Más contenido relacionado
La actualidad más candente (20)
Similar a กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน (14)
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
- 1. กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
ที่มา - กาพย์เห่เรือนี้สันนิษฐานว่าทรงพระราชนิพนธ์ เพื่อชมฝีพระหัตถ์ในการแต่งเครื่องเสวยของสมเด็จ
พระศรีสุริเยนทราบรมราชิน
ผู้แต่ง - พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2)
ลักษณะคาประพันธ์ - แต่งเหมือนกาพย์เห่เรือ หรือกาพย์ห่อโคลงเริ่มต้น ด้วยโคลงสี่สุภาพ จานวน 1 บท
และกาพย์ยานี 11 ข้อความในโคลงสี่สุภาพ 1 บทและบรรยายเนื้อหาทั้งหมด 14 บท
ความมุ่งหมาย หรือจุดประสงค์การแต่ง
1. เพื่อเป็นบทเห่เรือพระที่นั่งเวลาเสด็จประพาสส่วนพระองค์
2. เพื่อชมฝีพระหัตถ์ในการปรุงเครื่องเสวยของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
เวลาแต่ง - สันนิษฐานว่าแต่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
เนื้อเรื่องย่อ
กล่าวถึงอาหารคาวทั้ง 17 ชนิด คือ แกงมัสมั่นไก่, ยาใหญ่, ตับเหล็กลวก, หมูแนม , ก้อยกุ้ง , แกงเทโพ,
น้ายาแกงอ่อม, ข้าวหุงเครื่องเทศ, หมูป่าต้ม , แกงคั่วส้ม, พล่าเนื้อ, ล่าเตียง, รังนก , หรุ่ม, ไตปลา , แสร้งว่า ,
[รังนก(เป็นทั้งอาหารคาว /หวาน) ] เมื่อกล่าวถึงอาหารชนิดใด กวีจะพรรณนาเชื่อมโยงไปถึงหญิงคนรัก
คาศัพท์น่ารู้
แกงมัสมั่น = ชื่อแกงชนิดหนึ่ง เป็นแกงเผ็ดปรุงด้วยเครื่องเทศชาวบ้านเรียกแกงสะระหมั่น
นพคุณ = ทองเนื้อเก้า ยี่หร่า = เครื่องเทศชนิดหนึ่งใช้ในแกงมัสมั่น
ภุญช์ = กิน ข้อน = อาการตี ทุบอกตนเอง แก้วตา = หญิงคนรัก
ยาใหญ่ = ชื่ออาหารประเภทยา ตรา = กาหนด
ตับเหล็กลวกเครื่องในหมู มองดูคล้ายตับแต่แท้ที่จริง คือม้ามของหมู
หมูแนม = อาหารว่างชนิดหนึ่ง ใช้เนื้อหมูสุกฉีกประสมกับข้าวคั่ว
รางชาง = สวยงาม ก้อยกุ้ง = ชื่ออาหารคาวประเภทเครื่องจิ้ม ประทิ่น = เครื่อง
หอม
เทโพ = ปลาน้าจืดชนิดหนึ่งมีรสอร่อยมักใช้แกงคั่วส้มชนิดหนึ่งใส่ผักบุ้งเรียกว่าแกงเทโพ
แกงขม = เครื่องกินกับขนมจีนน้ายา กล = ราวกับ
อ่อม = แกงชนิดหนึ่งใส่มะระ ลูกเอ็น = ลูกกระวาน
แกงคั่วส้ม = แกงคั่วที่ใส่เครื่องที่ทาให้มีรสเปรี้ยว
ความขา = สิ่งที่เป็นความนัยไม่ควรเปิดเผย ช้าช้า = คาอุทานแสดงความ
พอใจ
- 2. ขนมมงคล คือขนมที่นิยมนาไปถวายพระและเลี้ยงแขกในงานพิธีมงคลต่างๆ มักมีวิธีการทาอย่าง
พิถีพิถัน ซึ่งที่นิยมกันมีขนม ๙ อย่างที่มีชื่อไพเราะและเป็นสิริมงคล ได้แก่
ทองหยิบ หมายถึง หยิบจับสิ่งใดจะประสบความสาเร็จมั่งคั่งร่ารวย ทองหยอด เปรียบประดุจการให้ทองคา
แก่กัน
ฝอยทอง นิยมใช้ในงานมงคลสมรส ให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตคู่ที่ยืนยาวประดุจเส้นยาวๆ ของขนม ทองเอก ใช้
แทน คาอวยพรว่า ขอให้ได้เป็นที่หนึ่งหรือให้ชนะเลิศ
ขนมชั้น หมายถึง การได้เลื่อนชั้น เลื่อนยศถาบรรดาศักดิ์
จ่ามงกุฎ หมายถึง การได้เป็นหัวหน้าสูงสุด และมีเกียรติยศสูงส่ง ขนมถ้วยฟู แทนความรุ่งเรืองเฟื่อง
ฟู
เม็ดขนุน ใช้แทนคาอวยพรว่า ให้มีคนคอยสนับสนุน และ
เสน่ห์จันทน์ หมายถึง ขอให้มีเสน่ห์ ผู้คนห้อมล้อม รักใคร่เอ็นดู
การพิจารณาคุณค่า
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานฯ นับเป็นวรรณคดีที่สาคัญอีกเรื่องหนึ่ง แม้มีเนื้อเรื่องที่ไม่ยาวนัก แต่ให้คุณ
ค่าที่มีประโยชน์หลายประการ คือ
1. ให้ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมด้านอาหารการกินของคนไทยสมัยโบราณ สะท้อนให้เห็นควา
ละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการทาอาหาร
2. ให้ความรู้เกี่ยวกับประเพณี ความเชื่อต่างๆ เช่น พิธีโล้ชิงช้า ซึ่งเป็นคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์
ประกอบพิธีในช่วงเดือนยี่
3. สะท้องสภาพบ้านเมืองในสมัยอดีต มีการติดต่อค่าขายกับชาวต่างชาติ เช่น จีน อินเดีย จึงมีการ
แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกินร่วมไปด้วย เช่น ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ รสพิเศษใสลูกเอ็น ซึ่งเป็น
วิธีการหุงข้าวแบบแขกเปอร์เซีย ใส่เครื่องเทศชนิดหนึ่งเรียกว่า "ลูกเฮลท์" เพี้ยนเสียงมาเป็น "ลูกเอ็น"
4. ให้คุณค่าเชิงวรรณศิลป์ กวีสามารถพรรณนาอาหารแต่ละชินิดได้อย่างเห็นภาพ ใช้ถ้อยคาเปรียบเทียบ
ลึกซึ้งกินใจ และไพเราะ
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็นบทประพันธ์ที่นักวรรณคดีนิยมกันว่าเข้าข่ายวรรณคดีบริสุทธิ์ คือ
เพ่งเล็งความงดงามไพเราะยิ่งกว่าอย่างอื่น มีการสร้างคาอย่างประณีตตลอดจนใช้โวหารต่างๆ อาทิ พรรณนา
โวหาร อุปมาโวหาร ทาให้ผู้อ่านมองเห็นภาพพจน์จินตนาการได้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างโวหาร กล่าวเกินจริง ทาให้เกิดความไพเราะ
" ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รสทิพย์หยิบมาโปรย ฤาจะเปรียบเทียบทันขวัญ"
- 3. ตัวอย่างใช้โวหาร การเล่นคาและซ้าคา ทาให้เกิดภาพพจน์ชัดเจน
" ล่าเตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทาเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอยากนิทรคิดแนบนอน"
ตัวอย่างใช้โวหารแบบอุปมา เปรียบเทียบทาให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ
" รังนกนึ่งน่าซด โอชารสกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน"
ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง
1.ลักษณะของคนไทยจะเป็นคนประณีต ชอบความสวยงามและมีความคิดสร้างสรรค์ สังเกตได้จากการ
รับประทานอาหาร การปรุงอาหาร ตลอดจนการจัดอาหารต่างๆ
2.วรรณคดีบริสุทธิ์ เป็นบทกวีที่มุ่งความงามความไพเราะทางภาษา โดยเน้นอารมณ์ ความรู้สึก
3.อิทธิพลของความรัก ทาให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปตามความรู้สึกของบุคคลนั้นที่เรียกว่า
"ความรักทาให้คนตาบอด" และ "ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์"