Más contenido relacionado La actualidad más candente (20) Similar a Nerve cell (20) Nerve cell1. ระบบประสาท
ครูอังสนา แสนเยีย
โรงเรียนหนองซนพิทยาคม
5. แขนง (process) แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
เดนไดรต์ (dendrite)
แอกซอน (axon)
ชนิดของแอกซอน
แอกซอนทีมีปลอกมัยอีลีนหุ้ม
่
แอกซอนทีไม่มีปลอกมัยอีลีนหุ้ม
่
6. ระบบประสาท
ภาพที่ 11-2 การเกิดเยื่อหุ้มไมอีลิน (Tortora และ Grabowski, 1996)
11-
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
8. ระบบประสาท
ภาพที่ 11-4 Oligodendrocyte (Graaff และ Fox, 1995)
11-
9. 2. ชนิดของเซลล์ประสาท
2.1 เมื่อแบ่งตามจานวนแขนงที่แตกออกจากตัวเซลล์
ได้แก่
เซลล์ประสาทขั้วเดียว
เซลล์ประสาทสองขั้ว
เซลล์ประสาทหลายขั้ว
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
11. 2.2 เมื่อแบ่งเซลล์ประสาทตามหน้าที่ จะแบ่งเป็น
เซลล์ประสาทรับความรู้สึก (sensory, afferent neuron)
เซลล์ประสาทสั่งการ (motor, efferent neuron)
เซลล์ประสาทเชื่อม (association, interneuron,
internuncial neuron)
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
12. คุณสมบัติของเซลล์ประสาทมี 2 ประการ
excitability
conductivity
ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในภาวะปกติของเซลล์ประสาท
ER ของเซลล์ประสาท = -70 mv
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
15. แอกชันโพเทนเชียล
คือ ความต่างศักย์ขณะที่เซลล์ประสาทถูกกระตุ้น ซึ่งจะเกิดการ
เปลี่ยนแปลงดังนี้ คือ
1. เยื่อหุ้มเซลล์บริเวณที่ถูกกระตุ้นจะยอมให้ Na+ เคลื่อนที่เข้าสู่
เซลล์ได้มากกว่าปกติ
2. ทาให้ความต่างศักย์ซึ่งมีค่าประมาณ -70 mv เปลี่ยนเป็น -69, -
68, -67,…….....จนกระทั่งเปลี่ยนเป็น -55 mv เรียกว่าถึงจุด
firing level
3. รูบนเยื่อหุ้มเซลล์ที่ให้เฉพาะ Na+ ผ่านได้เท่านั้น (Na+ channel)
เปิดออกเต็มที่ Na+ จึงเคลื่อนที่เข้าสู่เซลล์อย่างรวดเร็ว
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
16. 4. ทาให้ความต่างศักย์เปลี่ยนจาก -55 mv เป็น +35 mv อย่าง
รวดเร็ว เรียกว่าเกิดการ depolarization หรือการกลับขั้ว
5. ทาให้เกิดการนากระแสประสาท ( nerve impulse ) ได้
6. repolarization
7. negative after potential หรือ after depolarization
8. positive after potential หรือ after hyperpolarization
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
17. ระบบประสาท
ภาพที่ 11-8 การเคลื่อนที่ของโซเดียมไอออนและโพแทสเซียมไอออนขณะเกิดศักย์ไฟฟ้า (Campbell และ คณะ,1997)
11-
20. การเคลื่อนทีของกระแสประสาท (propagation of nerve impulse)
่
1. ในใยประสาทที่ไม่มีปลอกไมอีลินหุ้ม
ภาพที่ 11-10 การเคลื่อนที่ของกระแสประสาทที่ไม่มีปลอกไมอีลินหุ้ม (Ganong,2001)
11-
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
21. 2. ในใยประสาทที่มีปลอกไมอีลินหุ้ม
ภาพที่ 11-11 การเคลื่อนที่ของกระแสประสาทที่มีปลอกไมอีลินหุ้ม (Ganong,2001)
11-
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
24. ระบบประสาท
ภาพที่ 11-13 ลักษณะโครงสร้างของsynapse
11- งของsynapse
(Brum และคณะ,1994)
25. การส่งกระแสประสาทที่ผ่านซิแนปส์ มี 2 แบบ คือ
1 ซิแนปส์ไฟฟ้า
2 ซิแนปส์เคมี
การเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้าที่ synapse มี 2 แบบ คือ
1. EPSP (excitatory postsynaptic potential) ทาให้เกิด
depolalization มีสารสื่อประสาท คือ acetylcholine,
norepinephrine, epinephrine, dopamine, serotonin,
L-glutamate และ L-aspatate
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
27. 2. IPSP (Inhibitory Postsynaptic Potential) ทาให้เกิด
hyperpolarization (-80 mv) มีสารสื่อประสาท คือ
gamma aminobutyric acid (GABA) ,glycine, taurine, alanine
____________________________
วงจรการทางานของระบบประสาท
วงจรรีเฟล็กซ์ (reflex arc)
• เป็นวงจรการทางานที่ง่ายที่สุดของระบบประสาท
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
34. ระบบประสาทของสัตว์มีกระดูกสันหลัง
แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ตามตาแหน่งที่อยู่ คือ
1. ระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่
สมอง (brain)
ไขสันหลัง (Spinal cord)
2. ระบบประสาทส่วนปลาย
เส้นประสาทสมอง 12 คู่ (cranial nerve = CN)
เส้นประสาทไขสันหลัง 31 คู่ (spinal nerve)
ปมประสาท (ganglia)
35. แบ่งระบบประสาทตามหน้าที่ ก็แบ่งเป็น 2 ระบบคือ
ระบบประสาทโซมาติก
ระบบประสาทอัตโนวัติ
ส่วนประกอบของสมอง
1. สมองใหญ่ (cerebrum) แบ่งออกเป็น 2 ซีก แต่ละซีกเรียกว่า
cerebral hemisphere
สมองแต่ละซีกแบ่งออกเป็น 2 ชัน
้
ชั้นนอก (cerebral cortex) เรียกอีกชื่อว่า gray matter
ชั้นใน (cerebral medulla) เรียกอีกชื่อว่า white matter
36. บนสมองมี gyrus มากมาย มี fissure 2 ร่อง ซึ่งแบ่งสมองทาง
ด้านข้างออกเป็น 4 lobe มี sulcus อยู่ระหว่าง gyrus เมื่อมองสมองทาง
ด้านข้างจะเห็นเป็น 4 lobe คือ
1. frontal lobe
2. parietal lobe
3. temporal lobe
4. occipital lobe
39. สมองในแนว mid - saggital
ภาพที่ 11-22 ลักษณะทางกายวิภาคของสมองเมื่อผ่าครึ่งซีก (Graaff และ Fox, 1995)
40. Thalamus มีหน้าที่ที่สาคัญคือ
1. เป็น sensory relay station
2. แปลความรู้สึกเจ็บปวด
Hypothalamus มีหน้าที่สาคัญ คือ
1. ควบคุมการทางานของระบบประสาทอัตโนวัติ
2. ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย
3. ควบคุมสมดุลย์น้าในร่างกาย
4. ควบคุมการหลั่งฮอร์โมน จากต่อมใต้สมอง
41. 5. ควบคุมการกินอาหาร
6. ควบคุมการแสดงออกของอารมณ์
7. ควบคุมเกี่ยวกับการหลับและตื่น
8. ควบคุมการหลั่งน้าย่อยจากกระเพาะอาหาร
Mid brain
ประกอบด้วย
1 cerebral peduncle ทาหน้าที่เป็นวิถีประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว
2 corpora quadrigemina ทาหน้าที่เกี่ยวกับรีเฟล็กซ์ของการมองเห็น
และการได้ยินเสียง
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
42. Pons
1 เป็น motor relay station
2 เป็นจุดกาเนิดของ CN คู่ที่ 5, 6, 7
3 เป็นศูนย์ควบคุมการหายใจเข้าและออก
Medulla oblongata
ประกอบด้วย
วิถีประสาทนาขึ้น (ascending tract)
วิถีประสาทนาลง (descending tract)
จุดกาเนิดของ CN 9, 10, 11, 12
43. vital center ได้แก่ non-vital center ได้แก่
1. cardioinhibitory center ศูนย์การกลืน
2. respiratory center ศูนย์การอาเจียน
inspiratory center ศูนย์การไอ
expiratory center ศูนย์การจาม
3. vasomotor center
44. Cerebellum
มีหน้าที่เป็นศูนย์รับข้อมูลที่จาเป็นสาหรับการเคลื่อนไหว
ไขสันหลัง
แบ่งตามตาแหน่งที่อยู่เป็น 4 ส่วนคือ
ไขสันหลังระดับคอ
ไขสันหลังระดับอก
ไขสันหลังระดับเอว
ไขสันหลังระดับกระเบนเหน็บ
เมื่อตัดไขสันหลังตามขวาง จะเห็นแยกออกเป็น 2 ส่วนคือ
ชั้นนอกเป็น white matter เป็นบริเวณที่มีใยประสาทที่มีปลอกไมอีลินหุ้ม
ชั้นในเป็น gray matter ซึ่งอาจมีรูปร่างเป็นรูปตัว H หรือผีเสื้อก็ได้ ขึ้นอยู่กับ
ระดับของไขสันหลังที่ตัดมา
45. ระบบประสาท
ภาพที่ 11-23 ลักษณะทางกายวิภาคของไขสันหลัง เมื่อตัดตามขวาง (Martini และ Timmons, 1997)
11-
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
46. ระบบประสาท
ไขสันมีหน้าที่ 2 ประการ คือ
1. เป็นทางเดินของวิถีประสาท
นาขึ้นและนาลง
2. เป็นศูนย์กลางของรีเฟล็กซ์
ภาพที่ 11-24 ทางเดินของเส้นประสาทนาลง
(Martini และ Timmons, 1997)
47. ระบบประสาท
ระบบประสาทส่วนปลายได้แก่
เส้นประสาทสมอง 12 คู่
เส้นประสาทไขสันหลัง 31 คู่
ปมประสาท
ภาพที่ 11-25 เส้นประสาทสมองและไข
11-
สันหลัง (Martini และ Timmons, 1997)
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
48. ระบบประสาทอัตโนวัติ (ANS)
มีหน้าที่ควบคุมให้อวัยวะภายในทางานประสานกันและเป็น
การทางานนอกอานาจจิตใจ องค์ประกอบของระบบนี้ ได้แก่
1. receptor
2. visceral afferent pathway
3. central control center
4. visceral efferent pathway
49. การทางานของระบบนี้แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ
1. ระบบซิมพาเทติก เมื่อเส้นประสาทของระบบนี้ถูกกระตุ้น
มักจะทาให้อวัยวะที่ไปเลี้ยงทางานได้เร็วขึ้น
2 ระบบพาราซิมพาเทติก ทางานตรงข้ามกับระบบแรก
efferent pathway ของระบบประสาทอัตโนวัติ
ประกอบด้วยเส้นประสาท 2 เส้นมา synapse กันนอกสมองและไขสันหลัง
เส้นประสาททั้งสองมีชื่อเรียกว่า
เส้นประสาทก่อนปมประสาท (preganglionic nerve)
เส้นประสาทหลังปมประสาท (postganglionic nerve)
50. ระบบประสาท
ภาพที่ 11-27 วิถีประสาทสั่งการและปมประสาทของระบบประสาทอัตโนวัติ (Martini
11-
และ Timmons, 1997)
ชีววิทยา (424111) อ.เยาวลักษณ์ น่วมธนัง
51. ระบบประสาท
1. วิถีประสาทสั่งการใน
ระบบซิมพาเทติก ประกอบ
ด้วยเส้นประสาทไขสันหลัง
ระดับอกคู่ที่ 1-12
ระดับเอวคูที่ 1-2
่
ภาพที่ 11-28 วิถีประสาทสั่งการของระบบซิมพาเทติก (Martini และ Timmons, 1997)
11-
52. ระบบประสาท
2. วิถีประสาทสั่งการในระบบ
พาราซิมพาเทติก ประกอบด้วย
เส้นประสาทสมองคู่ที่ 3, 7, 9,
10
เส้นประสาทไขสันหลังระดับ
กระเบนเหน็บคู่ที่ 2, 3, 4 มา
รวมกันเป็น pelvic nerve
ภาพที่ 11-29 วิถีประสาทสั่งการของระบบพาราซิมพาเทติก (Martini และ Timmons, 1997)
11-
53. คาถามท้ายบท
1. เนื้อเยื่อประสาทประกอบด้วยเซลล์อะไรบ้าง
2. อาการพาร์คินซันเกิดจากการขาดสารสื่อประสาทชนิดใด
3. คนที่เป็นอัมพาต อาจเกิดจากส่วนใดของสมองถูกทาลาย
4. บุคคลที่ลื่นหกล้ม ศีรษะบริเวณท้ายทอยฟาดพื้น เมื่อลุกขึ้นมา
อาจมีอาหารผิดปกติใดบ้างที่เกียวข้องกับสมอง 5.สารสื่อประสาท
่
ชนิดใด ที่ในวงการธุรกิจจะประชาสัมพันธ์ถึงสารชนิดนี้ว่า กินแล้ว
ความจาจะดี