความรัก อยากให้คนอื่นเข้าใจที่เราเป็น ที่เราทำ อาจมาจากการที่เราทำไรไปแล้วกลับไม่มี 
feedback กลับมาทำให้เราไม่รู้ผลของมัน น้องว่า ปล่อย วางอุเบกขา แล้วพยายามเลี่ยงที่จะให้คนอื่นเข้าใจ แต่ทำใจ 
เราให้เข้าใจตน และคนอื่น ผลย่อมจะส่งเอง แม้จะไม่เร็ว แต่ผลที่ได้คือเราสบายใจ 
ชีวิตมันคือการเรียนรู้ จงเรียนรู้ให้ครบทุกรสชาติ และใช้ทุกรสชาติให้เป็นประโยชน์กับชีวิต 
อากาศเริ่มเปลี่ยนแล้ว มรสุม 
ร้อนแดดส่องแรงรุม อบอ้าว 
ยามฝนตกปกคลุม โรยร่วง หนาวนอ 
ชีวิตย่อมปวดร้าว เจ็บไข้ร้อนฝน
ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ สุดหล้า 
แดดส่องแสงเจิดจ้า ทุกถ้วน 
ยังมืดหม่นทั่วนภา เมฆหมอก 
เฉกเช่นชีวิตล้วน กลับร้ายดีสนอง 
ความรู้อาจใช่ได้ จากหญ้า 
อยู่แต่ดินใต้ฟ้า ทุกผู้ 
ตั้งแต่เด็กจนชรา พ้นไม่ มลายเเฮ 
ผิดถูกนั้นย่อมรู้ สว่างแจ้งบาปกรรม 
๑๙ 
ยากอะไรก็ไม่ยากเท่าปฏิสังขรณ์ 
ถอนอะไรก็ไม่ยากเท่าถอนมานะ 
ละอะไรก็ไม่ยากเท่าละกามคุณ 
บุญอะไรก็ไม่มากเท่าบุญอุปสมบท 
หาอะไรก็ไม่ยากเท่าหาตัวกูของกู 
ทำอะไรก็ไม่ยากเท่าทำใจให้ยอมรับตนเอง 
หนีอะไรก็ไม่ยากเท่าหนีใจตนเอง 
รักอะไรก็ไม่มากเท่ารักตัวเอง 
เพราะฉะนั้น...สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ตัวของเราเอง 
สิ่งที่มีค่ามาก คือ ความคิด 
สิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่น คือ ความคิด 
สิ่งที่ไร้สาระมากที่สุด คือความคิด 
สิ่งอันเป็นบ่อเกิดของอกุศล ก็คือ ความคิด 
การทำอะไร จะให้ประโยชน์ ให้สร้างสรรค์ ให้เลวทราม ล้วนขึ้นอยู่กับความคิด 
Positive Thinking ย่อมสร้างสรรค์สิ่งดี ต่อ ตนเอง สังคม ถ้าใช้ปัญญาพิจารณา
ความสุขของคนเรา มิได้มีเพียงความสุขจากอามิส อันเกิดจากวัตถุสิ่งของที่เข้ามากระทบทางผัสสะทั้ง ๕ เท่านั้น แต่ 
ความสุขที่แท้จริงที่ยั่งยืนที่สุดคือ ความสุขทางใจ ซึ่งเราไม่สามารถหาที่ไหนได้ในสามโลกนี้ เพียงแค่เรามองหาในตัวเรา 
ในจิตเรา มีคิดดี ประกอบด้วยเมตตา กรุณา สร้างสรรค์ด้วยสติ สัมปชัญญะ ไม่หลงระเริงกับอามิสรอบตัว ใช้ปัญญาพิจารณา 
ตามหลักเหตุและผล พึงเตือนสติเสมอว่า จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ทุกอย่างเกิดแต่จิต สำเร็จก็ด้วยจิต เมื่อจิตประสงค์ไป 
ในทางที่ดีแล้ว ความสุขใจย่อมตามมา แต่อย่าลืมว่า ความประสงค์ในทางที่ดีนั้นต้องไม่เดือดร้อนผู้อื่นด้วยประการทั้งปวง 
นั่นแหละถือว่า สร้างสุขให้กับตนเองได้โดยไม่พึ่งอามิส 
เหนื่อยใจกะคนที่ไม่เข้าใจอะไรในโลก 
เหนื่อยใจกะคนที่ไม่พยายามเรียนรู้ความเป็นไปของโลก 
เหนื่อยใจกะคนที่ไม่รู้จักพอกับการใช้ชีวิต 
เหนื่อยใจกะคนที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงของชีวิต 
แต่เราสุขใจ...ที่เรารู้ทันตัวเอง 
S.U.M.O. 
S.U. - Shut Up 
M.O. - Move On 
Sometimes we need to rest in order to increasing energy. 
When it is completed, I will come back and fight it again. 
All of things that around me are hard and incomprehensible. 
๒๐ 
LET'S IT BE! 
ทุกอย่าง มันเริ่มจากคนๆ หนึ่ง แล้วมันก็ควรจะจบด้วยคนๆนั้น 
ทุกอย่าง มันเริ่มจากเหตุๆ หนึ่ง แล้วมันจึงให้ผลเช่นนั้น 
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น สุดท้ายก็จบที่คำๆ นั้น คือ ขอโทษ 
ทั้งๆ ที่ ไม่รู้ว่าใครผิด ใครถูก หรือต่างฝ่ายต่างผิดแล้วมองไม่เห็น 
หรือฝ่ายหนึ่งยอมที่จะขอโทษ โดยให้อีกฝ่ายเกิดความละอายใจ
ชีวิตคนเราก็เหมือนต้นไผ่ เริ่มแตกหน่อแตกก่อ กว่าจะเติมโตเป็นต้นไผ่ที่สมบูรณ์หวุดหวิดจะถูกตัดเสียหลายครั้ง ถูก 
ถอนหน่อเสียหลายหน เมื่อเติบโตสมบูรณ์ก็โอนเอียงไปตามแรงลมที่พัดพาให้ไปในแต่ละทิศหรือยึนหยัดมั่นคงไม่ไหวเอนยาม 
ไร้แรงลมนำพา ฉันใด ชีวิตก็ฉันนั้น มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ราบเรียบบ้าง และจะอยู่อย่างนั้นไปจนหมดลมหายใจ 
พร้อมหรือยังกับปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่เรามุ่งหวังไว้ว่าจะปรับ เปลี่ยน ปรุง แปลง ในชีวิตของเรา ไปพร้อมๆ กับวิถี 
ชีวิตอันตื่นเต้นตามครรลองแห่งวัฒนธรรมตะวันตก จะพูดให้ง่ายก็ ปีใหม่นี่แหละ 
พร้อมหรือยังกับสิ่งที่เราตั้งใจจะเดินทางให้ถึงมันด้วยกำลังใจอันกล้าแข็ง แรงกายที่มหาศาล 
พร้อมหรือยังกับการเตรียมชีวิตอันไม่แน่นอนกับโลกใบนี้ 
พร้อมหรือยัง ? 
๒๑ 
ความสุขของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไป 
บ้างก็มีความสุขกับการได้นั่งฟังเพลงหลังทำงาน 
บ้างก็มีความสุขกับการเปิดเฟสบุ ๊คคุยกับใครสักคน 
บ้างก็มีความสุขกับการออกไปช็อปปิ้ง 
บ้างก็มีความสุขกับการที่ได้ใช้ชีวิตตามสิ่งที่ตนเองวาดฝันไว้ 
สำหรับผม ความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้คนรอบข้าง 
และได้บันทึกภาพความรู้สึกนั้นโฟกัสเป็นภาพความทรงจำ 
เป็นสิ่งที่มีความสุขมากที่สุดแล้ว 
เงาก็ต้องอยู่ส่วนเงา จะไปอยู่ร่วมกับสิ่งที่ไม่ใช่เงาได้อย่างไร 
เงาจะอยู่ได้ก็เพราะมีแสงสว่างเท่านั้น 
หมดแสง เงาก็หมดความหมาย 
เมื่อวานสุข 
วันนี้ทุกข์ 
พรุ่งนี้อาจจะเจ็บ 
เอาอะไรที่แน่นอน มันต้องวนไปมาอย่างนี้เรื่อยไป เราจะรับได้ไหมกับสิ่งที่เดินเข้ามาหา ไม่ใช่แค่ทน แต่ต้องฟันฝ่าไปให้ได้ 
แม้ใจจะอ่อนล้าเพียงใดก็ตาม ยิ่งท้อยิ่งเจอ ยิ่งหนียิ่งตามมาให้เจอ ยิ่งหลบ มันก็ยิ่งจะชอนไชไปนความรู้สึก 
ยอมรับมัน แล้วลุกขึ้นสู้ต่อให้ใจเราเจ็บเจียน แต่มันก็ต้องมีวันที่ใจเราสดใสได้เหมือนกัน
การที่คุณกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วมีคนยอมรับผลของมัน พร้อมแสดงความคิดเห็นเพื่อการพัฒนา และคุณก็นำความ 
๒๒ 
คิดเห็นนั้นไปต่อยอดองค์ความรู้ของคุณ 
เมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่าคุณได้โตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวทีเดียว 
การทำความดีทำง่าย แต่ความชั่วทำยาก จริงไหม?? 
ในชีวิตนี้คุณเลือกที่จะมีความสุขหรือความทุกข์ 
ผมเลือกความทุกข์นะ เพราะหลวงพ่อพุทธทาสกล่าวว่า ชีวิตคนเราไม่มีหรอกความสุข มีแต่ทุกข์มากหรือทุกข์น้อยกว่ากัน 
ในอดีตผมวิ่ง แต่ปัจจุบันผมเลือกที่จะเดินแบบค่อยๆไป 
เพราะวิ่งมันเหนื่อยและล้มเหลวง่าย ผมจึงขอที่จะเริ่มใหม่ด้วยการเดินทีละก้าวอย่างมั่นคง 
ทุกคนมีโอกาสที่จะเริ่มเดินใหม่ได้เสมอ ถ้าคุณเริ่มเหนื่อยกับชีวิต 
คนเราเวลาขอพร ก็ขอให้มีความสุข ให้ร่ำรวย ให้มีโชคลาภ ทำมาหากินคล่อง 
เคยบ้างไหมที่จะขอพรว่า ขอให้ข้าพเจ้าหมดลมด้วยความไม่ประมาท 
และเคยบ้างไหมที่จะกระทำตามนั้น 
ชีวิตคนเราเอาอะไรมาก 
เกิดมาต้องเจอกับปัญหามากมาย เรารับได้ไหม พร้อมจะแก้ไหม หรืออยากหนีปัญหา 
มีคำโบราณบอกว่า คนเรานั้นต้องเจอกับอุปสรรคนานา เพราะอุปสรรคเป็นตัวสร้างบารมีให้บังเกิด 
จงยอมรับและเดินหน้าเถอะ 
การเดินทาง เสมือนการเรียน 
ยิ่งสูงชันเท่าไหร่ การเรียนก็ยิ่งยากเท่านั้น 
ถ้าเราฝ่าฟันมันได้ จนถึงจุดหมาปลาย แล้วนั่นคือ คุณประสบความสำเร็จในการเรียน 
หนึ่งรอยยิ้มของคุณที่มีต่อคนอีกหลายคน มันมีค่าเสมอ 
จงฝึกยิ้มเพื่อความสุขของตนเองและผู้อื่น 
แม้จะทุกข์ใจเพียงไร รอยยิ้มจะทำให้คุณดีขึ้น
๒๓ 
คนดี คนเลว 
คนดีหรือคนเลว มองที่ตรงไหน 
การกระทำ คำพูด หรือฐานะทางสังคม 
คนที่คุณดูว่าเลวอาจจะดีก็ได้ถ้าคุณมองจากใจจริงของคุณ 
ทุกวันนี้คุณอยู่กับใคร 
ทุกวันคุณอยู่กะตัวเอง 
หรือ คนที่คุณรัก 
หรือ คนที่คุณสงสาร 
หรือ คนที่คุณรังเกียจ 
หรือ คนที่รักคุณ 
คนเหล่านี้คุณจะเลือกอยู่กับเขาได้ไหม 
หรือว่าคุณต้องอยู่กับพวกเขาทั้งหมด??? 
คำสัญญาใดใดก็ไม่สำคัญ 
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด คือการกระทำ 
ที่มาจากใจ 
เรามีคนฝากความหวังไว้มากมาย 
จงอย่าท้อ ลุกขึ้น แล้วหันหน้าเข้ากระจก 
มองคนในกระจกแล้วบอกว่า 
รู้นะว่าท้อ 
เข้าใจนะว่าเหนื่อย กับการต้องแบกรับความหวังไว้ 
เธอนะเก่งแล้วที่รู้และเข้าใจในความหวังนั้น 
เธอนะเก่งแล้วที่พยายาม 
เธอนะเก่งแล้วที่ต่อสู้มาถึงจุดนี้ 
อีกนิดเดียวก็จะถึงฝันแล้ว 
สู้สิ 
ชีวิตต้องสู้ เพื่อใครล่ะ 
แน่นอน เพื่อเรา และคนที่ฝากความหวังไง
๒๔ 
ชีวิตทุกคนมีเกิดและมีดับเป็นธรรมดามันไม่เที่ยง 
นี่เป็นคำสอนของพระบรมศาสดาแล้วเราล่ะ… 
เราทำชีวิตไม่ให้เกิด พร้อมยังดับด้วยหรือเปล่า 
หรือ 
เราทำชีวิตให้เกิดแล้ว พร้อมยังไม่ให้ดับด้วยหรือเปล่า 
ลองคิดดูว่ามันคืออะไร 
ทุกคนเป็นแบบไหน จงเลือกเอา 
ทุกปัญหามีทางออก...บางทีแค่เพียงแต่เราเปลี่ยน"ทัศนคติ "ของเราเสียใหม่ 
มีเพียงแต่ ทัศนคติ ของเราเท่านั้นที่จะเป็นตัวนำทางไปสู่ความสำเร็จในชีวิตและงานที่ทำ 
ความคิด&ทัศนคติ 
ขั้นตอนสุดท้ายของทุกๆความคิด&ทัศนคติ 
คือDOINGการลงมือทำ 
QUESTION : ไม่มีสิ่งใดที่มีค่า 100 % เลยหรือ??? 
แล้วสิ่งใดที่มีค่าเท่ากับ100 % - ใช่เงินหรือเปล่า ? .... .....ไม่ใช่ ! 
- ความเป็นผู้นำหรือเปล่า ?..........ไม่ใช่ ! 
เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย 
เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส 
เพราะสามารถ มิใชาเพราะโชคช่วย 
ดังนี้แล้ว 
"ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" 
ชีวิตคนเรา มันทั้งสั้น และรวดเร็ว น่าแปลกนะ
ความเสียใจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่ากัน แต่ขอว่าอย่าทำให้ เสียความรู้สึกจากคำๆนั้น 
เพราะต่อให้คุณ "สำนึก" ได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ความรู้สึกที่เสียไป ก็ไม่สามารถกลับมาดังเดิมได้ 
สุดท้าย ผลที่ตามมา คือ การไม่เชื่อใจอีกต่อไป 
หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีใจตัวยากกว่า 
หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีปัญหาไม่ได้ 
หนีอะไรก็หนีได้ ถ้าหนีเพื่อตั้งหลักกลับมาสู้ใหม่ 
แต่หนีอะไรก็ไม่ได้เลย ถ้าหนีเพราะไม่ยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้น 
เมื่อเจอปัญหา>>>อย่าเพิ่งท้อ>>>พอท้อมันจะถอย>>>พอถอยมันก็จะล้ม>>>พอล้มมันก็จะเจ็บ>>>พอเจ็บแล้วมันหมดแรง 
หมดหวัง หมดอาลัยตายอยาก สุดท้ายก็หมดปัญญาแก้ปัญหา 
สิ่งเดียวที่ควรทำ คือ ทำใจ ยอมรับ และลองมองคนที่ลำบากกว่าเรา มีปัญหามากกว่า แล้วคิดว่า เขาอยู่มาได้อย่างไรหนอ 
แล้วเอาสิ่งที่คิดได้ มาใช้กะเราบ้าง เท่านั้น 
๒๕ 
คำบางคำ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่พูดยาก 
คำบางคำ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่พูดบ่อย ก็ไร้ค่า 
คำบางคำ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่ไม่พูด ก็ไม่เข้าใจกันและกัน 
คำบางคำ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่ไม่จริงใจต่อให้พูดอย่างไร ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น 
คำถาม : เราจะอยู่กับอดีต หรือ ปัจจุบันเราแก้ไขอดีตได้ไหม 
ทำไมไม่อยู่กะปัจจุบัน แล้วข้อผิดพลาดในอดีตมาแก้ไข เพื่อให้ปัจจุบันเรามีทุกข์น้อยที่สุด 
คนเราย่อมมีเหตุและปัจจัยของชีวิตที่ต่างกัน จึงมีคำพูดที่ Life is Learning, Life is Practice, 
Life is Education 
"คนเราถ้าไม่รู้จักความผิดพลาด ก็ยังเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ คนเรายังไม่นำข้อผิดพลาดมาแก้ไข ก็ยังเป็นมนุษย์ที่ 
สมบูรณ์ไม่ได้"เช่นกัน 
ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ 
สูงต่ำ อยูที่ทำตัว 
ยังคงใช้ได้ตลอดกาล เพียงแต่เรา "อย่า" ใช้อคติในการตัดสินสิ่งต่างๆ 
แต่จงใช้ปัญญา หรือ โยนิโสมนสิการ ให้มาก 
จะดีชั่ว เพียงไร สุดท้ายก็ไม่พ้นกรรม 
เพราะปัจจุบัน กรรมติดจรวด
๒๖ 
วันนี้ ฝนตกแต่เช้ามืด 
ตกมาแรงบ้าง โหมกระหน่ำบ้าง ปรอยๆบ้าง แต่สุดท้ายก็มีเวลาหยุดให้อาทิตย์ส่องแสงบ้าง 
เฮ้อ ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน ก็ต้องเจออุปสรรคหนักบ้าง เบาบ้าง ตามเหตุและปัจจัยดุจสายฝน 
แต่เชื่อเถอะ ถ้าเราพยายามดำเนินชีวิตไปด้วยกุศลธรรม "ฟ้าหลังฝน" ย่อมสดใสเสมอ 
คำว่า แพ้ จะไม่มีในพจนานุกรมชีวิตของใคร หากคุณมีใจที่สู้เพื่อวันข้างหน้าเสมอ 
เพลงของนักร้องวัยรุ่นสมัยนี้ สามารถสอนเราได้หลายๆอย่าง 
อย่างเพลงผ่านมาให้แค่จำ ของพีท พีระ เทศวิศาล 
ก็เป็นเพลงหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตคนเราต้องพบเจออะไรต่าง ๆ มากมาย ล้วนมาผ่านเข้ามา สุดท้ายมันก็จะผ่านไป 
ยังคงเหลือเพียงความทรงที่ถูกฝังลงไปพร้อมๆกับอดีต ทำให้นึกถึงคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า อดีตมันผ่านไป 
แล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง จะไปยึดถืออะไรเล่า อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด 
นั่นแหละ เราคงจะกล่าวงง่ายๆ ได้ว่า อดีตเป็นบทเรียนให้เรามาแก้ไขในปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด 
เพื่ออนาคตที่สดใสอย่างน้อย เพลงทุกเพลงก็สามารถสอนเราได้ ลองพิจารณาดีๆ 
ในทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม 
ย่อมพบเจอสุข และทุกข์ ทั้งนั้น 
และเราก็เชื่ออยู่เสมอว่า 
" ในความทุกข์ ย่อมฉาบไปด้วยความสุขเสมอ" 
และ 
" ในความสุข ก็ย่อมแฝงไปด้วยความทุกข์เสมอ" เช่นกัน 
คนโบราณว่า ชั่ว ๗ ที ดี ๗ หน แน่นอน ไม่มีใครจะเจอแต่เรื่องเลวร้ายตลอดชีวิต และก็ไม่มีใครจะสุขสมหวัง 
ตลอดไป แต่ทั้ง ๒ อย่างนั้น ย่อมให้ผลเสมอๆ แต่ต่างที่กรรม และวาระ เท่านั้น 
“การยอมแพ้ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอเสมอไป 
บางครั้งมันหมายความว่าคุณเข้มแข็ง 
ที่จะปล่อยให้บางอย่างผ่านไป” 
งานใด ๆ จงอย่าคิดว่าเขาขาดเราไม่ได้ เราสำคัญสำหรับเขา 
พึงสังวรไว้เสมอๆ ว่า เขาอาจจะมีหนทาง บุคลากรใหม่ๆ ที่ดีกว่า เก่งกว่าก็เป็นได้ อย่าทรนงตัวเอง
เคยไหม ไม่รู้เรื่อง แต่โดนว่าลับหลัง เคยไหม ไม่รู้เรื่อง แต่โดนเหน็บจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง 
เคยไหม ไม่รู้เรื่อง แต่โดนนินทาต่อเติมจากเรื่องไม่มีมูล เคยไหม รู้เรื่อง แต่โดนนำไปเป็นตัวหลักของเรื่อง 
และเคยไหม เรื่องบางเรื่อง ยังไม่ได้ทำจริง แต่โดนกล่าวหา 
นี่แหละ คนอยากได้ อยากเด่น อยากดัง โลภเป็นหลัก โมหะตามติดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ชอบทำให้เรื่องใหญ่โดย 
ใช้เหตุแต่เคยไหมที่จะนึกว่าผลข้างหน้าหากคนนั้นรู้เรื่องเข้า จะเป็นเยี่ยงไรแต่เข้าใจ คนเราพอไม่พอใจอะไร 
ทุกอย่างก็สามารถทำได้ แต่ระวัง อาจจะโดนเอาคืนเป็นแสนเท่าพันทวี 
บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้จำ 
บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้เจ็บ 
บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้ทุกข์ 
บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้สุข 
บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้รู้ 
บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้เข้าใจ 
บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้แก้ไข 
บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้ชดใช้ 
และบางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้ทำทุกอย่างที่บอกไป 
แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องราว ที่ผ่านมา เพื่อให้เราตระหนักว่า มันคือกรรม 
สมัยนี้คนเรา โดยอย่างยิ่ง ลูกศิษย์ที่สอนมา ขาด การ "ส.ว.ด." กันมาก 
ขาดการ "ส.ว.ด." กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน 
ไม่ว่าจากสื่อต่างๆ ทีวี ข่าว บทความ แม้กระทั่ง status ใน Facebook 
บางครั้ง อาจจะเข้าใจไปเอง โดยไม่รู้ความหมายที่สื่อกอกมา 
ส.ว.ด. คือ สวดอะไร... 
ส. - เสพ อย่างปราศจากอคติ 
ว. - วิเคราะห์ วินิจฉัย สิ่งที่เสพ ตามหลักโยนืโสมนสิการ 
ด. - ดุลยพินิจ ของตนมาพิจารณาความเป็นได้ ตามหลักของเหตุและผล ไม่คิดเองเออเอง จนเกิดความรังเกียจ ความลุ่ม 
หลง ต่อสิ่งที่เสพ 
... เพราะฉะนั้น หันมาสวดกันเยอะๆ อย่าเพียง เสพอย่างเดียวจนงเกิดอคติต่อสิ่งที่พานพบเลย 
๒๗
๒๘ 
เคยสังเกตไหม 
ทำไมบางคนทำงานบางอย่างได้ดีจนน่าตกใจ มีสิ่งพิเศษในตัวที่ทำอะไรๆ ก็ดีไปหมด ผิดกับบางคน นั่น เพราะ 
เขามี born to be พูดง่ายคือ พรสวรรค์ 
แล้วเคยสังเกตบ้างไหม 
บางคนไม่ได้มีพรสวรรค์ แต่เขากลับทำอะไรๆ ได้ดีเช่นเดียวกัน จากเดิมที่เขาไม่สามารถเลย นั่นเพราะเขา try 
to be คือ พรแสวงต่างหาก 
เพราะฉะนั้น คนเรา ไม่ได้เก่งเหมือนกันทุกคน IQ ไม่ได้สูงเหมือนกันทุกคน แต่คนเราก็สามารถที่จะทำได้ เพราะ 
เรามีพรแสวง ต่อให้คนนั้นโง่ เพียงไร ถ้ามีพรแสวงเสียอย่าง ทุกอย่างก็สำเร็จดังใจนึก แม้ว่าจะใช้เวลานานก็ตาม 
และอย่าลืมว่า บางครั้ง ชีวิตคนเราอาจต้อง try to be, Not born to be เพื่อความสำเร็จประโยชน์ที่ตั้งใจไว้ 
ธรรมดาของบุคคลในปัจจุบัน 
เป็นธรรมดาที่เราควรมองโลกให้เป็นยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ เพราะโลกนี้ช่างซับซ้อนมากขึ้น อยู่ยากมากขึ้น เข้าใจยาก 
ยิ่งขึ้น 
เพราะฉะนั้น จงพิจารณาว่า เรื่องบางอย่างสอนได้เฉพาะกะบางคน แต่สำหรับบางคนก็สอนอะไรไม่ได้เลย ไร้ 
ความหมายที่จะพูด อุเบกขา แล้วแผ่เมตตาเถอะ 
(ปัญหามีให้แก้ ให้คิด แต่อย่านำปัญหามาเป็นบาทฐานของชีวิตก็แล้วกัน) 
ความต้องการของชีวิตที่คนเรามุ่งหวัง 
๑. เงิน 
๒. ความสุข 
๓. คนดีๆ ที่คอยเดินเคียงข้าง 
ทำอย่างไรให้ได้มาล่ะ 
๑. รู้จักให้ 
๒. ใส่ใจเขา 
๓. เบาวจี 
๔. มีมโนสุจริต 
๕. ละผิดให้นิรันดร์ 
ไม่ยาก แต่ก็ ไม่ใช่ง่าย แต่หาก รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย เขา คือใคร รบอะไร เขาคือสิ่งปรารถนา รบกับสิ่งที่ 
เป็นอุปสรรคขัดขวางความมุ่งหวัง 
ยาก แต่ควรทำ หากมุ่งหวังด้วยใจจริง
อย่าทำตัวเหมือน ป.ล.ว.ก. ได้แก่ ป. : เปะปะ ไม่มีระเบียบ ไม่มีวินัย ล. : เละเทะ มั่วสุม ใจง่าย ง่ายกับทุก 
สิ่ง. ว. : วุ่นวาย ทำตัวให้วุ่นกับเรื่องคนอื่น ไม่สนตัวเอง นินทากาเลเป็นเรื่องเอก ก. : เกะกะ. ทำตัวเกะกะ เที่ยว 
ขัดขวางความดี ความเจริญของคนอื่น มือไม่พาย แต่ชอบเอาเท้าราน้ำ. ถ้าทำตัวเช่น ป.ล.ว.ก. ความเจริญเป็นอันอย่าหวัง 
หากละ ป.ล.ว.ก. ออกจากชีวิตได้ ความเจริญ ความรักใคร่ ความเมตตาจาดผู้ใหญ่ ย่อมหวังได้เสมอ 
บางคน เกิดมาเพื่อต่อสู้กับทุกสิ่ง 
บางคน เกิดมาเพื่อนอนกินนั่งกิน 
บางคน เกิดมาเพื่อเป็นข้าคนอื่น 
บางคน เกิดมาเพื่อรอส่วนบุญ 
แต่บางคน เกิดมาเพื่อสร้างบุญ 
แต่บางคน เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม 
แต่บางคน เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์งาน 
... ไม่ว่าเราจะเกิดมาเป็นแบบไหน เกิดมาเพื่ออะไร เราไม่พ้นกรรม เพราะเรามาจากกรรมจัดสรร กรรมบันดาล กรรมแจก 
แจงมาให้ 
... อย่าน้อยใจในโชคชะตา แต่จงดีใจที่ได้เกิดมาใช้กรรม และจงดีใจที่ได้เกิดมาต่อกรรมดี 
ในชีวิตของคนเรา ไม่มีหรอกที่จะไม่เคยร้องไห้ แถมร้องมาแต่เด็ก แต่ร้องยังไงก็ยังมีวันหยุดร้อง เช่นกัน ในชีวิต 
คนเรา ไม่มีหรอกที่จะทุกข์ตลอดจนจบชีวิต มันต้องมีสุขบ้างสิ สุข-ทุกข์ มันของคู่กัน เพียงแต่เรามองทางไหน ชีวิตก็เป็นบท 
ละคร เรื่องหนึ่ง แค่เผอิญมีเราเป็นตัวหลัก เป็นตัวนาง และ ละครเรื่องนี้ ไม่ได้มีบทให้เราท่องจำ มีเพียงความรู้สึกนึกคิด 
เหตุผล และผลของกรรมเป็นตัวกำหนดให้เรื่องดำเนินไป แถมตอนจบเราก็ยังไม่รู้อีกว่าจะเป็นเช่นไร ที่แน่ๆ ตอนจบของละคร 
ชีวิต ไม่ได้ สุข สมหวัง เสมอไป 
อย่าลืมนะ สุข ทุกข์ ใครเป็นคนกำหนด เรานั่นแหละเป็นคนกำหนด เอาใจไปผูกไว้ ไปผสานไว้ เพราะคนเราชอบ 
๒๙ 
มโนนึกเอง เข้าข้างตัวเองเสมอ 
ล้มได้ก็ลุกได้ อ่อนแอได้ ก็เข้มแข็งได้ 
เราเชื่อว่า ท่านมีวุฒิภาวะพอจะคิดจะทำ เหนื่อยใจนัก ก็พักก่อน ค่อยเดินต่อ ที่สำคัญ ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน 
ทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงได้ตลอด 
สู้ต่อไป กะ ละครชีวิตที่บัดซบ
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต
สารัตถะ ชีวิต

Más contenido relacionado

La actualidad más candente

สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญาสุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
Tongsamut vorasan
 

La actualidad más candente (8)

บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่5
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่5บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่5
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่5
 
คำคมคารมปราชญ์
คำคมคารมปราชญ์คำคมคารมปราชญ์
คำคมคารมปราชญ์
 
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโทคำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
 
ศิลปะแห่งความรัก
ศิลปะแห่งความรักศิลปะแห่งความรัก
ศิลปะแห่งความรัก
 
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่3
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่3บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่3
บทยรรยายแสงเทียนแด่แม่3
 
บทกลอนแด่แม่
บทกลอนแด่แม่บทกลอนแด่แม่
บทกลอนแด่แม่
 
บทบรรยายอำลาเพื่อน
บทบรรยายอำลาเพื่อนบทบรรยายอำลาเพื่อน
บทบรรยายอำลาเพื่อน
 
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญาสุภีร์ ทุมทอง   สติปัญญา
สุภีร์ ทุมทอง สติปัญญา
 

Similar a สารัตถะ ชีวิต

FWD MAIL ...คิดไม่ถึง
FWD MAIL ...คิดไม่ถึงFWD MAIL ...คิดไม่ถึง
FWD MAIL ...คิดไม่ถึง
taweesak supanan
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
Achara Sritavarit
 
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
Nongkran_Jarurnphong
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
Panda Jing
 
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเราความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
Suradet Sriangkoon
 
ทุกข์หลุด
 ทุกข์หลุด ทุกข์หลุด
ทุกข์หลุด
Nop Pirom
 
การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ
การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอการจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ
การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ
Sarid Tojaroon
 
การไม ตัดสินใจ
การไม ตัดสินใจการไม ตัดสินใจ
การไม ตัดสินใจ
Tanapat Tanakulpaisal
 

Similar a สารัตถะ ชีวิต (20)

อาจเคยมองข้าม
อาจเคยมองข้ามอาจเคยมองข้าม
อาจเคยมองข้าม
 
FWD MAIL ...คิดไม่ถึง
FWD MAIL ...คิดไม่ถึงFWD MAIL ...คิดไม่ถึง
FWD MAIL ...คิดไม่ถึง
 
อนิจจา วัตสังขารา
อนิจจา วัตสังขาราอนิจจา วัตสังขารา
อนิจจา วัตสังขารา
 
Luangpoo thon
Luangpoo thonLuangpoo thon
Luangpoo thon
 
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัยชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
ชวิตนี้มีแต่สุข_อ.เฉลิมชัย
 
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
Dhamma nearby 16/06/2011volume 54
 
แนวคิดดีๆ 15 ข้อ
แนวคิดดีๆ 15 ข้อแนวคิดดีๆ 15 ข้อ
แนวคิดดีๆ 15 ข้อ
 
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
สำหรับทุกคน [โหมดความเข้ากันได้]
 
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
เรียนรู้วิธีออกจากทุกข์
 
Luangpor intawai13
Luangpor intawai13Luangpor intawai13
Luangpor intawai13
 
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเราความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
ความสุขนั้น เกิดจากใจของเรา
 
Brain
BrainBrain
Brain
 
ทุกข์หลุด
 ทุกข์หลุด ทุกข์หลุด
ทุกข์หลุด
 
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
คำนำทำ 2 (ตามดูรู้จิต)
 
การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ
การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอการจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ
การจะมีคู่แท้สักคน... จึงต้องใช้เวลาในการแสวงหาเสมอ
 
การไม ตัดสินใจ
การไม ตัดสินใจการไม ตัดสินใจ
การไม ตัดสินใจ
 
คำสอนหลวงพ่อชุด1
คำสอนหลวงพ่อชุด1คำสอนหลวงพ่อชุด1
คำสอนหลวงพ่อชุด1
 
One Pointed Mind
One Pointed MindOne Pointed Mind
One Pointed Mind
 
Premiummate001
Premiummate001Premiummate001
Premiummate001
 
Kamnamtham 5
Kamnamtham 5Kamnamtham 5
Kamnamtham 5
 

Más de Theeraphisith Candasaro

Más de Theeraphisith Candasaro (20)

หนังสือเรียนวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม นักธรรมชั้นตรี แผนใหม่
หนังสือเรียนวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม นักธรรมชั้นตรี แผนใหม่หนังสือเรียนวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม นักธรรมชั้นตรี แผนใหม่
หนังสือเรียนวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม นักธรรมชั้นตรี แผนใหม่
 
คู่มือพระกรรมวาจาจารย์บรรพชาอุปสมบท
คู่มือพระกรรมวาจาจารย์บรรพชาอุปสมบทคู่มือพระกรรมวาจาจารย์บรรพชาอุปสมบท
คู่มือพระกรรมวาจาจารย์บรรพชาอุปสมบท
 
แบบฝึกหัดนักธรรมชั้นโท ปี 2563
แบบฝึกหัดนักธรรมชั้นโท ปี 2563แบบฝึกหัดนักธรรมชั้นโท ปี 2563
แบบฝึกหัดนักธรรมชั้นโท ปี 2563
 
แบบฝึกหัดนักธรรมชั้นตรี ปี 2563
แบบฝึกหัดนักธรรมชั้นตรี ปี 2563แบบฝึกหัดนักธรรมชั้นตรี ปี 2563
แบบฝึกหัดนักธรรมชั้นตรี ปี 2563
 
เอกสารประกอบการศึกษานักธรรมชั้นตรี
เอกสารประกอบการศึกษานักธรรมชั้นตรีเอกสารประกอบการศึกษานักธรรมชั้นตรี
เอกสารประกอบการศึกษานักธรรมชั้นตรี
 
บทอาศิรวาท เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ ๑๐
บทอาศิรวาท เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ ๑๐บทอาศิรวาท เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ ๑๐
บทอาศิรวาท เฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ ๑๐
 
แผนปฏิบัติการการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ระดับวัด UPDATE
แผนปฏิบัติการการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ระดับวัด UPDATEแผนปฏิบัติการการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ระดับวัด UPDATE
แผนปฏิบัติการการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ระดับวัด UPDATE
 
e-Donatin
e-Donatine-Donatin
e-Donatin
 
คู่มือพระอุปัชฌายะฉบับย่อ
คู่มือพระอุปัชฌายะฉบับย่อคู่มือพระอุปัชฌายะฉบับย่อ
คู่มือพระอุปัชฌายะฉบับย่อ
 
คำแผ่บุญกุศล
คำแผ่บุญกุศลคำแผ่บุญกุศล
คำแผ่บุญกุศล
 
แผนปฏิรูปสมบูรณ์
แผนปฏิรูปสมบูรณ์แผนปฏิรูปสมบูรณ์
แผนปฏิรูปสมบูรณ์
 
คำผิดที่พบบ่อยในวิชาบุรพภาค
คำผิดที่พบบ่อยในวิชาบุรพภาคคำผิดที่พบบ่อยในวิชาบุรพภาค
คำผิดที่พบบ่อยในวิชาบุรพภาค
 
หลักสัมพันธ์ไทย
หลักสัมพันธ์ไทย หลักสัมพันธ์ไทย
หลักสัมพันธ์ไทย
 
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอกกระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นเอก
 
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นโท
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นโทกระทู้ ธรรมศึกษาชั้นโท
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นโท
 
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นตรี
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นตรีกระทู้ ธรรมศึกษาชั้นตรี
กระทู้ ธรรมศึกษาชั้นตรี
 
Put the right man on the right job
Put the right man on the right jobPut the right man on the right job
Put the right man on the right job
 
ปัจจัยในกิริยากิตก์
ปัจจัยในกิริยากิตก์ปัจจัยในกิริยากิตก์
ปัจจัยในกิริยากิตก์
 
โครงการบรรพชาสามเณร นักเรียนจ่าทหารเรือ ชั้นปีที่ ๒ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
โครงการบรรพชาสามเณร นักเรียนจ่าทหารเรือ ชั้นปีที่ ๒ เพื่อเฉลิมพระเกียรติโครงการบรรพชาสามเณร นักเรียนจ่าทหารเรือ ชั้นปีที่ ๒ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
โครงการบรรพชาสามเณร นักเรียนจ่าทหารเรือ ชั้นปีที่ ๒ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
 
คุณธรรมข้าราชการ
คุณธรรมข้าราชการ คุณธรรมข้าราชการ
คุณธรรมข้าราชการ
 

สารัตถะ ชีวิต

  • 1. ๑ Lost time is never found again... เวลาที่เสียไปย่อมหาไม่ได้อีก แล้วทำไมเรา ถึงอยากกลับเริ่มต้นใหม่ในอดีต? มาเริ่มต้นใหม่ในปัจจุบันแล้วทำให้ดีที่สุดเชื่อมโยงไปสู่อนาคต ไม่ดีกว่าหรือ ! กาโล ฆสติ ภูตานิ สพฺพเนว สหตฺตนา กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวเอง ขุทฺทกนิกาย ชาตก ทุกนิปาต กาลเวลาไม่หวนย้อนคืน เฉกเช่นสายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ แล้วเราล่ะเวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านไป เราได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ ??? ชีวิตเรามันสั้นและรวดเร็ว เราจะประพฤติอย่างไรไม่ให้กาลเวลามันกินเราได้ ลองคิดดู ! วันๆหนึ่งที่กำลังจะผ่านไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทุกอย่างยังคงเดินต่อไป วันที่ไม่ได้สำคัญอะไร สำหรับเรา... นาฬิกา กับ ช่วงชีวิตคน เวลา ๖.๐๐ น. เปรียบได้กับ วัยเด็ก แรกเกิด ถึง ๑๐ ขวบ เวลา ๙.๐๐ น. เปรียบได้กับ วัยรุ่น ๑๑ ถึง ๒๐ ปี เวลา ๑๒.๐๐ น. เปรียบได้กับ วัยผู้ใหญ่ ๒๑ ถึง ๓๐ ปี เวลา ๑๘.๐๐ น. เปรียบได้กับ ผู้สูงวัย ปลดเกษียณ อายุ มากกว่า ๖๐ ปี หากคนเราคิดอายุเปรียบเทียบกับเวลาในแต่ละวัน เราจะมองออกว่า ในแต่ละวัน เราได้ทำประโยชน์อะไรไปแล้วบ้าง ลองคิดปริศนาที่แฝงไว้ให้ดีๆ คุณจะเข้าใจกับชีวิตที่แสนรันทดเจ็บปวดนี้ อีกมากมายทีเดียว เวล่ำ เวลา
  • 2. นี่แหละ...ใจ ๒ ฝนตกกลางใจ ใครจะแก้ ฝนตกมากแท้ ใครจะสน ฝนตกพรำพรำ หนาวสุดทน ฝนตกเวียนวน จนปวดใจ ใจต้องหนักแน่นสู้ ปัญหา ใจสงบเกิดปัญญา ผ่องแผ้ว ใจยิ่งพิจารณา ทุกสิ่ง ใจสว่างจิตสุขแล้ว ดั่งร้างกิเลสไกล จิตใจอร่ามน้ำ ทิพย์มนต์ จิตดั่งวิมุตติพ้น หลุดได้ จิตไกลห่างกิเลสล้น ยิ่งใหญ่ จิตทั่วรู้ถ้วนไท้ เที่ยงแท้บ่มี ภูผา ย่อมใหญ่กว้างและแข็งแรงไม่หวั่นไหว ใจเราล่ะ จงสังเกตใจ ดูใจ พิจารณาใจเราให้ดี แล้วเราจะเห็นอะไรที่ยังไม่เคยเห็นอีกเยอะ รักคนอื่น รักได้ แต่อย่าลืมรักตัวเอง แพ้อะไร แพ้ได้ แต่อย่าแพ้ใจตัวเอง ล้มเหลวจากอะไร ล้มได้ แต่อย่าล้มเหลวเพราะความคิดชั่ววูบของตนเอง รู้จักที่จะรัก พร้อมที่จะแพ้ เตรียมรับมือกับความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นอยู่กับปัจจุบัน ทุกอย่างเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์อันล้ำค่า ลองถอยหลังสักก้าวสิ แล้วพรุ่งนี้ คุณจะเดินหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ ท้องฟ้าบางวันก็สดใส บางวันก็หม่นหมอง ย่อมเป็นไปตามธรรมดาของธรรมชาติ จิตของมนุษย์ก็เช่นเดียวกันสุก สกาวบ้าง มืดหมองบ้าง จะเอาอะไรมากกันเล่า พึงทำจิตให้ว่าง เป็นปัจจุบัน ให้เท่าทันจิต แล้วจะรู้ด้วยตนเองว่า “อ๋อ มัน เป็นเช่นนั้นเอง” โดยไม่ว่าจะสดใสแค่ไหน หรือหม่นหมองเพียงไร เราจะไม่สะทกสะท้านเลย เพราะมันเป็นธรรมดาตาม ธรรมชาตินั่นเอง
  • 3. จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตปรุงแต่งชีวิตนี้ให้สุขให้ทุกข์ คนเราไม่มีสุขที่แท้จริง มีเพียงแต่ทุกข์เท่านั้นที่เข้ามาใน ชีวิต ทุกข์มาก ทุกข์น้อย ก็อยู่ที่เรา ไม่มีใครมาทุกข์กับเราได้ ทุกข์ ก็เรา โทมนัสก็เรา คิดไปใยกับคนอื่น ทุกคนเพียงมี กรรมแก่กัน มาชดใช้กัน เมื่อหมดกรรมก็จากกันไปเป็นธรรมดาของวัฏจักร ยึดไว้หนักเปล่า ปล่อยไปใจสบาย การจะทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง นอกจากอาศัยความตั้งใจจริงแล้ว ยังต้องอาศัยทั้งใจของเราทั้งของบุคคลอื่น ให้รักที่จะค้นคว้าเสมอๆ ๐ จงเฝ้าย้ำย่ำไว้...........เตือนตน เตือนจิตเป็นมงคล...........นอบน้อม กายจิตวจียล.................อย่าปล่อย.....สตินา รู้ทั่วตัวพรั่งพร้อม............เพริศแพร้วนรชน ๓ เจ็บกาย รักษาได้ เจ็บใจ เคียดแค้น พยาบาท ไม่สามารถรักษาได้ 1+1=2 2+2=4 3+3=6 ใจ+ใจ=? ตอบเท่าไหร่ไม่รู้ รู้เพียงแค่ว่า บุคคลที่ให้ใจ ซื้อใจ กระทำทุกอย่างด้วยใจอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ย่อมได้ใจยกกำลัง 2 กลับมาแน่นอน อย่าลืมว่า… ใจสำคัญที่สุด สำคัญยิ่งกว่า กาย ใจท้อ กายก็โทรม ใจเข้มแข็ง กายก็สดใส
  • 4. ๔ มันคือ...รัก รู้สึกว่า เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน ประเทศไทยคงอยู่ในช่วง “ดอกส้มสีทองฟีเวอร์” หรือ “เรยาฟีเวอร์” จากละคร ในท้ายที่สุดก็ไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งคนที่รักมากที่สุด นี่แหละชีวิต เราได้เรียนรู้กับคำว่า “รัก” และคำว่า “เจ็บ” เมื่อเจอกับตัว จงพร้อมและมีสติตลอดเวลา อย่าประมาทกับเรื่องแม้น้อยนิด “จงดูละครแล้วย้อนดูตัวเราเสมอ” เพราะละคร ไม่ได้ไร้สาระเพียงอย่างเดียว แต่ !ละครสะท้อนสังคมและชีวิตในปัจจุบันเสมอ โอ้ดวงดาวดวงเดือนเลื่อนลอยลับ ระยิบยับพร่าวพร่างกลางเวหา สาดส่องแสงแรงสู้คู่จันทรา เยี่ยงสุริยาส่องสาดกลางกมล เหม่อมองดาวพราวเดือนเตือนสำนึก ให้รู้สึกอ้างว้างทางฉงน โดดเดียวดายอยู่ท่ามกลางผู้คน ใจหมองหม่นหมดแรงสู้พยุงกาย ณ วันนี้เหมือนได้แก้วที่ปลายฟ้า ดุจสายรุ้งทอทอดมาเมื่อยามสาย สว่างไสวสุขสล้างทางเรียงราย สู่จุดหมายอันอบอุ่นกรุ่นอกใน จากนี้ไปจนจบบทละคร ทุกฉากตอนสอนชีวิตคิดไฉน ได้เคียงคู่เยาวมาลย์หวานฤทัย ด้วยเสี้ยวใจใส่เติมรักไปตามกาล เจ้าเหมือนซึ่งแสงเทียนเล่มน้อยน้อย เจ้าค่อยค่อยส่องแสงเกษมศานต์ ความอ้างว้างโดดเดี่ยวเศร้าโศกพาล อวสานสูญสิ้นด้วยแสงใจ โอ้เจ้ายอดดวงชีวันเจ้าขวัญจิต ข้าขอมอบชีวิตพิสมัย ให้เจ้าช่วยดูแลเจียระไน เพิ่มอุ่นไอความสุขนิจนิรันดร์ ฯ
  • 5. ๕ ความรักก็เหมือนยาดม ยาดม มีกลิ่นหอมเท่าไหร่ ก็ยิ่งสดชื่น สดใส เช่นนั้น แต่หากเมื่อใด ยาดมหมดกลิ่นลง แม้จะเติมความหอมใหม่ เท่าไหร่ มันก็ไม่หอมสดชื่นเหมือนเดิม เช่นเดียวกับความรัก หากเมื่อใดที่รักเริ่มจางไป ห่างกันไป หรือมีปัญหาใด ๆ ต่อให้กลับมาคบกันใหม่ รักกันใหม่ ความรู้สึกที่ได้มาก็ไม่เหมือนเดิมเหมือนเริ่มแรก จงพิจารณาดูว่า จะเปลี่ยนยาดมหลอดใหม่ หรือยังคงใช้อันเดิม ที่รอคอยการ เติมเชื้ออยู่เรื่อยๆ แต่อย่าลืมว่าสุดท้ายก็หมดกลิ่นเหมือนกัน ปัญหาใดๆ ที่เกิดซ้ำแล้วพึงระลึกไว้เลยว่า เมื่อมีครั้งแรก ครั้งที่ ๒ ๓ ๔ ย่อมตามมาตัดใจ หรือ ให้ไปต่อ เลือกเอา "ฉันอยากเดินไปกับคุณ เดินไปพร้อมๆ กัน จับมือไปด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน ขอเพียงแต่ว่า คุณอย่าปล่อยเราออกจากัน...ได้ไหม?" ความรักในช่วงแรกๆ ก็หวานชื่น แล้วนานไปล่ะ? จะปล่อยมือ หรือ สะบัดทิ้ง ตอนจบ ก็คงร้างลากันไป นี่แหละสัจจธรรมแห่งสามัญ ๑. รักกันก็เกิดขึ้น (เกิดขึ้น) ๒. รักมันยังคงอยู่ (ตั้งอยู่) ๓. สุดท้ายก็เลิกรากันไป (ดับไป) "หากเธอมีความสุข ฉันจะสุขไปกับเธอด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่นึกถึงฉันก็ตาม หากเธอมีความทุกข์ ฉันจะทุกข์ไปกับเธอด้วย และขอให้จำไว้ว่า ขอให้นึกถึงฉันเป็นคนแรก ฉันจะดีใจมาก" ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะอะไร คำกล่าวนี้ย่อมมีแก่คุณเสมอๆ จากบุคคลเหล่านี้คือ พ่อแม่ ครูอาจารย์ และมิตรแท้เท่านั้น กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุด ของทุกคน คือ กล้ามเนื้อของหัวใจ เจ็บ ปวด แสบ กับแผลทางกาย ไม่เท่าไหร่ แต่แผลใจต่อให้นานแค่ไหน ก็เหมือนมันสดใหม่อยู่เสมอ การที่คุณจะรักใครสักคน คุณรักพระอรหันต์ในบ้านเพียงพอแล้วหรือ
  • 6. คุณเคยมีความรักบ้างไหม คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อมีมัน เวลาคุณอกหักล่ะจะตายให้ได้หรือเปล่า ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเรื่อยๆ แต่วันนี้เรายังยิ้มได้โดยที่ไม่มีใคร เคยมองย้อนกลับไปบ้างรึเปล่าว่า เพราะอะไร ลองมองย้อนกลับไปทบทวนสิ่งเหล่านั้นที่คุณพบเจอมาซิ แล้วคุณก็จะรู้ว่า คุณเก่งและเข้มแข็งขนาดไหนที่ผ่านวันเวลาที่ทรมามานมาได้ แล้วชีวิตที่เหลืออยู่ คุณจะอยู่เพื่อใครดี ถ้าไม่ใช่เพื่อตัวเองและคนที่รักคุณมากที่สุดในโลก การรอคอยบางอย่างอย่างใจจดใจจ่อ มันช่างทรมานเหลือหลาย ๖ ยิ่งการรอคอยตามสัญญายิ่งทรมาน เคยไหม...เวลาคิดถึงใครซักคนไม่กล้าส่งข้อความไปหา เคยไหม...เวลาอยากโทรไม่กล้าโทร กลัวเขาจะไม่รับหรือตัดสาย เคยไหม...เวลาจะทำอะไรจะพูดอะไร จะรู้สึกอึดอัด เคยไหม...เวลาเหงาๆ ชอบฟังเพลง อกหัก รักคุด เคยไหม...เคยถามตัวเองไหม ว่าเราก็อยากทำตามใจตัวเองบ้าง เคยไหม...เวลามีปัญหา เราก็อยากปรึกษาปัญหากับคนนั้น แต่กลัวจะสร้างปัญหาให้เขา เคยไหม...เคยนอนร้องไห้คนเดียวไหม เคยไหม...เคยคิดว่าคนที่เราคบอยู่ เขาไม่ได้รักไหม เคยไหม...เคยทุ่มเทให้กับคนๆนึง แต่เขาไม่เคยรับกับการกระทำของเราเลย เคยไหม................ คนตาย คือคนที่ไม่มีลมหายใจ แต่คนที่ตายจากใจ ต่อให้มีลมหายใจยังไงก็"ไร้ตัวตน" คนเป็น คือคนที่ยังมีลมหายใจ แต่คนเป็นที่ไร้เยื่อใย ต่อให้รักแค่ไหนยังไงก็"ไร้ค่าเสมอ" คนสาปสูญ คือคนที่ไม่รู้ว่าตายหรือเป็น แต่คนสาปสูญที่หายไป ต่อให้นานเท่าไหร่ถ้าเรายังคิดถึงยังไงเขาก็"มีค่าเสมอ"
  • 7. ยามหลับใหลหลงลุ่มกลุ้มดวงจิต ยามนึกคิดสับสนระคนหา ยามความรักปักกลางทางอุรา ยามทิวาราตรีมิหวนคืน ยามฉันหายกลายกลับลับสูญสิ้น ยามเมฆินมืดคล้ำกล้ำเเข็งขืน ยามวารีไหลไปไม่หวนคืน ทุกวันคืนขอเฝ้าฝันฉันรักเธอ คนเราก็แปลก พอเริ่มเข้ามาทำความรู้จัก เริ่มจะให้ดอกรักแบ่งบาน ๗ ในที่สุดพอแบ่งบานเต็มที่ ความรักก็จบลงอย่างไม่ทันตั้งตัว นี่แหละความรัก หากคิดจะรัก ต้องเจ็บให้เป็น เมื่อเจ็บ ต้องรู้จักรักษาตัวให้เป็น
  • 8. ๘ คุณธรรมนำใจ คุณธรรมนำใจให้ชาติสุข ไร้ความทุกข์เสริมสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ล้วนสงบราบเรียบทั่วมณฑล วิถีชนโชติช่วงชัชวาลย์ หากแม้นว่าคุณธรรมเริ่มถดถอย เริ่มเหลือน้อยค่อยหายคล้ายอวสาน ทั้งแก่งแย่งชิงเด่นดีอยู่ทุกกาล อันดวงมานล้วนห่อเหี่ยวไม่เจริญ โปรดเถิดเราเร่งรุดพัฒนาจิต โปรดพินิจคิดดีให้สรรเสริญ โปรดละเว้นคิดชั่วไม่จำเริญ โปรดก้าวเดินตามครรลองพุทธธรรม์ ด้วยเหตุนี้จึงคิดสร้างทางผู้กล้า สร้างปัญญาสร้างความรู้สร้างสุขสันต์ เพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมเอนกอนันต์ บรรจงพลันบ่มเพาะสงเคราะห์ใจ ฯ คนเป็นครู จงเป็นครู ทั้งกาย และใจ ต่อให้อยู่ที่ไหนก็เป็นครู ตั้งใจทำหน้าที่ต่อไป การควรกอปรจิตไว้ ตั้งมั่น กอปรกับกายพร้อมพลัน พรั่งพร้อม สัตย์ซื่อสัจจะอัน ล้ำค่า ละโลภด้วยจิตน้อม ยึดไว้หลักการ การรักษาสัจจะ เป็นสิ่งสำคัญของมนุษย์ หากไร้สัจจะแล้ว สังคมก็เสื่อม บุคคลไร้ซึ่งสัจจะ ยากจะอยู่ในสังคมนี้ ย่อมไม่ได้รับความจริงใจจากบุคคลรอบข้าง ศิษย์มีครู เหมือนงูมีพิษ ศิษย์ไร้ครู เหมือนงูไร้พิษ ศิษย์ข้ามครูเหมือนงูสารพัดพิษ ศิษย์แซวครู เหมือนงูเห่าพ่นพิษ พึงสังวร จงรักษาสัจจะให้มั่น แล้วท่านจะได้รับความจริงใจเป็นผลลัพธ์
  • 9. ๙ เมื่อถึงวันเกิดของคุณอีกครั้ง คุณนึกจะทำอะไรเป็นสิ่งแรกกันล่ะ ระหว่างความสนุกกับความกตัญญู การศึกษา ต่อให้สูงส่งเพียงไร มีใบปริญญาสักกี่ใบ ไม่ว่ามหาวิทยาลัยนั้นจะโด่งดังเพียงไหน ก็ไม่สามารถวัดค่าความเป็นคนได้ แต่ จิตใจอันประกอบด้วยคุณธรรม และมีหิริโอตตัปปะเป็นบาทต่างหากเล่า เป็นเครื่องวัดค่าของคนในสังคมนี้ เพราะฉะนั้น คนที่มีความรู้ ควรมีคุณธรรมประกอบร่วมด้วย ดังปรัชญาการศึกษาที่พบเห็นบ่อยๆ ที่ว่า "ความรู้คู่คุณธรรม" การเป็นผู้นำ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ในองค์กรใดๆ แน่นอนว่า สิ่งสำคัญที่สุดของผู้นำ คือลูกน้องที่คอยช่วยประคับประคอง ให้องค์กรนั้นๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่มิใช่ความรู้ที่เก่งกาจ ความสามารถในทุกๆส่วน มิใช่วาจาอันแกล้วกล้า จะทำ อย่างไรถึงจะเอาใจลูกน้องไว้ได้ ประการแรก ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ คือ หลักพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ข้อนี้ ถือเป็น แม่บทของผู้นำที่ควรมี ควรเป็น ควรประกอบไว้ในตน ประการที่ ๒ คือ หลักสังคหวัตถุ ๔ ได้แก่ ทาน การให้ การแบ่งปัน ทั้งอามิส ธรรม และอภัย ปิยวาจา ถ้อยคำ อันน่ารัก อัตถจริยา ประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม สุดท้ายคือ สมานัตตา เป็นผู้เสมอต้นเสมอปลาย ไม่เอนเอียง ประการที่ ๓ ซึ่งจำเป็นยิ่งคือ ผู้นำควารปราศจาก อคติ คือลำเอียง ทั้งลำเอียงเพราะรัก ลำเอียงเพราะชัง ลำเอียง เพราะกลัวหรือเกรงใจ และลำเอียงทั้งความโง่เขลา การจะดูแลลูกน้องให้ยอมพลีกาย พลีใจ ร่วมพัฒนาองค์กร ควรดำเนินตามหลักทั้ง ๓ อย่างเป็นอย่างน้อย กล่าว สั้นๆ คือ การซื้อใจลูกน้องก็ว่าได้ เพราะเหตุว่า ผู้นำไม่สามารถนำพาองค์ไปได้เพียงคนเดียว มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ พระอุรุเวลากัสสปสาวก ที่มีบริวารมาก ยอมบวชพร้อมกัน ไม่ทิ้งกัน เพราะท่านก็มีการซื้อใจลูกน้อง ปัจจุบันล่ะ เห็นมาก หลายกรณี ผู้นำเป็นเช่นไร คงไม่ต้องเอ่ย แต่จงดูเอา แล้วถ้าวันหนึ่งเราจักต้องก้าวมาอยู่ใน แถวหน้าเราจักทำเยี่ยงไร ฝากให้คิดอย่างมีเหตุมีผลมีปัญญา ถ้ายังผิดอยู่ หลงทางอยู่ ยังมืดบอดอยู่ ช่องทาง แสงสว่าง หรือ บันได ยังมีอยู่ เสมอ เชื่อเถอะ ลูกน้องจะยอมทำ เรียกว่า ถวายหัว ก็ย่อมได้
  • 10. สารพัดเรื่อง “ตน” หลักสำคัญของความเป็นมนุษย์ในสังคมนี้ เพื่อความเป็นสุข มีเพียงไม่กี่ข้อ แต่ช่างทำได้ยาก ๑. สัจจะ หากเสียไป ใครเล่าจะเชื่อถือในน้ำคำ ๒. ซื่อสัตย์ หากเสียไป ใครเล่าจะไว้ใจให้ทำงาน ๓. อโลภะ หากเสียไป ใครเล่าจะจริงใจด้วย ๔. กตัญญู หากเสียไป ใครเล่าจะคบหาเชิดชูและยึดถือเป็นแบบอย่าง ๑๐ หัวโขนที่นิยม คนเรามีหัวโขนต่างกันไป ในแต่ละหัวโขนย่อมมีหน้าที่ของมันอย่างชัดเจน เมื่อสวมหัวโขนชนิดไหน ควรตรึกตรอง พิจารณาหน้าที่ของหัวโขนนั้นให้ถี่ถ้วนและถูกต้อง แล้วปฏิบัติตามอย่างเต็มใจ เต็มกำลัง เต็มความสามารถ เช่นนั้นแล้ว จึงจะได้ชื่อว่า ทำหน้าที่ตามหัวโขนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องละอายใจเมื่อมีคนรู้ คนเห็น ไม่ต้องเสียใจ เมื่อถูกตักเตือน ไม่เดือดร้อนใจกังวลถึงผลกระทบที่จะตามมา เพราะฉะนั้น “คุณ” ทำหน้าที่ตามหัวโขนแห่งตนแห่งตน ได้ดีแล้วหรือยัง ถ้ายัง เรายังมีโอกาสให้เปลี่ยนแปลงอยู่ จงรีบ อุปสรรคบ่มี บารมีบ่เกิด อุปสรรคเลยเถิด มันเลยเกิดบารมี จงพร้อมที่จะเจ็บ จงเก็บทุกประสบการณ์ จงบริหารทุกขณะจิต จงคิดทุกจิตนำเสนอ จงอย่าเผลอทำตามอารมณ์ จงข่มตัณหาของตน จงสนใจใฝ่เรียนรู้ และจงมีชีวิตอยู่คู่กับคุณธรรม จงพากเพียรปฏิบัติตามแบบพระบรมศาสดาเจ้า แต่ !!!ถ้าไม่ได้ก็ขอแค่เอาเยี่ยงทา่นเป็นปฏิปทาก็พอแล้วชีวิตนี้
  • 11. ด้วยมืดมา มืดไป ช่างไร้ค่า สว่างมา มืดไป ยิ่งไร้ผล ด้วยมืดมา สว่างไป ไม่อับจน เกิดเป็นคน มีหนทาง สว่างไป ————————————— เพียงเข้าใจ ใช้ชีวิต ไม่ผิดพลาด ไม่ประมาท เป็นทาสกาม ตามตัณหา เกรงกลัวบาป เกรงกลัวกรรม ไม่นำพา ที่มืดมา ก็สว่าง เป็นทางไป ————————————— หากใฝ่ต่ำ ทำตัว ไม่กลัวผิด มีจริต คิดเมามัว ชั่วไม่ถอน เปรียบได้ดัง ดอกบัวใต้ ตมตะกอน ย่อมแน่นอน ร้อนรน มืดมนไป ————————————— เมื่อได้เกิด ประเสริฐมา กว่าสัตว์ไหน อย่ามืดไป ให้เสียชาติ อนาจหนอ มีศีลห้า มาทำดี อย่ารีรอ จะได้พอ พบทาง สว่างไป วันวานแวววับลับแสงสิ้น ระรวยรินหลั่งไหลลื่นลงหนอ น้ำตาตกหล่นร่วงรุลำคอ กล้ำกลืนรอคืนวันผันกลับมา โอ้ว่าอนิจจาไม่แท้เที่ยง ทุกอย่างเพียงสิ่งสร้างเสกสรรหา ระเริงร่วมให้ประจักษ์แก่นัยน์ตา มินำพามายาล้วนลอกลวงตน ทนฺโต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ ในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตน ประเสริฐสุด ๑๑ ขุ.ธ. ๒๕/๓๓ กาพย์ห่อโคลง หมู่มนุษย์ผู้เริ่ม ฝึกฝน กายกอปรจิตแห่งตน หัดได้ เร่งผลาญกิเลสร้อนรน ราบเรียบ มลายนา พระศาสดาตรัสไว้ ฝึกได้แสนประเสริฐ มนุษย์ผู้ฝึกตน ละร้อนรนในสังสาร ปลดเปลื้องเครื่องบ่วงมาร ย่อมรู้กาลควรเป็นไป รู้เหตุมาจากกรรม แล้วน้อมนำมาแก้ไข ฝึกฝนทั้งกายใจ ฝึกฝนในทางสายกลาง โปรดละอกุศล ในทุกหนค่อยสะสาง
  • 12. โลภโกรธหลงอำพราง ในทุกข์ทางสร้างความดี โปรดละซึ่งตัณหา ตัวนำพาหมดราศรี ใคร่อยากทุกนาที ดุจชลธีให้ว่ายวน โปรดสร้างทางปัญญา อุเบกขาควรฝึกฝน ซื่อสัตย์แลอดทน ก่อกุศลขจรไกล เมตตาควรเชี่ยวชาญ อธิษฐานเป็นนิสัย ควรกอปรจิตอำไพ หลักธงชัยพิชิตมารฯ ๑๒ อยากรู้ต้องถาม อยากเข้าใจต้องเห็น อยากทำต้องเป็น อยากอยู่เย็นต้องอุเบกขา สัพเพ สัตตา ช่างมัน กรรมใคร กรรมมัน กมฺมุนา วตตี โลโก อย่าเอากรรมเขามาต่อกรรมเรา แม้กรรมเรายังใช้ไม่หมดเลย จำไว้ ! เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด ไม่อยากเอ็นขาด พึงพิจารณาด้วยปัญญา บางครั้งบางเวลาก็ใช้เหตุผลไม่ได้ ต้องใช้ใจเท่านั้น ในทางกลับกัน บางอย่างก็ใช้ใจไม่ได้ ก็ต้องเอาเหตุผลมาว่า มาตัดสิน ที่สำคัญ ต้องเตรียมใจเผื่อไว้ในทุกกรณี เมื่อเจ็บจะได้ไม่สาหัส เมื่อดีใจจะได้ไม่หลงงมงายเกินไป
  • 13. ๑๓ การเดินทางของชีวิต มีคนเคยบอกว่า ชีวิต คือ การเดินทางที่ต้องเรียนรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่ละวันเราก้าวไปบนเส้นทางที่เราเลือกที่จะ เดินและเลือกที่จะเป็น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร คงไม่มีใครอยากให้มันผิดพลาด มีแต่อยากให้หนทางของ เรานั้นสวยงามเป็นในแบบที่เราคิด ในบางวัน เราก้าวเดินอย่างรวดเร็ว เร็วจนแทบจะวิ่งด้วยความเชื่อมั่น แต่ในบางวัน ใจ ดวงเดิมของเรามันกลับฝ่อ เราแทบจะหยุดนิ่งหมดแรง ไม่เข้าใจกับหลาย ๆ สิ่ง ที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ และเช่นกันในบางวัน เราจึงขอเดินให้ช้าลงซักนิด เผื่อจะได้มีเวลาคิดทบทวน หรือชื่นชมทิวทัศน์ข้างทางบ้าง จนบางทีก็มารู้ตัวว่า เราอาจจะไปผิด ทางด้วยซ้ำ หรือสงสัยว่าตัวเองกำลังหลงทางอยู่หรือไม่ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ได้เจอกับทางออก เพราะอย่าง น้อยเราก็ได้ลองไปในที่ที่ไม่เคยไป หรืออาจกำลังไปในที่ที่ไกลกว่าเดิมก็ได้ หากชีวิตคือการเดินทางจริง ๆ เมื่อมีเริ่มต้นก็ต้องมีจุดหมายปลายทาง และมีทางออกให้กับทุกเส้นทางเสมอ จงให้ เวลากับหนทาง แล้วมันจะพาเราไปเจอกับเรื่องใหม่ ไม่ว่าเส้นทางเส้นนี้มันจะผิดพลาดหรือไม่ ในเมื่อเราเลือกที่จะเดินทางนี้ แล้ว เราจงทำมันให้ดีที่สุดเท่าที่จะมีแรงทำมัน และจงไปให้ถึงซึ่งปลายทาง แม้ว่าทางข้างหน้านั้น เราไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดที่ ตรงไหน ขอเพียงอย่ายอมแพ้ที่จะก้าวต่อไป และอย่าพยายามที่จะหยุด จงเผชิญหน้ากับมัน โชคลาภยศศักดิ์พร้อม ยั่งยืน สิริกอปรทุกวันคืน ครอบไว้ เลิศชีพยิ่งโลกฟื้น สวรรค์ฝาก สุขจิตอิ่มใจไซร้ สุขภาพพร้อมพูนเกษม ในชีวิตคนเราไม่ต้องการอะไรมาก แค่ความเอาใจใส่ พร้อมดูแลความรู้สึกกัน ก็เพียงพอ แต่จงอย่าหลงคิดเข้าข้างตัวเอง นั่นจะเป็นหอกแทงตัวเราจนดิ้นไม่หลุด สุดท้ายจะไม่เหลือใครเลย เราพร้อมจะยอมรับกับมันไหม เพราะฉะนั้น เมื่อเราเริ่มอยากจะได้รับการเอาใจใส่ การดูแลความรู้สึกจากใคร เราก็จะเจ็บโดยไม่รู้ตัว และไม่มีใครมาเจ็บกับเรา เพราะถือได้ว่า เราทำตัวเราเอง แต่จงดูแล และเอาใจใส่ตัวเองก่อน ค่อยเรียกร้องขอจากคนอื่น
  • 14. ดอกบัวงามอร่ามล้นชลธี ล้วนขจีแจ่มแจ้งแถลงไข แม้เกิดแต่เหง้าตมระทมใจ ครั้นเติบใหญ่สล้างสดปลดราคิน เฉกเช่นมนุษย์สุดประเสริฐ ล้วนย่อมเกิดดุจบัวหลากสีศิลป์ เติบจากโคลนโตจากตมเป็นอาจิณ มิผกผินดีชั่วพินิจเทอญ ชีวิตมนุษย์เรา หากจะเปรียบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ขอยกเอา “ดอกบัว” ซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ดอกบัวนั้นเติบโตมาจากเหง้า ซึ่งอยู่ในโคลนตม ต้องผ่านพ้นการเป็นเหยื่อของเต่า ปลา จนกว่าจะโผล่พ้นน้ำ รับแสงอรุณ ของวันใหม่ พร้อมแบ่งบานชู้ก้านอวดกลีบใบอันสวยสด แล้วชีวิตมนุษย์เราล่ะ เป็นเช่นนั้นหรือไม่? ๑๔ การที่คุณกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วมีคนยอมรับผลของมัน พร้อมแสดงความคิดเห็นเพื่อการพัฒนา และคุณก็นำความคิดเห็นนั้นไปต่อยอดองค์ความรู้ของคุณ เมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่าคุณได้โตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวทีเดียว อดีตเป็นครูอย่างดี ปัจจุบันเป็นแบบฝึกหัดที่ยากแก่การเข้าใจและแก้โจทย์ ส่วนปัจจุบันเป็นผลของการแก้โจทย์ปัญหาในอดีต มีคนบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันอยู่ที่การกระทำ ทางแก้ก็คือให้เรากลับหลังหันแล้วเดินออกมาในทางเข้าของปัญหานั้น แล้วปัญหามันจะรู้จบไหมล่ะ คนเราถ้าคิดจะทำดี แสดงว่า คนคนนั้นยังไม่ได้ลงมือกระทำ เพราะความดีไม่ต้องคิดที่จะทำ ลงมือทันทีเลย ในชีวิตคนเรา ไม่มีหรอกที่จะไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่กระทำลงไป ยอมรับมัน และพร้อมที่จะลงมือแก้ไขมันทุกเมื่อ แล้วจงอย่ายอมให้มันเกิดขึ้นอีก เพราะชีวิตเรามันน่าสงสาร ใครก็ไม่สามารถช่วยได้นอกจากเราเอง
  • 15. ใบไม้ ใบไม้สีน้ำตาลแก่กำลังค่อย ๆ ปลิวตามลมร่วงหล่นมายันพื้นดิน พอมองย้อนขึ้นไปช่างน่าขัน ทำไมหนอเราก็เห็น อยู่วัน แต่ไม่เคยจะคิดถึงมันเลยสักที แน่ล่ะ ชีวิตเราจะมีอะไร นอกจากวันหนึ่ง ตื่นขึ้นสายตาก็จับจ้องอยู่แต่นาฬิกา วันนี้จะ สายไหม จะไปทันทำงานไหม จะมีเวลาหาอะไรทานรองท้องไหม พอเสร็จก็ต้องฝ่าฟันความเป็นความตายบนท้องถนนมาที่ ทำงาน มาถึงก็ก้มหน้าก้มตา ทำแต่งาน ไปทั้งวัน ได้เวลาพักเที่ยงก็ไปหาอะไรทานให้เร็วแล้วก็กลับมาทำงานต่อ ช่วงเลิก งานก็รีบกลับ รถช่างติดดีเสียจริงเหมือนเหล่ามัจฉาหลายร้อยตัวรอคอยผู้ใจบุญมาให้อาหาร พอมาถึงบ้านก็ต้องทำงานบ้าน สารพัดอย่าง ชีวิตช่างเหนื่อยเสียจริง ใช่ มันเป็นเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ ในทุก ๆ วัน เราต้องสู้กับเวลา ผู้คน และ งาน เราสูญเสียอะไรไปไหม เราประมาทกับชีวิตเราไปนานเท่าไหร่แล้ว จะทันไหมที่จะกลับมาสนใจตัวเราจริง ๆ อีกครั้ง ชีวิตคนเราไม่มีอะไรมาก พระพุทธเจ้าเราสอนไว้ว่า ชีวิตเรามีเพียงเกิด แก่ เจ็บ และตายไป มีเพียงบุญกับบาป เท่านั้นที่ตามเราไป ไปไหนไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ ๆ ไปตามแรงกรรมที่เราได้กระทำไว้ นึกไปแล้วก็มีคำถามหลาย ๆ อย่างที่ ผ่านเข้ามาให้คิด ๑. ปีนี้เราอายุเท่าไหร่แล้ว ๒. เราทำงานอะไร ทำย่างไร ๓. เราทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นหรือยัง ๔. เรามีสติมากพอไหมกับการใช้ชีวิตนี้ ๕. คนที่เรารักล่ะ เราเป็นคนดีพอสำหรับพวกเขาหรือยัง ๖. และสุดท้าย เราจะมีโอกาสปรับตัว ปรับใจ กับสิ่งที่ผิดพลาดมาในอดีต อีกนานแค่ไหนกัน ชีวิตเราก็เหมือนกับใบไม้นั่น เกิดใบอ่อนมา ค่อย ๆ เจริญเติบโตเป็น ใบที่แข็งแรง ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างแข็ง ขัน สุดท้ายพอถึงวัยก็ร่วงโรยรา ปลิดตัวเองลงสู่พื้นดิน อันเป็นจบหน้าที่เท่านั้นเอง ๑๕ เคยรู้สึกไหมว่าชีวิตเราก็เหมือนเชือกที่มีปมยุ่งเหยิง ที่เราต้องค่อยๆแก้ไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ซึ่งมีทั้งปมที่ง่าย และยากสลับกันไป ลองย้อนดูสิ แล้วคุณจะรู้ It not over until is over. มันยังไม่จบ จนกว่ามันจะจบ แล้วมัน จะจบเมื่อไหร่ หากใจเราไม่จบ จริงไหม ?
  • 16. ๑๖ เมื่อนั่งมองออกไปยังท้องฟ้ายามเย็น มันช่างหดหู่ อ้างว้าง แสงสีทองส้ม บ่งบอกให้ถึงความร้อนแรงเต็มไปด้วยทุกข์ทน ทรมาน แต่ในความร้อนแรงนั้นย่อมแฝงไปด้วยพลังพร้อมจะระเบิด หรือปรับเปลี่ยนตนเองทันที เพียงแต่เรายังมองไม่เห็น ดุจมีเศษผงมาบดบังตาทุกข์ใด ๆ ย่อมมีทางแก้ไข ขอเพียง มองธรรมชาติให้เป็นธรรมะ แล้วสังคมที่เราเผชิญจะสดใสขึ้น คำพูดของคนก็เฉกเช่นเดียวกับสายลม ไม่ว่าสายลมนั้นจะบางเบาหรือรุนแรง แต่ในที่สุด ก็จะสงบลง แต่สิ่งที่ทิ้งไว้ คือความเสียหายเท่านั้น จะยึดไปทำไมกับลมเหล่านั้น จงทำตัวให้เป็นดุจขุนเขา ไม่สะท้านแม้ลมจะรุนแรงเท่าใด แค่รู้หน้าที่ ของตน สิ่งที่ตนต้องทำ ทางที่ตนต้องเดิน แล้วทำให้ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว เท้าของเราเอง เราก้มมองดูหรือยัง??? ต้นไม้เติบโตมาได้จนกระทั่งใบหลุดร่วงไปฉันใด ชีวิตคนเราก็เจริญโตเต็มแล้วร่วงโรยปรากฏความชราและจบลงสู่ สามัญคือแผ่นปฐพีฉันนั้น จะไปสนใจใยกับความเป็นของโลกว่าจะแตกหรือไม่ กลับมาสนใจสติ สนใจตนให้ดำรงอยู่ใน ความไม่ประมาท รักษาจิตให้เท่าทันปัจจุบัน รักษาซึ่งความบริสุทธิ์แห่งศีล เพื่อโลกหน้ามิดีกว่าหรือ ขุนเขาแข็งแกร่งเพียงไร ก็มีวันพังทลาย ฉันใดก็ฉันนั้น ใจคนเราเข้มแข็งเพียงใดก็ย่อมมีวันอ่อนแอเสมอ โลกคือละคร จะเอาอะไรแน่ ก็แค่เล่นไปตามบทของมันอย่างมีสติก็พอ Chocolate Chocolate หมายถึง ความมัวเมาอันแสนหวาน แต่มันก็ขม นี่แหละชีวิตคน มีทั้งขมทั้งหวาน เปรียบเสมือนสุข และทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคนเรา ไม่ว่าเราจะได้อะไรมา สักวันหนึ่ง เราต้องคืนเขาไป นั่นสิ ในโลกนี้ไม่มีใครได้อะไรมาฟรีๆ ทุกอย่างต้องมีของแลกเปลี่ยนทั้งนั้น
  • 17. ของมีค่า ต่อให้แปดเปื้อนบ้าง แต่พอล้างก็หาย ก็ยังมีคุณค่า แต่คนต่อให้สะอาด ไม่แปดเปื้อน แต่ใจสกปรก เอาน้ำยาฟอกขาวมาขัดก็ไม่มีคุณค่า ก็ต้องละทิ้งไป ๑๗ ทุกคนมีความจริงอันเลวร้ายซ่อนอยู่ภายในลึก ๆ จงเลือกจำ และปรับปรุงมันซะ บางทีคนเราก็ทำให้คนอื่นลำบากโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้แล้ว จงหยุดซะ อย่าทำความลำบากทั้งกาย ทั้งใจ แก่คนนั้นอีกเลย จงหายใจด้วยจมูกของตนเอง อย่ายืมจมูกคนอื่นเลย จงใช้มือของตนสร้างผลงานให้ดีที่สุด อย่ายืมมือคนอื่นเลย จงเดินด้วยเท้าของตนเอง อย่ายืมเท้าคนอื่นเลย จงใช้ความรู้สึกของตนให้ถูกทาง อย่าพึ่งความรู้สึกคยอื่นเลย เพราะบางทีอาจไม่ใช่แบบที่เราคิด บางอย่างมันก็ไม่มีความสำคัญ หรือความหมายอะไรให้จดจำ จำไปก็เท่านั้น ลืมเสีย อยู่กับปัจจุบัน อย่าหวนถึง วันวาน ที่ไร้ความหมายต่อจิตใจ ลืมให้หมด คุณทำได้ไหม ? ผมทำไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันสอนใจเรา ให้เข้าใจคน เข้าใจโลก เพราะฉะนั้น อดีต จึงเป็นเครื่องเตือนสติเรา ให้อยู่ในปัจจุบัน เพื่อทำดีต่อไป วันที่ฉันล้ม วันนี้ฉันล้มลงตรงนี้ ที่ที่ฉันตั้งใจกับมันอย่างสุดชีวิต แต่วันข้างหน้าฉันจะสง่าและ เก็บการล้มนั้นเป็นบาทให้ยืนรอย่างงดงาม แต่หากวันนี้ฉันสง่างาม ยืนด้วยความทรนง ฉันก็ยังกังวลอยู่ว่าทางข้างหน้าจะมี ก้อนหิน หรือหลุม บ่อบ้างไหมที่จะให้ฉันสะดุด และล้มลงอย่างหมดท่า แต่ฉันจะยืนอย่าง มีสติ เตรียมพร้อมเสมอสำหรับการล้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
  • 18. ๑๘ ทุกคนรักความรู้สึกตัวเองทั้งนั้น แต่อย่าลืมแคร์ความรู้สึกของคนรอบข้างที่มีอิทธิพลต่อในการดำเนินชีวิต และก็อย่าแคร์มากไปจนลืมความรู้สึกของตน จงกล้า ในสิ่งที่ควรกล้า จงชน ในสิ่งที่ควรชน จงยอม ในสิ่งที่ยอมได้ จงนิ่ง ในสิ่งที่เราผิด และยอมรับมัน แต่จงแผ่เมตตา สำหรับทุกๆเรื่อง เพื่อการไม่ต่อเวร จองเวร เราตั้งหากที่ทำร้ายตัวเอง สร้างทุกข์ขึ้นมาเอง คิดเอง ปรุงแต่งเอง โหยหาเอง อย่าไปโทษใครเขาเลยว่าทำให้เราเจ็บ ให้ซ้ำ ให้ต้องทุกข์ใจ... การที่จะให้เราเข้าใจ "คนอื่น" มันยากนัก แต่...การที่จะเข้าใจ "ตัวเราเอง" จิงๆยากยิ่งกว่า ยากนักกับการให้คนอื่นมาเข้าใจเรา เราเป็นเรา เขาเป็นเขา บางครั้งคนเราก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัวที่ไม่อยากให้คนอื่น เข้าใจบางครั้งเราก็เป็นโรคหิวความรัก อยากให้คนอื่นเข้าใจที่เราเป็น ที่เราทำ อาจมาจากการที่เราทำไรไปแล้วกลับไม่มี feedback กลับมาทำให้เราไม่รู้ผลของมัน น้องว่า ปล่อย วางอุเบกขา แล้วพยายามเลี่ยงที่จะให้คนอื่นเข้าใจ แต่ทำใจ เราให้เข้าใจตน และคนอื่น ผลย่อมจะส่งเอง แม้จะไม่เร็ว แต่ผลที่ได้คือเราสบายใจ ชีวิตมันคือการเรียนรู้ จงเรียนรู้ให้ครบทุกรสชาติ และใช้ทุกรสชาติให้เป็นประโยชน์กับชีวิต อากาศเริ่มเปลี่ยนแล้ว มรสุม ร้อนแดดส่องแรงรุม อบอ้าว ยามฝนตกปกคลุม โรยร่วง หนาวนอ ชีวิตย่อมปวดร้าว เจ็บไข้ร้อนฝน
  • 19. ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ สุดหล้า แดดส่องแสงเจิดจ้า ทุกถ้วน ยังมืดหม่นทั่วนภา เมฆหมอก เฉกเช่นชีวิตล้วน กลับร้ายดีสนอง ความรู้อาจใช่ได้ จากหญ้า อยู่แต่ดินใต้ฟ้า ทุกผู้ ตั้งแต่เด็กจนชรา พ้นไม่ มลายเเฮ ผิดถูกนั้นย่อมรู้ สว่างแจ้งบาปกรรม ๑๙ ยากอะไรก็ไม่ยากเท่าปฏิสังขรณ์ ถอนอะไรก็ไม่ยากเท่าถอนมานะ ละอะไรก็ไม่ยากเท่าละกามคุณ บุญอะไรก็ไม่มากเท่าบุญอุปสมบท หาอะไรก็ไม่ยากเท่าหาตัวกูของกู ทำอะไรก็ไม่ยากเท่าทำใจให้ยอมรับตนเอง หนีอะไรก็ไม่ยากเท่าหนีใจตนเอง รักอะไรก็ไม่มากเท่ารักตัวเอง เพราะฉะนั้น...สิ่งที่น่ากลัวที่สุด คือ ตัวของเราเอง สิ่งที่มีค่ามาก คือ ความคิด สิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่น คือ ความคิด สิ่งที่ไร้สาระมากที่สุด คือความคิด สิ่งอันเป็นบ่อเกิดของอกุศล ก็คือ ความคิด การทำอะไร จะให้ประโยชน์ ให้สร้างสรรค์ ให้เลวทราม ล้วนขึ้นอยู่กับความคิด Positive Thinking ย่อมสร้างสรรค์สิ่งดี ต่อ ตนเอง สังคม ถ้าใช้ปัญญาพิจารณา
  • 20. ความสุขของคนเรา มิได้มีเพียงความสุขจากอามิส อันเกิดจากวัตถุสิ่งของที่เข้ามากระทบทางผัสสะทั้ง ๕ เท่านั้น แต่ ความสุขที่แท้จริงที่ยั่งยืนที่สุดคือ ความสุขทางใจ ซึ่งเราไม่สามารถหาที่ไหนได้ในสามโลกนี้ เพียงแค่เรามองหาในตัวเรา ในจิตเรา มีคิดดี ประกอบด้วยเมตตา กรุณา สร้างสรรค์ด้วยสติ สัมปชัญญะ ไม่หลงระเริงกับอามิสรอบตัว ใช้ปัญญาพิจารณา ตามหลักเหตุและผล พึงเตือนสติเสมอว่า จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ทุกอย่างเกิดแต่จิต สำเร็จก็ด้วยจิต เมื่อจิตประสงค์ไป ในทางที่ดีแล้ว ความสุขใจย่อมตามมา แต่อย่าลืมว่า ความประสงค์ในทางที่ดีนั้นต้องไม่เดือดร้อนผู้อื่นด้วยประการทั้งปวง นั่นแหละถือว่า สร้างสุขให้กับตนเองได้โดยไม่พึ่งอามิส เหนื่อยใจกะคนที่ไม่เข้าใจอะไรในโลก เหนื่อยใจกะคนที่ไม่พยายามเรียนรู้ความเป็นไปของโลก เหนื่อยใจกะคนที่ไม่รู้จักพอกับการใช้ชีวิต เหนื่อยใจกะคนที่ไม่ยอมรับความเป็นจริงของชีวิต แต่เราสุขใจ...ที่เรารู้ทันตัวเอง S.U.M.O. S.U. - Shut Up M.O. - Move On Sometimes we need to rest in order to increasing energy. When it is completed, I will come back and fight it again. All of things that around me are hard and incomprehensible. ๒๐ LET'S IT BE! ทุกอย่าง มันเริ่มจากคนๆ หนึ่ง แล้วมันก็ควรจะจบด้วยคนๆนั้น ทุกอย่าง มันเริ่มจากเหตุๆ หนึ่ง แล้วมันจึงให้ผลเช่นนั้น ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้น สุดท้ายก็จบที่คำๆ นั้น คือ ขอโทษ ทั้งๆ ที่ ไม่รู้ว่าใครผิด ใครถูก หรือต่างฝ่ายต่างผิดแล้วมองไม่เห็น หรือฝ่ายหนึ่งยอมที่จะขอโทษ โดยให้อีกฝ่ายเกิดความละอายใจ
  • 21. ชีวิตคนเราก็เหมือนต้นไผ่ เริ่มแตกหน่อแตกก่อ กว่าจะเติมโตเป็นต้นไผ่ที่สมบูรณ์หวุดหวิดจะถูกตัดเสียหลายครั้ง ถูก ถอนหน่อเสียหลายหน เมื่อเติบโตสมบูรณ์ก็โอนเอียงไปตามแรงลมที่พัดพาให้ไปในแต่ละทิศหรือยึนหยัดมั่นคงไม่ไหวเอนยาม ไร้แรงลมนำพา ฉันใด ชีวิตก็ฉันนั้น มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ราบเรียบบ้าง และจะอยู่อย่างนั้นไปจนหมดลมหายใจ พร้อมหรือยังกับปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่เรามุ่งหวังไว้ว่าจะปรับ เปลี่ยน ปรุง แปลง ในชีวิตของเรา ไปพร้อมๆ กับวิถี ชีวิตอันตื่นเต้นตามครรลองแห่งวัฒนธรรมตะวันตก จะพูดให้ง่ายก็ ปีใหม่นี่แหละ พร้อมหรือยังกับสิ่งที่เราตั้งใจจะเดินทางให้ถึงมันด้วยกำลังใจอันกล้าแข็ง แรงกายที่มหาศาล พร้อมหรือยังกับการเตรียมชีวิตอันไม่แน่นอนกับโลกใบนี้ พร้อมหรือยัง ? ๒๑ ความสุขของแต่ละคนก็อาจจะแตกต่างกันออกไป บ้างก็มีความสุขกับการได้นั่งฟังเพลงหลังทำงาน บ้างก็มีความสุขกับการเปิดเฟสบุ ๊คคุยกับใครสักคน บ้างก็มีความสุขกับการออกไปช็อปปิ้ง บ้างก็มีความสุขกับการที่ได้ใช้ชีวิตตามสิ่งที่ตนเองวาดฝันไว้ สำหรับผม ความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้คนรอบข้าง และได้บันทึกภาพความรู้สึกนั้นโฟกัสเป็นภาพความทรงจำ เป็นสิ่งที่มีความสุขมากที่สุดแล้ว เงาก็ต้องอยู่ส่วนเงา จะไปอยู่ร่วมกับสิ่งที่ไม่ใช่เงาได้อย่างไร เงาจะอยู่ได้ก็เพราะมีแสงสว่างเท่านั้น หมดแสง เงาก็หมดความหมาย เมื่อวานสุข วันนี้ทุกข์ พรุ่งนี้อาจจะเจ็บ เอาอะไรที่แน่นอน มันต้องวนไปมาอย่างนี้เรื่อยไป เราจะรับได้ไหมกับสิ่งที่เดินเข้ามาหา ไม่ใช่แค่ทน แต่ต้องฟันฝ่าไปให้ได้ แม้ใจจะอ่อนล้าเพียงใดก็ตาม ยิ่งท้อยิ่งเจอ ยิ่งหนียิ่งตามมาให้เจอ ยิ่งหลบ มันก็ยิ่งจะชอนไชไปนความรู้สึก ยอมรับมัน แล้วลุกขึ้นสู้ต่อให้ใจเราเจ็บเจียน แต่มันก็ต้องมีวันที่ใจเราสดใสได้เหมือนกัน
  • 22. การที่คุณกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วมีคนยอมรับผลของมัน พร้อมแสดงความคิดเห็นเพื่อการพัฒนา และคุณก็นำความ ๒๒ คิดเห็นนั้นไปต่อยอดองค์ความรู้ของคุณ เมื่อนั้นคุณจะรู้สึกว่าคุณได้โตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวทีเดียว การทำความดีทำง่าย แต่ความชั่วทำยาก จริงไหม?? ในชีวิตนี้คุณเลือกที่จะมีความสุขหรือความทุกข์ ผมเลือกความทุกข์นะ เพราะหลวงพ่อพุทธทาสกล่าวว่า ชีวิตคนเราไม่มีหรอกความสุข มีแต่ทุกข์มากหรือทุกข์น้อยกว่ากัน ในอดีตผมวิ่ง แต่ปัจจุบันผมเลือกที่จะเดินแบบค่อยๆไป เพราะวิ่งมันเหนื่อยและล้มเหลวง่าย ผมจึงขอที่จะเริ่มใหม่ด้วยการเดินทีละก้าวอย่างมั่นคง ทุกคนมีโอกาสที่จะเริ่มเดินใหม่ได้เสมอ ถ้าคุณเริ่มเหนื่อยกับชีวิต คนเราเวลาขอพร ก็ขอให้มีความสุข ให้ร่ำรวย ให้มีโชคลาภ ทำมาหากินคล่อง เคยบ้างไหมที่จะขอพรว่า ขอให้ข้าพเจ้าหมดลมด้วยความไม่ประมาท และเคยบ้างไหมที่จะกระทำตามนั้น ชีวิตคนเราเอาอะไรมาก เกิดมาต้องเจอกับปัญหามากมาย เรารับได้ไหม พร้อมจะแก้ไหม หรืออยากหนีปัญหา มีคำโบราณบอกว่า คนเรานั้นต้องเจอกับอุปสรรคนานา เพราะอุปสรรคเป็นตัวสร้างบารมีให้บังเกิด จงยอมรับและเดินหน้าเถอะ การเดินทาง เสมือนการเรียน ยิ่งสูงชันเท่าไหร่ การเรียนก็ยิ่งยากเท่านั้น ถ้าเราฝ่าฟันมันได้ จนถึงจุดหมาปลาย แล้วนั่นคือ คุณประสบความสำเร็จในการเรียน หนึ่งรอยยิ้มของคุณที่มีต่อคนอีกหลายคน มันมีค่าเสมอ จงฝึกยิ้มเพื่อความสุขของตนเองและผู้อื่น แม้จะทุกข์ใจเพียงไร รอยยิ้มจะทำให้คุณดีขึ้น
  • 23. ๒๓ คนดี คนเลว คนดีหรือคนเลว มองที่ตรงไหน การกระทำ คำพูด หรือฐานะทางสังคม คนที่คุณดูว่าเลวอาจจะดีก็ได้ถ้าคุณมองจากใจจริงของคุณ ทุกวันนี้คุณอยู่กับใคร ทุกวันคุณอยู่กะตัวเอง หรือ คนที่คุณรัก หรือ คนที่คุณสงสาร หรือ คนที่คุณรังเกียจ หรือ คนที่รักคุณ คนเหล่านี้คุณจะเลือกอยู่กับเขาได้ไหม หรือว่าคุณต้องอยู่กับพวกเขาทั้งหมด??? คำสัญญาใดใดก็ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด คือการกระทำ ที่มาจากใจ เรามีคนฝากความหวังไว้มากมาย จงอย่าท้อ ลุกขึ้น แล้วหันหน้าเข้ากระจก มองคนในกระจกแล้วบอกว่า รู้นะว่าท้อ เข้าใจนะว่าเหนื่อย กับการต้องแบกรับความหวังไว้ เธอนะเก่งแล้วที่รู้และเข้าใจในความหวังนั้น เธอนะเก่งแล้วที่พยายาม เธอนะเก่งแล้วที่ต่อสู้มาถึงจุดนี้ อีกนิดเดียวก็จะถึงฝันแล้ว สู้สิ ชีวิตต้องสู้ เพื่อใครล่ะ แน่นอน เพื่อเรา และคนที่ฝากความหวังไง
  • 24. ๒๔ ชีวิตทุกคนมีเกิดและมีดับเป็นธรรมดามันไม่เที่ยง นี่เป็นคำสอนของพระบรมศาสดาแล้วเราล่ะ… เราทำชีวิตไม่ให้เกิด พร้อมยังดับด้วยหรือเปล่า หรือ เราทำชีวิตให้เกิดแล้ว พร้อมยังไม่ให้ดับด้วยหรือเปล่า ลองคิดดูว่ามันคืออะไร ทุกคนเป็นแบบไหน จงเลือกเอา ทุกปัญหามีทางออก...บางทีแค่เพียงแต่เราเปลี่ยน"ทัศนคติ "ของเราเสียใหม่ มีเพียงแต่ ทัศนคติ ของเราเท่านั้นที่จะเป็นตัวนำทางไปสู่ความสำเร็จในชีวิตและงานที่ทำ ความคิด&ทัศนคติ ขั้นตอนสุดท้ายของทุกๆความคิด&ทัศนคติ คือDOINGการลงมือทำ QUESTION : ไม่มีสิ่งใดที่มีค่า 100 % เลยหรือ??? แล้วสิ่งใดที่มีค่าเท่ากับ100 % - ใช่เงินหรือเปล่า ? .... .....ไม่ใช่ ! - ความเป็นผู้นำหรือเปล่า ?..........ไม่ใช่ ! เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใชาเพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" ชีวิตคนเรา มันทั้งสั้น และรวดเร็ว น่าแปลกนะ
  • 25. ความเสียใจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่ากัน แต่ขอว่าอย่าทำให้ เสียความรู้สึกจากคำๆนั้น เพราะต่อให้คุณ "สำนึก" ได้ขึ้นมาเมื่อไหร่ ความรู้สึกที่เสียไป ก็ไม่สามารถกลับมาดังเดิมได้ สุดท้าย ผลที่ตามมา คือ การไม่เชื่อใจอีกต่อไป หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีใจตัวยากกว่า หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีปัญหาไม่ได้ หนีอะไรก็หนีได้ ถ้าหนีเพื่อตั้งหลักกลับมาสู้ใหม่ แต่หนีอะไรก็ไม่ได้เลย ถ้าหนีเพราะไม่ยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้น เมื่อเจอปัญหา>>>อย่าเพิ่งท้อ>>>พอท้อมันจะถอย>>>พอถอยมันก็จะล้ม>>>พอล้มมันก็จะเจ็บ>>>พอเจ็บแล้วมันหมดแรง หมดหวัง หมดอาลัยตายอยาก สุดท้ายก็หมดปัญญาแก้ปัญหา สิ่งเดียวที่ควรทำ คือ ทำใจ ยอมรับ และลองมองคนที่ลำบากกว่าเรา มีปัญหามากกว่า แล้วคิดว่า เขาอยู่มาได้อย่างไรหนอ แล้วเอาสิ่งที่คิดได้ มาใช้กะเราบ้าง เท่านั้น ๒๕ คำบางคำ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่พูดยาก คำบางคำ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่พูดบ่อย ก็ไร้ค่า คำบางคำ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่ไม่พูด ก็ไม่เข้าใจกันและกัน คำบางคำ สั้น กะทัดรัด เข้าใจง่าย แต่ไม่จริงใจต่อให้พูดอย่างไร ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น คำถาม : เราจะอยู่กับอดีต หรือ ปัจจุบันเราแก้ไขอดีตได้ไหม ทำไมไม่อยู่กะปัจจุบัน แล้วข้อผิดพลาดในอดีตมาแก้ไข เพื่อให้ปัจจุบันเรามีทุกข์น้อยที่สุด คนเราย่อมมีเหตุและปัจจัยของชีวิตที่ต่างกัน จึงมีคำพูดที่ Life is Learning, Life is Practice, Life is Education "คนเราถ้าไม่รู้จักความผิดพลาด ก็ยังเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ คนเรายังไม่นำข้อผิดพลาดมาแก้ไข ก็ยังเป็นมนุษย์ที่ สมบูรณ์ไม่ได้"เช่นกัน ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำ อยูที่ทำตัว ยังคงใช้ได้ตลอดกาล เพียงแต่เรา "อย่า" ใช้อคติในการตัดสินสิ่งต่างๆ แต่จงใช้ปัญญา หรือ โยนิโสมนสิการ ให้มาก จะดีชั่ว เพียงไร สุดท้ายก็ไม่พ้นกรรม เพราะปัจจุบัน กรรมติดจรวด
  • 26. ๒๖ วันนี้ ฝนตกแต่เช้ามืด ตกมาแรงบ้าง โหมกระหน่ำบ้าง ปรอยๆบ้าง แต่สุดท้ายก็มีเวลาหยุดให้อาทิตย์ส่องแสงบ้าง เฮ้อ ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน ก็ต้องเจออุปสรรคหนักบ้าง เบาบ้าง ตามเหตุและปัจจัยดุจสายฝน แต่เชื่อเถอะ ถ้าเราพยายามดำเนินชีวิตไปด้วยกุศลธรรม "ฟ้าหลังฝน" ย่อมสดใสเสมอ คำว่า แพ้ จะไม่มีในพจนานุกรมชีวิตของใคร หากคุณมีใจที่สู้เพื่อวันข้างหน้าเสมอ เพลงของนักร้องวัยรุ่นสมัยนี้ สามารถสอนเราได้หลายๆอย่าง อย่างเพลงผ่านมาให้แค่จำ ของพีท พีระ เทศวิศาล ก็เป็นเพลงหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ชีวิตคนเราต้องพบเจออะไรต่าง ๆ มากมาย ล้วนมาผ่านเข้ามา สุดท้ายมันก็จะผ่านไป ยังคงเหลือเพียงความทรงที่ถูกฝังลงไปพร้อมๆกับอดีต ทำให้นึกถึงคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า อดีตมันผ่านไป แล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง จะไปยึดถืออะไรเล่า อยู่กับปัจจุบันดีที่สุด นั่นแหละ เราคงจะกล่าวงง่ายๆ ได้ว่า อดีตเป็นบทเรียนให้เรามาแก้ไขในปัจจุบัน และทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพื่ออนาคตที่สดใสอย่างน้อย เพลงทุกเพลงก็สามารถสอนเราได้ ลองพิจารณาดีๆ ในทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ย่อมพบเจอสุข และทุกข์ ทั้งนั้น และเราก็เชื่ออยู่เสมอว่า " ในความทุกข์ ย่อมฉาบไปด้วยความสุขเสมอ" และ " ในความสุข ก็ย่อมแฝงไปด้วยความทุกข์เสมอ" เช่นกัน คนโบราณว่า ชั่ว ๗ ที ดี ๗ หน แน่นอน ไม่มีใครจะเจอแต่เรื่องเลวร้ายตลอดชีวิต และก็ไม่มีใครจะสุขสมหวัง ตลอดไป แต่ทั้ง ๒ อย่างนั้น ย่อมให้ผลเสมอๆ แต่ต่างที่กรรม และวาระ เท่านั้น “การยอมแพ้ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่อนแอเสมอไป บางครั้งมันหมายความว่าคุณเข้มแข็ง ที่จะปล่อยให้บางอย่างผ่านไป” งานใด ๆ จงอย่าคิดว่าเขาขาดเราไม่ได้ เราสำคัญสำหรับเขา พึงสังวรไว้เสมอๆ ว่า เขาอาจจะมีหนทาง บุคลากรใหม่ๆ ที่ดีกว่า เก่งกว่าก็เป็นได้ อย่าทรนงตัวเอง
  • 27. เคยไหม ไม่รู้เรื่อง แต่โดนว่าลับหลัง เคยไหม ไม่รู้เรื่อง แต่โดนเหน็บจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง เคยไหม ไม่รู้เรื่อง แต่โดนนินทาต่อเติมจากเรื่องไม่มีมูล เคยไหม รู้เรื่อง แต่โดนนำไปเป็นตัวหลักของเรื่อง และเคยไหม เรื่องบางเรื่อง ยังไม่ได้ทำจริง แต่โดนกล่าวหา นี่แหละ คนอยากได้ อยากเด่น อยากดัง โลภเป็นหลัก โมหะตามติดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ชอบทำให้เรื่องใหญ่โดย ใช้เหตุแต่เคยไหมที่จะนึกว่าผลข้างหน้าหากคนนั้นรู้เรื่องเข้า จะเป็นเยี่ยงไรแต่เข้าใจ คนเราพอไม่พอใจอะไร ทุกอย่างก็สามารถทำได้ แต่ระวัง อาจจะโดนเอาคืนเป็นแสนเท่าพันทวี บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้จำ บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้เจ็บ บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้ทุกข์ บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้สุข บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้รู้ บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้เข้าใจ บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้แก้ไข บางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้ชดใช้ และบางเรื่องราว ก็แค่ผ่านมา ให้ทำทุกอย่างที่บอกไป แต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องราว ที่ผ่านมา เพื่อให้เราตระหนักว่า มันคือกรรม สมัยนี้คนเรา โดยอย่างยิ่ง ลูกศิษย์ที่สอนมา ขาด การ "ส.ว.ด." กันมาก ขาดการ "ส.ว.ด." กับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน ไม่ว่าจากสื่อต่างๆ ทีวี ข่าว บทความ แม้กระทั่ง status ใน Facebook บางครั้ง อาจจะเข้าใจไปเอง โดยไม่รู้ความหมายที่สื่อกอกมา ส.ว.ด. คือ สวดอะไร... ส. - เสพ อย่างปราศจากอคติ ว. - วิเคราะห์ วินิจฉัย สิ่งที่เสพ ตามหลักโยนืโสมนสิการ ด. - ดุลยพินิจ ของตนมาพิจารณาความเป็นได้ ตามหลักของเหตุและผล ไม่คิดเองเออเอง จนเกิดความรังเกียจ ความลุ่ม หลง ต่อสิ่งที่เสพ ... เพราะฉะนั้น หันมาสวดกันเยอะๆ อย่าเพียง เสพอย่างเดียวจนงเกิดอคติต่อสิ่งที่พานพบเลย ๒๗
  • 28. ๒๘ เคยสังเกตไหม ทำไมบางคนทำงานบางอย่างได้ดีจนน่าตกใจ มีสิ่งพิเศษในตัวที่ทำอะไรๆ ก็ดีไปหมด ผิดกับบางคน นั่น เพราะ เขามี born to be พูดง่ายคือ พรสวรรค์ แล้วเคยสังเกตบ้างไหม บางคนไม่ได้มีพรสวรรค์ แต่เขากลับทำอะไรๆ ได้ดีเช่นเดียวกัน จากเดิมที่เขาไม่สามารถเลย นั่นเพราะเขา try to be คือ พรแสวงต่างหาก เพราะฉะนั้น คนเรา ไม่ได้เก่งเหมือนกันทุกคน IQ ไม่ได้สูงเหมือนกันทุกคน แต่คนเราก็สามารถที่จะทำได้ เพราะ เรามีพรแสวง ต่อให้คนนั้นโง่ เพียงไร ถ้ามีพรแสวงเสียอย่าง ทุกอย่างก็สำเร็จดังใจนึก แม้ว่าจะใช้เวลานานก็ตาม และอย่าลืมว่า บางครั้ง ชีวิตคนเราอาจต้อง try to be, Not born to be เพื่อความสำเร็จประโยชน์ที่ตั้งใจไว้ ธรรมดาของบุคคลในปัจจุบัน เป็นธรรมดาที่เราควรมองโลกให้เป็นยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ เพราะโลกนี้ช่างซับซ้อนมากขึ้น อยู่ยากมากขึ้น เข้าใจยาก ยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้น จงพิจารณาว่า เรื่องบางอย่างสอนได้เฉพาะกะบางคน แต่สำหรับบางคนก็สอนอะไรไม่ได้เลย ไร้ ความหมายที่จะพูด อุเบกขา แล้วแผ่เมตตาเถอะ (ปัญหามีให้แก้ ให้คิด แต่อย่านำปัญหามาเป็นบาทฐานของชีวิตก็แล้วกัน) ความต้องการของชีวิตที่คนเรามุ่งหวัง ๑. เงิน ๒. ความสุข ๓. คนดีๆ ที่คอยเดินเคียงข้าง ทำอย่างไรให้ได้มาล่ะ ๑. รู้จักให้ ๒. ใส่ใจเขา ๓. เบาวจี ๔. มีมโนสุจริต ๕. ละผิดให้นิรันดร์ ไม่ยาก แต่ก็ ไม่ใช่ง่าย แต่หาก รู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย เขา คือใคร รบอะไร เขาคือสิ่งปรารถนา รบกับสิ่งที่ เป็นอุปสรรคขัดขวางความมุ่งหวัง ยาก แต่ควรทำ หากมุ่งหวังด้วยใจจริง
  • 29. อย่าทำตัวเหมือน ป.ล.ว.ก. ได้แก่ ป. : เปะปะ ไม่มีระเบียบ ไม่มีวินัย ล. : เละเทะ มั่วสุม ใจง่าย ง่ายกับทุก สิ่ง. ว. : วุ่นวาย ทำตัวให้วุ่นกับเรื่องคนอื่น ไม่สนตัวเอง นินทากาเลเป็นเรื่องเอก ก. : เกะกะ. ทำตัวเกะกะ เที่ยว ขัดขวางความดี ความเจริญของคนอื่น มือไม่พาย แต่ชอบเอาเท้าราน้ำ. ถ้าทำตัวเช่น ป.ล.ว.ก. ความเจริญเป็นอันอย่าหวัง หากละ ป.ล.ว.ก. ออกจากชีวิตได้ ความเจริญ ความรักใคร่ ความเมตตาจาดผู้ใหญ่ ย่อมหวังได้เสมอ บางคน เกิดมาเพื่อต่อสู้กับทุกสิ่ง บางคน เกิดมาเพื่อนอนกินนั่งกิน บางคน เกิดมาเพื่อเป็นข้าคนอื่น บางคน เกิดมาเพื่อรอส่วนบุญ แต่บางคน เกิดมาเพื่อสร้างบุญ แต่บางคน เกิดมาเพื่อชดใช้กรรม แต่บางคน เกิดมาเพื่อสร้างสรรค์งาน ... ไม่ว่าเราจะเกิดมาเป็นแบบไหน เกิดมาเพื่ออะไร เราไม่พ้นกรรม เพราะเรามาจากกรรมจัดสรร กรรมบันดาล กรรมแจก แจงมาให้ ... อย่าน้อยใจในโชคชะตา แต่จงดีใจที่ได้เกิดมาใช้กรรม และจงดีใจที่ได้เกิดมาต่อกรรมดี ในชีวิตของคนเรา ไม่มีหรอกที่จะไม่เคยร้องไห้ แถมร้องมาแต่เด็ก แต่ร้องยังไงก็ยังมีวันหยุดร้อง เช่นกัน ในชีวิต คนเรา ไม่มีหรอกที่จะทุกข์ตลอดจนจบชีวิต มันต้องมีสุขบ้างสิ สุข-ทุกข์ มันของคู่กัน เพียงแต่เรามองทางไหน ชีวิตก็เป็นบท ละคร เรื่องหนึ่ง แค่เผอิญมีเราเป็นตัวหลัก เป็นตัวนาง และ ละครเรื่องนี้ ไม่ได้มีบทให้เราท่องจำ มีเพียงความรู้สึกนึกคิด เหตุผล และผลของกรรมเป็นตัวกำหนดให้เรื่องดำเนินไป แถมตอนจบเราก็ยังไม่รู้อีกว่าจะเป็นเช่นไร ที่แน่ๆ ตอนจบของละคร ชีวิต ไม่ได้ สุข สมหวัง เสมอไป อย่าลืมนะ สุข ทุกข์ ใครเป็นคนกำหนด เรานั่นแหละเป็นคนกำหนด เอาใจไปผูกไว้ ไปผสานไว้ เพราะคนเราชอบ ๒๙ มโนนึกเอง เข้าข้างตัวเองเสมอ ล้มได้ก็ลุกได้ อ่อนแอได้ ก็เข้มแข็งได้ เราเชื่อว่า ท่านมีวุฒิภาวะพอจะคิดจะทำ เหนื่อยใจนัก ก็พักก่อน ค่อยเดินต่อ ที่สำคัญ ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงได้ตลอด สู้ต่อไป กะ ละครชีวิตที่บัดซบ